BLS.BIGC: 2 วันสุดท้ายสำหรับโอกาสในการขาย
วันที่เผยแพร่ : 10/05/2016
บทวิเคราะห์โดยสังเขป :
ประเด็นการลงทุน
เราแนะนักลงทุนรับคำเสนอซื้อหุ้นก่อนที่จะสิ้นสุดระยะเวลาเสนอซื้อในวันที่ 11 พ.ค. 2559 เราคิดว่าแนวโน้มการเติบโตของกำไร BIGC นั้นต่ำเกินไปที่จะทำให้ราคาหุ้นยืนอยู่ได้ที่ PER ปี 2559 ที่ 27.4 เท่า ดังนั้น เราคาดว่าราคาหุ้นน่าจะปรับตัวลงหลังระยะเวลาเสนอซื้อหุ้นสิ้นสุด โดยอัพไซด์ต่อมูลค่าหุ้นเพียงประเด็นเดียวเท่านั้นคือผลประโยชน์จากการรวมธุรกิจกับ BJC แต่เราไม่คาดว่าจะเห็นผลในเร็วๆนี้
ยอดขายยังคงชะลอตัว
ผู้บริหารกล่าวว่า ยอดขายของสาขาเดิมที่หดตัว 2.9% ในไตรมาส 1/59 มาจากการลดลงของยอดขายของสินค้าที่ไม่อาหาร (คิดเป็น 30% ของยอดขายทั้งหมด) โดยเฉพาะ สินค้าประเภทเครื่องใช้ในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า ยอดขายอาหารยังคงเติบโตต่อเนื่องแต่ในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตามแม้ว่ายอดขายของสาขาเดิมหดตัวในไตรมาส 1/59 แต่ BIGC ยังคงเป้าหมายการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ 0-1% ในปีนี้ ซึ่งเราคิดว่าโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย เนื่องจากเราคิดว่าอุปสงค์ต่อสินค้าคงทนของลูกค้ากลุ่มรายได้น้อยจนถึงปานกลางจะยังไม่ฟื้นตัวก่อนช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวในไตรมาส 4/59 โดยเรามองว่ายังเร็วไปที่จะประเมินว่าการกลับมาเติบโตของยอดขายของสาขาเดิมในเดือนเมษายนนั้น หมายถึงการฟื้นตัวของยอดขายของสาขาเดิม เรายังคงสมมติฐานยอดขายของสาขาเดิมที่ -0.3% ในปี 2559
อัตรากำไรดีขึ้นหนุนกำไรสุทธิ
จากยอดขายที่ชะลอตัว BIGC อาจไม่สามารถขอส่วนลดเพิ่มเติมจากซัพพลายเออร์ได้อีก ดังนั้นการควบคุมต้นทุนจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลักดันความสามารถในการทำกำไร โดยอัตราส่วนที่สินค้าผ่านศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มขึ้นแตะ 86% ณ สิ้นเดือนมี.ค. จาก 84% ณ สิ้นปี 2558 และ 80% ก่อนที่คลังสินค้าสดจะเสร็จในไตรมาส 2/58 นอกจากนี้คลังสินค้าอาหารสดแห่งใหม่และกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นส่งผลให้อัตราของอาหารเน่าเสียลดลงด้วยเช่นกัน ดังนั้นแม้ว่าจะมีแรงกดดันจากการบริโภคที่ชะลอตัวลงและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น BIGC มั่นใจว่า EBITDA Margin ในปี 2559 จะกลับมาเท่ากับระดับปี 2557 ที่ 11.4% เทียบกับ 10.8% ในปี 2558
แก้ไขสัญญากับบางจาก
บริษัทได้ทำการแก้ไขสัญญากับ BCP เพื่อให้สามารถขยายสาขา Mini BigC ไปยังสถานีบริการน้ำมันอื่นได้ โดยบริษัทได้เปิดให้บริการในสถานีบริการน้ำมันของ Shell และ Caltex แล้ว และจะเปิดให้บริการในปั๊มของ Esso เร็วๆนี้ ในมุมมองของเรา การแก้ไขสัญญาดังกล่าวจะทำให้ Mini BigC ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และอาจมีความเป็นไปได้ที่จะขยายสาขาได้มากกว่าเป้าหมายที่ 75 สาขาในปีนี้ เราไม่กังวลมากนักในประเด็นที่ว่าการแก้ไขสัญญาดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อรายอื่นเปิดสาขาในปั๊มบางจาก เนื่องจาก BIGC น่าจะได้ทำเลที่ดีส่วนใหญ่ไปแล้ว
ผลประโยชน์จากการร่วมธุรกิจกับ BJC เป็นอัพไซด์ในอนาคต
ผู้บริหารคาดว่าจะมีผลประโยชน์อย่างมากจากการเข้าร่วมธุรกิจกับ BJC โดยมีผลประโยชน์จะมาจาก 8 ด้าน ได้แก่ 1) สินค้าเฮ้าส์แบรนด์ 2) การขนส่งและกระจายสินค้า 3) การโปรโมทสินค้าของ BJC 4) การเงินและการบัญชี 5) ด้าน IT 6) โครงการพิเศษ อย่างเช่น Asia Book 7) ด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 8) ด้านการบริหารจัดการการค้าปลีก อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้ประเมินผลประโยชน์ออกมาเป็นตัวเลขอย่างชัดเจน ดังนั้น เราจึงยังคงประเด็นนี้เป็นอัพไซด์ต่อการประมาณการของเราเท่านั้น
คำแนะนำ :
คำแนะนำพื้นฐาน: ขาย
เป้าหมายพื้นฐาน: 204.00 บาท
