พิมพ์ผิด ใช้คำไม่เหมาะสมขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ
จุดประสงค์ของกระทู้คือ อยากแค่ระบายค่ะ
เบื่อพวกมโนเรื่องของคนอื่นได้ทุกเรื่อง เอาเรื่องของชาวบ้านไปโพนทะนาเสียหาย ปลุกปั่น ยุยง จิกกัด เหน็บแนม
พูดจากหยาบคาย เพราะเราเองอยู่แผนกที่มีแต่ชายล้วนๆ เป็นหญิงคนเดียว เรื่องพวกนี้คงไม่มีเพื่อนร่วมงานชายรับฟังหรอกค่ะ
แต่เพื่อนร่วมงานชายก็มีโดนนางเหน็บแนมอยู่บ่อยๆ แต่ผู้ชายพวกนี้ก็ทำหูทวนลมค่ะ
ส่วนเพื่อนสาว+เพื่อนหญิงแท้ ต่างก็โดนนางเหน็บกันทั้งนั้นแหละ เห็นๆกันอยู่ค่ะ
แต่เราเองก็ไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้ไปบ่นให้เพื่อนร่วมงานฟังค่ะ เพราะเรามองว่าไว้ใจกันยากค่ะ ปากต่อปาก อันตราย
(อาจมองเหมือนเราไม่มีเพื่อนแต่ไม่ใช่นะคะ เราก็คุยกันได้ทุกคน แต่เราเลี่ยงที่จะเอาเรื่องคนใกล้ตัวไปเล่าต่ออีกคนค่ะ)
คือเราเกริ่นก่อนนะคะว่า เรากะยายเมี้ยน อยู่คนละแผนกกัน ความเกี่ยวข้องในเนื้องานก็น้อยมากกกกๆ
เพียงแต่ว่าแผนกเราอยู่ติดกัน และบังเอิ๊ญ..บังเอิญว่าบ้านอยู่ทางเดียวกัน นางก็เลยเป็นปลิงเกาะติดรถกลับด้วยเกือบทุกวันจริงๆ
(นอกจากเคืองนางเราก็จะอ้างยังไม่กลับ ปล่อยให้นางไปเสียตังค์ค่ารถเล่น หรือไม่ก็ปล่อยให้นางไปเป็นปลิง เกาะคนอื่นๆบ้าง)
เข้าเรื่องเลยนะ (คือเจอนางจัดมาหลายดอกแล้ว จนถึงขีดจำกัด)
นางเป็นเหมือนยายเมี้ยนปากปลาร้ามากเลย เราไม่ค่อยเข้าใจนางเลยว่าวันๆชีวิตนางต้องการอะไรจากสังคม
(หรือว่าเราต้องการอะไรจากสังคม 5555++)
นางเป็นเลขาอายุนาง 40++ แล้วค่ะ นางแก่กว่า 8-9 ปี (อายุงานนางประมาณ 20 กว่าปีได้ค่ะ พอๆกับอายุบริษัท )
วันๆถ้านายไม่อยู่นางจะเดินไปแผนกโน้นที แผนกนี้ทีแล้วก็เอาเรื่องห้องนั้นไปเล่า เอาเรื่องห้องนี้ไปโพนทะนาไปเรื่อย
(ตึกที่ทำงานมี 5 ชั้นค่ะ บางวันนางเดินครบเลยจริงๆนะ นางเคยบอกไว้)
แล้วนางก็พูดยุยงให้คนเค้าหมั่นไส้กันมีปัญหากันตลอดเวลา หรือไม่นางก็พูดจาแรงเหน็บแนมแบบไม่คิดอะไร
พูดจากระแทรกใส่คนนั้นคนนี้แรงๆ (แบบคนไม่มีสามัญสำนึกมากกว่า)
บางทีเรื่องงานมีปัญหานางก็จะว่าเค้าแรงๆ อย่างเช่น ....
ใช้สมองคิดบ้างสิ ดูสิคิดสิ เอกสารมันเกี่ยวกะนางไหมวางเอกสารกระแทรกใส่คนอื่นๆ
(แต่ข้อดีของนางด่าแล้ววันพรุ่งนี้นางก็ลืม....แบบนี้ดีจริงไหมนะ) แล้วนางก็จะเอาไปบ่น ไปเล่าให้ใครต่อใครฟังว่า
เมื่อครู่นางไปจัดการใครมา บางทีนางเล่าที เป็นอาทิตย์เลยค่ะ
อย่างเรื่องของเราเอง คือนางเกาะติดเรามาก (แอบขยะแขยง...ก็พักหลังนี้แหละ)
เวลาพักเที่ยงไปร้านอาหารด้วยกัน นางก็เสียงดังเลยค่ะ ฉันจะ แDก อะไรดีนะ ฉัน แDก อันนี้ก็ได้
บางทีนางก็เสียงดังเลยค่ะ วันนี้ไม่เห็นมีอะไรน่า แDก เลย อันนี้ก็ยังไม่เท่าไหร่นะพอรับได้
เพราะคนส่วนใหญ่น่าจะมองที่ตัวนางมากกว่ามองคนอื่นๆด้วย
อีกเรื่องนางไปเม้ามอยอีกแผนก เราเดินผ่านมาพอดี นางงี้เปิดประตูออกมา (ห้องเป็นกระจกคือจะเห็นคนเดินผ่าน)
ตะโกนเรียกเราเข้าไปแล้วก็ว่าเราให้คนอื่นฟัง แล้วนางก็หัวเราะลั่น เหมือนเราเป็นตัวตลก
(คือเท่าที่มองเหมือนนางกำลังโดนคนในห้องนั้นเหน็บหนักๆ มีเพื่อนสาวนางหนึ่งกำลังด่าว่ายายเมี้ยนแล้วหัวเราะกัน
แล้วนางคงจะหาทางบ่ายเบี่ยงให้คนอื่นๆมาด่าหัวเราะเรามากกว่า)
นางบอกว่าดูสิคนในห้องนี้ บอกว่าแกทั้งเตี๊ย ทั้งตัน ใช้น้ำเสียงแบบจิกๆ พูดเสียงดังๆ แล้วทุกคนก็หัวเราะกัน
ซึ่งเราก็ถามเลยใครพูด ใครพูด ก็ไม่มีใครกล้าตอบและมีน้องคนนึงเค้าใช้สายตาส่งมาว่ายายเมี้ยนนี่แหละ
(คือเราก็รู้อยู่แล้วล่ะค่ะว่าคนในแผนกนั้นเป็นไง)
เราเลยตอบกลับไปว่าถึงจะเตี๊ยจะตันก็ไม่ได้ไปยืนบนหัวใคร
ผลลัพธ์ นางหัวเราะ แล้วเดินตามออกมา (นางคงรู้เราไม่พอใจ) แล้วนางก็บอกว่าเพื่อนสาวด่านางว่าทั้งแกทั้งเหี่ยว
ยังเป็นเลขาอยู่ได้ ตกเย็นนางก็มาขอกลับบ้านด้วย .... นางกลบเกลือนค่ะ
** คือจริงๆก็รู้นิสัยนางอยู่โดยปกติว่านางเป็นคนไม่ปกติ เดี๋ยวนี้ก็เลี่ยงด้วยการนำอาหารมาจากบ้านมากินเองในแผนก หรือบางทีก็ซื้อมากินเองในแผนก (อ้างว่าติดละครจะดูย้อนหลัง) แต่บางทีนางก็ซื้อใส่กล่องมาตามมานั่งในแผนกด้วย แล้วละครก็จะไม่ได้ดู เพราะนางจะพูดไม่หยุดปาก เอาเรื่องคนนั้น คนนี้ เรื่องนายมาพูดให้ฟัง (แอบเซ็ง...แต่เราก็รู้ทุกเรื่องของบริษัท 5555++)
บางวันเราซื้อสลัดผักมานั่งกินในแผนก นางไหนๆๆ ฉันดูซิ (มีท่ามีทางยื่นหน้ายื่นตา เอียงตัว)แกเอาอะไรมา แDก วันนี้ อร๊ายยยยสลัด !!!! เน้นเสียงมาก แหมๆๆๆ... แDก เป็นวัว เป็น แDก ควายเลยนะ แล้วเราชักสีหน้านางกลัวเราโกรธมั้ง รีบบอกกลับเลยว่า ถ้าฉันจะ แDก อะนะต้องเป็นหญ้าเท่านั้นแหละ เพราะฉันเป็นควาย