คิดไงกับบทวิเคราะห์นี้ที่บอกว่าให้ขาย bigc คืนให้ bjc แล้วให้ราคาเป้าหมาย big c ที่ 204 บาทต่ำมาก
วันที่เผยแพร่ : 10/05/2016
บทวิเคราะห์โดยสังเขป :
ประเด็นการลงทุน
เราแนะนักลงทุนรับคำเสนอซื้อหุ้นก่อนที่จะสิ้นสุดระยะเวลาเสนอซื้อในวันที่ 11 พ.ค. 2559 เราคิดว่าแนวโน้มการเติบโตของกำไร BIGC นั้นต่ำเกินไปที่จะทำให้ราคาหุ้นยืนอยู่ได้ที่ PER ปี 2559 ที่ 27.4 เท่า ดังนั้น เราคาดว่าราคาหุ้นน่าจะปรับตัวลงหลังระยะเวลาเสนอซื้อหุ้นสิ้นสุด โดยอัพไซด์ต่อมูลค่าหุ้นเพียงประเด็นเดียวเท่านั้นคือผลประโยชน์จากการรวมธุรกิจกับ BJC แต่เราไม่คาดว่าจะเห็นผลในเร็วๆนี้
ยอดขายยังคงชะลอตัว
ผู้บริหารกล่าวว่า ยอดขายของสาขาเดิมที่หดตัว 2.9% ในไตรมาส 1/59 มาจากการลดลงของยอดขายของสินค้าที่ไม่อาหาร (คิดเป็น 30% ของยอดขายทั้งหมด) โดยเฉพาะ สินค้าประเภทเครื่องใช้ในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า ยอดขายอาหารยังคงเติบโตต่อเนื่องแต่ในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตามแม้ว่ายอดขายของสาขาเดิมหดตัวในไตรมาส 1/59 แต่ BIGC ยังคงเป้าหมายการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ 0-1% ในปีนี้ ซึ่งเราคิดว่าโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย เนื่องจากเราคิดว่าอุปสงค์ต่อสินค้าคงทนของลูกค้ากลุ่มรายได้น้อยจนถึงปานกลางจะยังไม่ฟื้นตัวก่อนช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวในไตรมาส 4/59 โดยเรามองว่ายังเร็วไปที่จะประเมินว่าการกลับมาเติบโตของยอดขายของสาขาเดิมในเดือนเมษายนนั้น หมายถึงการฟื้นตัวของยอดขายของสาขาเดิม เรายังคงสมมติฐานยอดขายของสาขาเดิมที่ -0.3% ในปี 2559
อัตรากำไรดีขึ้นหนุนกำไรสุทธิ
จากยอดขายที่ชะลอตัว BIGC อาจไม่สามารถขอส่วนลดเพิ่มเติมจากซัพพลายเออร์ได้อีก ดังนั้นการควบคุมต้นทุนจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลักดันความสามารถในการทำกำไร โดยอัตราส่วนที่สินค้าผ่านศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มขึ้นแตะ 86% ณ สิ้นเดือนมี.ค. จาก 84% ณ สิ้นปี 2558 และ 80% ก่อนที่คลังสินค้าสดจะเสร็จในไตรมาส 2/58 นอกจากนี้คลังสินค้าอาหารสดแห่งใหม่และกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นส่งผลให้อัตราของอาหารเน่าเสียลดลงด้วยเช่นกัน ดังนั้นแม้ว่าจะมีแรงกดดันจากการบริโภคที่ชะลอตัวลงและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น BIGC มั่นใจว่า EBITDA Margin ในปี 2559 จะกลับมาเท่ากับระดับปี 2557 ที่ 11.4% เทียบกับ 10.8% ในปี 2558
แก้ไขสัญญากับบางจาก
บริษัทได้ทำการแก้ไขสัญญากับ BCP เพื่อให้สามารถขยายสาขา Mini BigC ไปยังสถานีบริการน้ำมันอื่นได้ โดยบริษัทได้เปิดให้บริการในสถานีบริการน้ำมันของ Shell และ Caltex แล้ว และจะเปิดให้บริการในปั๊มของ Esso เร็วๆนี้ ในมุมมองของเรา การแก้ไขสัญญาดังกล่าวจะทำให้ Mini BigC ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และอาจมีความเป็นไปได้ที่จะขยายสาขาได้มากกว่าเป้าหมายที่ 75 สาขาในปีนี้ เราไม่กังวลมากนักในประเด็นที่ว่าการแก้ไขสัญญาดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อรายอื่นเปิดสาขาในปั๊มบางจาก เนื่องจาก BIGC น่าจะได้ทำเลที่ดีส่วนใหญ่ไปแล้ว
ผลประโยชน์จากการร่วมธุรกิจกับ BJC เป็นอัพไซด์ในอนาคต
ผู้บริหารคาดว่าจะมีผลประโยชน์อย่างมากจากการเข้าร่วมธุรกิจกับ BJC โดยมีผลประโยชน์จะมาจาก 8 ด้าน ได้แก่ 1) สินค้าเฮ้าส์แบรนด์ 2) การขนส่งและกระจายสินค้า 3) การโปรโมทสินค้าของ BJC 4) การเงินและการบัญชี 5) ด้าน IT 6) โครงการพิเศษ อย่างเช่น Asia Book 7) ด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 8) ด้านการบริหารจัดการการค้าปลีก อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้ประเมินผลประโยชน์ออกมาเป็นตัวเลขอย่างชัดเจน ดังนั้น เราจึงยังคงประเด็นนี้เป็นอัพไซด์ต่อการประมาณการของเราเท่านั้น
คำแนะนำ :
คำแนะนำพื้นฐาน: ขาย
เป้าหมายพื้นฐาน: 204.00 บาท