เลิกงานกลับบ้าน นางก็แค่ติดรถไปด้วยไม่เกิน 15 นาที ก็ถีบนางลงรถแล้ว ก็ไม่ได้คิดไรมาก
ก็ยอมๆ หยวนๆ กันไป แต่......ขึ้นรถเราแต่ละทีขนสัตว์มาทุกประเภท ขนดอกไม้มาบางชนิด ด่าหัวหน้านาง ด่าทุกคนที่ทำนางอารมณ์เสีย นางเป็นแบบนี้จริงๆ
เจ้ากี้เจ้าการบางทีชวนคนนั้นคนนี้ ให้มาขึ้นรถเราแล้วก็บอกให้เราจอดตรงนั้นตรงนี้เพื่อส่งคนที่นางชวน เข้าใจว่านางหวังดี แต่มองข้ามความเกรงใจ หลังๆเราก็บอกนางว่าเรารีบนะ ถ้าใครจะลงรถก่อนยูเทินร์ เราไม่จอดเพราะมันตีรถเข้าขวายาก (ไม่งั้นเราต้องเลยไปอีกยูเทินร์…ไม่ใช่ธุระ) เราจอดที่ปากซอยเข้าบ้านเราเท่านั้น หลังๆนางก็ไม่ชวน
นางน่าจะเป็นปลาทอง นางความจำสั้น ด่าใครแล้วก็ลืม ด่าใครแล้วก็จบ (ใช่ข้อดีของนางรึเปล่าคะ)
บางทีด่าเค้าเช้าแล้วก็ไปขออาศัยรถเค้าเย็นก็มี (บางทีนางติดรถคนอื่นไปลงแค่ปากทาง ถ้าไม่ได้กลับรถเรา)
****มีใครมีเพื่อนร่วมงานเป็นแบบนี้บ้างขอเสียงหน่อยเถอะค่ะ จะได้มีกำลังใจ
ช่วงวันเกิดเราสามีซื้อสร้อยให้เรา เราก็ใส่มาทำงาน พอนางเห็นนางถามเพิ่งไปไถ่ออกมาเหรอ จำฯ ไว้กี่พันล่ะ
เราก็ตอบแค่ว่าแฟนซื้อให้ นางก็เอาไปเม้ามอย มโนไปเองต่างๆนาๆ คิดไปเองพูดไปเรื่อง
นางบอกใครต่อใครว่าสงสัยเราลีลาเด็ด ท่าเยอะ (แอบคิดในใจผัวไม่มียังรู้เยอะ)
บอกแผนกโน้นที บอกแผนกนี้ที นางทำเพื่อ???? (คงต้องไปถามนางสินะ)
เมื่อเร็วๆนี้แฟนเราไปทำงานต่างประเทศมาก็ซื้อกระเป๋ามาให้เรา 2 ใบเราก็ถ่ายรูปโพสตามประสา
(อุ๊ตะ..แบบนี้เราจะโดนเรียกตัวชี้แจงกรณีภาษีกระเป๋าหรูไหมเนี่ย..... เติมมุขขำๆนะ)
ผ่านไปไม่สัก 2 อาทิตย์ มีพี่อีกคนที่นางเกลียดดดดดมากกกกกกกก++
นางก็รีบไลน์มาบอกเราเลยค่ะว่ามีคนหมั่นไส้เราที่เราโพสกระเป๋าอวด มันเลยไปซื้อมาโพส 2 ใบ เท่ากับเรา
เพื่ออวดประชดเรา แล้วนางก็ CAP หน้าจอส่งมา ด่าเค้าสาดเสีย เทเสีย ดูสิมีแต่คนไปอวยมัน นางหมั่นไส้
มาสั่งเราค่ะ เพราะฉะนั้นแกอย่าไปเม้นไปไลค์มันนะ เดี๋ยวยอดไลค์มันจะพุ่งพรวดดดดด นางทนดูไม่ได้
นางบอกมาแบบนี้เลยค่ะ คือเราก็อ่านนะแต่ไม่โต้ตอบนางอ่ะ แล้วก็เข้าไปไลค์พี่เค้า 5555++ นางก็เงียบไปเลย
(เรากับพี่คนนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน พี่เค้าก็นิสัยดีนะ)
คาดว่านางมีปัญหาสุขภาพจิตอย่างแรง
ล่าสุดของล่าสุด อันนี้ทำให้เราถึงขีดสุดเลย
หลังสงกรานต์สามีเราเปลี่ยนรถให้ แล้วเราไม่ได้บอกใครว่าเราจะเปลี่ยนจะซื้อ ไม่ได้โพสอะไรด้วย เพราะเราคิดว่า
***เรื่องของเราไม่มีใครยินดี ยินร้ายกับเราเท่าคนในครอบครัวหรอกค่ะ ก็เลยไม่เคยบอกไรใครในที่ทำงาน
หลังสงกรานต์เราก็ขับมาทำงานเลย และหลังสงกรานต์นี่งานก็เข้าค่ะ ต้องกลับบ้านค่ำทุกวันนางก็เลยไม่ได้ติดรถไปด้วย
พอมาต้นเดือนพค.นี้แหละ นางเห็นรถเรานางก็ถามซอกแซก เอาไปโพนทะนาไปเล่า ไปเม้ามอยว่าเราเปลี่ยนรถให้ใครต่อใครฟัง
แต่เราไม่รู้หรอกว่าพูดอะไรบ้าง
แล้วบังเอิญวันนั้น มีอีกคนมาถามเรื่องรถกะเรา เปลี่ยนทำไม คันเก่าขายได้เท่าไหร บราๆๆๆ
พี่เค้าก็แซวต่อว่าช่วงนี้ทำไมสามีเอาใจจังวะ ยายเมี้ยนนางอยู่ด้วย นางตอบทันทีเลยค่ะ
ก็ผัวมันมีชู้ไง เลยต้องเอาใจเมียเป็นพิเศษ
เรานี้โกรธขนหัวตั้งเลยค่ะ ตอบกลับทันที พูดจาไม่คิดต่อไปนี้ไม่ต้องมานั่งรถกูนะ พี่อีกคนเดินหนีเลย
นางยังต่อด้วยว่า แหมๆๆ ไม่งั้นก็ต้องท่าเด็ด ใช้ท่าอะไรวะ พี่คนนั้นก็หันมาถามใช้ท่าไรอ่ะ
(คือคงอยากจะเปลี่ยนสถานะอารมณ์ตอนนั้นให้เรามั้งค่ะ) เราเดินหนีค่ะไม่อยากต่อปากกับคนที่มีต้นทุนชีวิตที่ต่างกัน
นางเดินตามมาพูดต่ออีกว่า แฟนเราไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอก ดูรักครอบครัวดูเค้าออกจะน่ารัก
ถ้านางเห่าต่อเราพูดจาแย่ๆต่อ สงสัยเราคงได้ตบนางแน่ๆเลย
** จริงๆก็น่าตบตั้งแต่จบประโยคนั้นไปแล้ว ** (ที่ทำงานเราวิวาทออกสถานเดียวค่ะ)
เล่าให้สามีฟังนะเรื่องรถ สามีเราโกรธมากบอกว่าอย่าให้มันมาขึ้นรถเรานะ
ท้ายสุดแล้วก็สุดท้าย นางก็ไร้ซึ่งสามัญสำนึกจริงๆค่ะ นางก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเราเดินมาหา
พูดโน่นนี่นั่นในแผนกแล้วก็ไป แต่รถเราไม่ให้ขึ้น นางก็แค่มึนๆไม่แคร์ นางก็ไปเกาะรถคนอื่นค่ะ
เช้าวันนี้เลยค่ะ เดินเจอกันหน้า office ก่อนเข้างาน มีนางมารร้าย เพื่อนสาว แล้วก็เราค่ะ
นางทักเค้าทันทีเลยว่า อ้าววันนี้แกมาด้วยเหรอ คิดว่าแกหยุด วันนี้วันพืชฯ นะ คิดว่าแกไปลงแปลงนาซะอีก
ว่าจะถามอยู่เชียวปีนี้แกจะกินอะไร เหล้า หญ้า ธัญญาพืช ฉันจะได้รู้ว่าปีนี้จะแล้งไหม
พอเพื่อนสาวได้ยินก็พูดแค่ว่า แหมๆ ยายแก่นี่ ถ้าวันไหนไม่ได้กัดใครทำงานไม่ได้ใช่ไหม
นางตอบใช่แล้วเดินเร็วหนีไปค่ะ
คือคิดอีกที...นางก็เหมือนโทรโข่งที่มีทั้งเสียงดีๆกะเสียงที่ฟังแล้ววี๊ดดดดดนะคะ
แอบคิดในใจ มิน่าล่ะ ผู้ชายที่จะแต่งด้วยถึงหนีหาย (นางเคยเล่าชีวิตนางให้ฟังน่ะ) ตอนนี้นางก็เกือบๆ 50 แล้วค่ะ
อีกไม่นานชีวิตนางน่าจะมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น เพราะนางไม่ได้จัดกับคนในที่ทำงานเท่านั้นค่ะ
นางใส่แหลกค่ะ พ่อค้า แม่ค้า วินมอเตอร์ไซต์ ร้านหมูกระทะ กระเป๋ารถเมล์ พนักงานขายของในห้าง นางจัดมาแล้วทั้งนั้น
ปล.นางโดน HR เรืยกเตือนเรื่องกิริยา มารยาท และอารมณ์อยู่บ่อยๆค่ะ
บางทีนางก็มาบ่นโดน HR ฟ้องนาย นายก็มาตักเตือน
เมื่อเผชิญชีวิตกับยายเมี้ยนในที่ทำงาน **กระทู้ระบาย T__T
จุดประสงค์ของกระทู้คือ อยากแค่ระบายค่ะ
เบื่อพวกมโนเรื่องของคนอื่นได้ทุกเรื่อง เอาเรื่องของชาวบ้านไปโพนทะนาเสียหาย ปลุกปั่น ยุยง จิกกัด เหน็บแนม
พูดจากหยาบคาย เพราะเราเองอยู่แผนกที่มีแต่ชายล้วนๆ เป็นหญิงคนเดียว เรื่องพวกนี้คงไม่มีเพื่อนร่วมงานชายรับฟังหรอกค่ะ
แต่เพื่อนร่วมงานชายก็มีโดนนางเหน็บแนมอยู่บ่อยๆ แต่ผู้ชายพวกนี้ก็ทำหูทวนลมค่ะ
ส่วนเพื่อนสาว+เพื่อนหญิงแท้ ต่างก็โดนนางเหน็บกันทั้งนั้นแหละ เห็นๆกันอยู่ค่ะ
แต่เราเองก็ไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้ไปบ่นให้เพื่อนร่วมงานฟังค่ะ เพราะเรามองว่าไว้ใจกันยากค่ะ ปากต่อปาก อันตราย
(อาจมองเหมือนเราไม่มีเพื่อนแต่ไม่ใช่นะคะ เราก็คุยกันได้ทุกคน แต่เราเลี่ยงที่จะเอาเรื่องคนใกล้ตัวไปเล่าต่ออีกคนค่ะ)
คือเราเกริ่นก่อนนะคะว่า เรากะยายเมี้ยน อยู่คนละแผนกกัน ความเกี่ยวข้องในเนื้องานก็น้อยมากกกกๆ
เพียงแต่ว่าแผนกเราอยู่ติดกัน และบังเอิ๊ญ..บังเอิญว่าบ้านอยู่ทางเดียวกัน นางก็เลยเป็นปลิงเกาะติดรถกลับด้วยเกือบทุกวันจริงๆ
(นอกจากเคืองนางเราก็จะอ้างยังไม่กลับ ปล่อยให้นางไปเสียตังค์ค่ารถเล่น หรือไม่ก็ปล่อยให้นางไปเป็นปลิง เกาะคนอื่นๆบ้าง)
เข้าเรื่องเลยนะ (คือเจอนางจัดมาหลายดอกแล้ว จนถึงขีดจำกัด)
นางเป็นเหมือนยายเมี้ยนปากปลาร้ามากเลย เราไม่ค่อยเข้าใจนางเลยว่าวันๆชีวิตนางต้องการอะไรจากสังคม
(หรือว่าเราต้องการอะไรจากสังคม 5555++)
นางเป็นเลขาอายุนาง 40++ แล้วค่ะ นางแก่กว่า 8-9 ปี (อายุงานนางประมาณ 20 กว่าปีได้ค่ะ พอๆกับอายุบริษัท )
วันๆถ้านายไม่อยู่นางจะเดินไปแผนกโน้นที แผนกนี้ทีแล้วก็เอาเรื่องห้องนั้นไปเล่า เอาเรื่องห้องนี้ไปโพนทะนาไปเรื่อย
(ตึกที่ทำงานมี 5 ชั้นค่ะ บางวันนางเดินครบเลยจริงๆนะ นางเคยบอกไว้)
แล้วนางก็พูดยุยงให้คนเค้าหมั่นไส้กันมีปัญหากันตลอดเวลา หรือไม่นางก็พูดจาแรงเหน็บแนมแบบไม่คิดอะไร
พูดจากระแทรกใส่คนนั้นคนนี้แรงๆ (แบบคนไม่มีสามัญสำนึกมากกว่า)
บางทีเรื่องงานมีปัญหานางก็จะว่าเค้าแรงๆ อย่างเช่น ....
ใช้สมองคิดบ้างสิ ดูสิคิดสิ เอกสารมันเกี่ยวกะนางไหมวางเอกสารกระแทรกใส่คนอื่นๆ
(แต่ข้อดีของนางด่าแล้ววันพรุ่งนี้นางก็ลืม....แบบนี้ดีจริงไหมนะ) แล้วนางก็จะเอาไปบ่น ไปเล่าให้ใครต่อใครฟังว่า
เมื่อครู่นางไปจัดการใครมา บางทีนางเล่าที เป็นอาทิตย์เลยค่ะ
อย่างเรื่องของเราเอง คือนางเกาะติดเรามาก (แอบขยะแขยง...ก็พักหลังนี้แหละ)
เวลาพักเที่ยงไปร้านอาหารด้วยกัน นางก็เสียงดังเลยค่ะ ฉันจะ แDก อะไรดีนะ ฉัน แDก อันนี้ก็ได้
บางทีนางก็เสียงดังเลยค่ะ วันนี้ไม่เห็นมีอะไรน่า แDก เลย อันนี้ก็ยังไม่เท่าไหร่นะพอรับได้
เพราะคนส่วนใหญ่น่าจะมองที่ตัวนางมากกว่ามองคนอื่นๆด้วย
อีกเรื่องนางไปเม้ามอยอีกแผนก เราเดินผ่านมาพอดี นางงี้เปิดประตูออกมา (ห้องเป็นกระจกคือจะเห็นคนเดินผ่าน)
ตะโกนเรียกเราเข้าไปแล้วก็ว่าเราให้คนอื่นฟัง แล้วนางก็หัวเราะลั่น เหมือนเราเป็นตัวตลก
(คือเท่าที่มองเหมือนนางกำลังโดนคนในห้องนั้นเหน็บหนักๆ มีเพื่อนสาวนางหนึ่งกำลังด่าว่ายายเมี้ยนแล้วหัวเราะกัน
แล้วนางคงจะหาทางบ่ายเบี่ยงให้คนอื่นๆมาด่าหัวเราะเรามากกว่า)
นางบอกว่าดูสิคนในห้องนี้ บอกว่าแกทั้งเตี๊ย ทั้งตัน ใช้น้ำเสียงแบบจิกๆ พูดเสียงดังๆ แล้วทุกคนก็หัวเราะกัน
ซึ่งเราก็ถามเลยใครพูด ใครพูด ก็ไม่มีใครกล้าตอบและมีน้องคนนึงเค้าใช้สายตาส่งมาว่ายายเมี้ยนนี่แหละ
(คือเราก็รู้อยู่แล้วล่ะค่ะว่าคนในแผนกนั้นเป็นไง)
เราเลยตอบกลับไปว่าถึงจะเตี๊ยจะตันก็ไม่ได้ไปยืนบนหัวใคร
ผลลัพธ์ นางหัวเราะ แล้วเดินตามออกมา (นางคงรู้เราไม่พอใจ) แล้วนางก็บอกว่าเพื่อนสาวด่านางว่าทั้งแกทั้งเหี่ยว
ยังเป็นเลขาอยู่ได้ ตกเย็นนางก็มาขอกลับบ้านด้วย .... นางกลบเกลือนค่ะ
** คือจริงๆก็รู้นิสัยนางอยู่โดยปกติว่านางเป็นคนไม่ปกติ เดี๋ยวนี้ก็เลี่ยงด้วยการนำอาหารมาจากบ้านมากินเองในแผนก หรือบางทีก็ซื้อมากินเองในแผนก (อ้างว่าติดละครจะดูย้อนหลัง) แต่บางทีนางก็ซื้อใส่กล่องมาตามมานั่งในแผนกด้วย แล้วละครก็จะไม่ได้ดู เพราะนางจะพูดไม่หยุดปาก เอาเรื่องคนนั้น คนนี้ เรื่องนายมาพูดให้ฟัง (แอบเซ็ง...แต่เราก็รู้ทุกเรื่องของบริษัท 5555++)
บางวันเราซื้อสลัดผักมานั่งกินในแผนก นางไหนๆๆ ฉันดูซิ (มีท่ามีทางยื่นหน้ายื่นตา เอียงตัว)แกเอาอะไรมา แDก วันนี้ อร๊ายยยยสลัด !!!! เน้นเสียงมาก แหมๆๆๆ... แDก เป็นวัว เป็น แDก ควายเลยนะ แล้วเราชักสีหน้านางกลัวเราโกรธมั้ง รีบบอกกลับเลยว่า ถ้าฉันจะ แDก อะนะต้องเป็นหญ้าเท่านั้นแหละ เพราะฉันเป็นควาย
เลิกงานกลับบ้าน นางก็แค่ติดรถไปด้วยไม่เกิน 15 นาที ก็ถีบนางลงรถแล้ว ก็ไม่ได้คิดไรมาก
ก็ยอมๆ หยวนๆ กันไป แต่......ขึ้นรถเราแต่ละทีขนสัตว์มาทุกประเภท ขนดอกไม้มาบางชนิด ด่าหัวหน้านาง ด่าทุกคนที่ทำนางอารมณ์เสีย นางเป็นแบบนี้จริงๆ
เจ้ากี้เจ้าการบางทีชวนคนนั้นคนนี้ ให้มาขึ้นรถเราแล้วก็บอกให้เราจอดตรงนั้นตรงนี้เพื่อส่งคนที่นางชวน เข้าใจว่านางหวังดี แต่มองข้ามความเกรงใจ หลังๆเราก็บอกนางว่าเรารีบนะ ถ้าใครจะลงรถก่อนยูเทินร์ เราไม่จอดเพราะมันตีรถเข้าขวายาก (ไม่งั้นเราต้องเลยไปอีกยูเทินร์…ไม่ใช่ธุระ) เราจอดที่ปากซอยเข้าบ้านเราเท่านั้น หลังๆนางก็ไม่ชวน
นางน่าจะเป็นปลาทอง นางความจำสั้น ด่าใครแล้วก็ลืม ด่าใครแล้วก็จบ (ใช่ข้อดีของนางรึเปล่าคะ)
บางทีด่าเค้าเช้าแล้วก็ไปขออาศัยรถเค้าเย็นก็มี (บางทีนางติดรถคนอื่นไปลงแค่ปากทาง ถ้าไม่ได้กลับรถเรา)
****มีใครมีเพื่อนร่วมงานเป็นแบบนี้บ้างขอเสียงหน่อยเถอะค่ะ จะได้มีกำลังใจ
ช่วงวันเกิดเราสามีซื้อสร้อยให้เรา เราก็ใส่มาทำงาน พอนางเห็นนางถามเพิ่งไปไถ่ออกมาเหรอ จำฯ ไว้กี่พันล่ะ
เราก็ตอบแค่ว่าแฟนซื้อให้ นางก็เอาไปเม้ามอย มโนไปเองต่างๆนาๆ คิดไปเองพูดไปเรื่อง
นางบอกใครต่อใครว่าสงสัยเราลีลาเด็ด ท่าเยอะ (แอบคิดในใจผัวไม่มียังรู้เยอะ)
บอกแผนกโน้นที บอกแผนกนี้ที นางทำเพื่อ???? (คงต้องไปถามนางสินะ)
เมื่อเร็วๆนี้แฟนเราไปทำงานต่างประเทศมาก็ซื้อกระเป๋ามาให้เรา 2 ใบเราก็ถ่ายรูปโพสตามประสา
(อุ๊ตะ..แบบนี้เราจะโดนเรียกตัวชี้แจงกรณีภาษีกระเป๋าหรูไหมเนี่ย..... เติมมุขขำๆนะ)
ผ่านไปไม่สัก 2 อาทิตย์ มีพี่อีกคนที่นางเกลียดดดดดมากกกกกกกก++
นางก็รีบไลน์มาบอกเราเลยค่ะว่ามีคนหมั่นไส้เราที่เราโพสกระเป๋าอวด มันเลยไปซื้อมาโพส 2 ใบ เท่ากับเรา
เพื่ออวดประชดเรา แล้วนางก็ CAP หน้าจอส่งมา ด่าเค้าสาดเสีย เทเสีย ดูสิมีแต่คนไปอวยมัน นางหมั่นไส้
มาสั่งเราค่ะ เพราะฉะนั้นแกอย่าไปเม้นไปไลค์มันนะ เดี๋ยวยอดไลค์มันจะพุ่งพรวดดดดด นางทนดูไม่ได้
นางบอกมาแบบนี้เลยค่ะ คือเราก็อ่านนะแต่ไม่โต้ตอบนางอ่ะ แล้วก็เข้าไปไลค์พี่เค้า 5555++ นางก็เงียบไปเลย
(เรากับพี่คนนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน พี่เค้าก็นิสัยดีนะ)
คาดว่านางมีปัญหาสุขภาพจิตอย่างแรง
ล่าสุดของล่าสุด อันนี้ทำให้เราถึงขีดสุดเลย
หลังสงกรานต์สามีเราเปลี่ยนรถให้ แล้วเราไม่ได้บอกใครว่าเราจะเปลี่ยนจะซื้อ ไม่ได้โพสอะไรด้วย เพราะเราคิดว่า
***เรื่องของเราไม่มีใครยินดี ยินร้ายกับเราเท่าคนในครอบครัวหรอกค่ะ ก็เลยไม่เคยบอกไรใครในที่ทำงาน
หลังสงกรานต์เราก็ขับมาทำงานเลย และหลังสงกรานต์นี่งานก็เข้าค่ะ ต้องกลับบ้านค่ำทุกวันนางก็เลยไม่ได้ติดรถไปด้วย
พอมาต้นเดือนพค.นี้แหละ นางเห็นรถเรานางก็ถามซอกแซก เอาไปโพนทะนาไปเล่า ไปเม้ามอยว่าเราเปลี่ยนรถให้ใครต่อใครฟัง
แต่เราไม่รู้หรอกว่าพูดอะไรบ้าง
แล้วบังเอิญวันนั้น มีอีกคนมาถามเรื่องรถกะเรา เปลี่ยนทำไม คันเก่าขายได้เท่าไหร บราๆๆๆ
พี่เค้าก็แซวต่อว่าช่วงนี้ทำไมสามีเอาใจจังวะ ยายเมี้ยนนางอยู่ด้วย นางตอบทันทีเลยค่ะ
ก็ผัวมันมีชู้ไง เลยต้องเอาใจเมียเป็นพิเศษ
เรานี้โกรธขนหัวตั้งเลยค่ะ ตอบกลับทันที พูดจาไม่คิดต่อไปนี้ไม่ต้องมานั่งรถกูนะ พี่อีกคนเดินหนีเลย
นางยังต่อด้วยว่า แหมๆๆ ไม่งั้นก็ต้องท่าเด็ด ใช้ท่าอะไรวะ พี่คนนั้นก็หันมาถามใช้ท่าไรอ่ะ
(คือคงอยากจะเปลี่ยนสถานะอารมณ์ตอนนั้นให้เรามั้งค่ะ) เราเดินหนีค่ะไม่อยากต่อปากกับคนที่มีต้นทุนชีวิตที่ต่างกัน
นางเดินตามมาพูดต่ออีกว่า แฟนเราไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอก ดูรักครอบครัวดูเค้าออกจะน่ารัก
ถ้านางเห่าต่อเราพูดจาแย่ๆต่อ สงสัยเราคงได้ตบนางแน่ๆเลย
** จริงๆก็น่าตบตั้งแต่จบประโยคนั้นไปแล้ว ** (ที่ทำงานเราวิวาทออกสถานเดียวค่ะ)
เล่าให้สามีฟังนะเรื่องรถ สามีเราโกรธมากบอกว่าอย่าให้มันมาขึ้นรถเรานะ
ท้ายสุดแล้วก็สุดท้าย นางก็ไร้ซึ่งสามัญสำนึกจริงๆค่ะ นางก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเราเดินมาหา
พูดโน่นนี่นั่นในแผนกแล้วก็ไป แต่รถเราไม่ให้ขึ้น นางก็แค่มึนๆไม่แคร์ นางก็ไปเกาะรถคนอื่นค่ะ
เช้าวันนี้เลยค่ะ เดินเจอกันหน้า office ก่อนเข้างาน มีนางมารร้าย เพื่อนสาว แล้วก็เราค่ะ
นางทักเค้าทันทีเลยว่า อ้าววันนี้แกมาด้วยเหรอ คิดว่าแกหยุด วันนี้วันพืชฯ นะ คิดว่าแกไปลงแปลงนาซะอีก
ว่าจะถามอยู่เชียวปีนี้แกจะกินอะไร เหล้า หญ้า ธัญญาพืช ฉันจะได้รู้ว่าปีนี้จะแล้งไหม
พอเพื่อนสาวได้ยินก็พูดแค่ว่า แหมๆ ยายแก่นี่ ถ้าวันไหนไม่ได้กัดใครทำงานไม่ได้ใช่ไหม
นางตอบใช่แล้วเดินเร็วหนีไปค่ะ
คือคิดอีกที...นางก็เหมือนโทรโข่งที่มีทั้งเสียงดีๆกะเสียงที่ฟังแล้ววี๊ดดดดดนะคะ
แอบคิดในใจ มิน่าล่ะ ผู้ชายที่จะแต่งด้วยถึงหนีหาย (นางเคยเล่าชีวิตนางให้ฟังน่ะ) ตอนนี้นางก็เกือบๆ 50 แล้วค่ะ
อีกไม่นานชีวิตนางน่าจะมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น เพราะนางไม่ได้จัดกับคนในที่ทำงานเท่านั้นค่ะ
นางใส่แหลกค่ะ พ่อค้า แม่ค้า วินมอเตอร์ไซต์ ร้านหมูกระทะ กระเป๋ารถเมล์ พนักงานขายของในห้าง นางจัดมาแล้วทั้งนั้น
ปล.นางโดน HR เรืยกเตือนเรื่องกิริยา มารยาท และอารมณ์อยู่บ่อยๆค่ะ
บางทีนางก็มาบ่นโดน HR ฟ้องนาย นายก็มาตักเตือน