ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/34966935
ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/34979611
ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/34995830
ตอนที่ 4
http://ppantip.com/topic/35008848
ตอนที่ 5
http://ppantip.com/topic/35061825
ตอนที่ 6
http://ppantip.com/topic/35078526
มือใหม่หัดเที่ยวนิวซีแลนด์
ดรัสวันต์
ตอนที่ 7
เรากลับออกมาจากฟอกซ์กราเซีย แล้วขับเข้าไปในเมืองซึ่งเรียกว่า Fox Township อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งขนานไปกับถนนไฮเวย์หลัก มีร้านอาหาร มีศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว มีบริการเฮลิคอปเตอร์เช่าพาไปบินเที่ยวชมข้างบนกราเซีย มีซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายของที่ระลึกและตู้ไวไฟสาธารณะซึ่งสัญญาณแรงจนไม่จำเป็นต้องเข้าไปนั่งในตู้ เพียงแค่อยู่ในรัศมีใกล้ๆ ก็รับได้ รอบๆ ตู้จึงมีเก้าอี้นั่งเตรียมไว้ให้
ได้ชมเมืองเล็กๆ แห่งนี้และถ่ายรูปกันพอแล้ว ภาระกิจต่อไปคือ การหาที่พักสำหรับคืนนี้ มีถนนสายที่เลี้ยวแยกจากไฮเวย์เข้าไป มีป้ายโมเต็ลหลายแห่งให้เราเลือก เราเลี้ยวรถเข้าไปยังแห่งแรกที่ขึ้นป้ายว่ามีห้องว่าง เป็นโมเต็ลชื่อ Lake Matheson Motel
แล้วเราก็ได้ที่พักที่มีลักษณะเป็นบังกะโลยกพื้นในราคา 220 เหรียญ เจ้าของโมเต็ลแห่งนี้เป็นผู้หญิงกลางคนที่ยิ้มแย้มอัธยาศัยดีมาก เป็นแบบอย่างของเจ้าของประเทศที่ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างดี เพราะนอกจากจะให้บริการที่พักแล้วยังมีแผนที่แนะนำแหล่งท่องเที่ยวของเมืองนี้ที่เราไม่ทราบมาก่อนให้เราอีกด้วย
สังเกตว่า แต่ละเมืองจะมีแผนที่ท่องเที่ยวของเมืองนั้นๆ เป็นแผนที่ขนาด A4 ไว้แจกนักท่องเที่ยวที่มาพัก เจ้าของโมเต็ลใช้ปากกาลากเส้น และวงกลมทำสัญลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวลงบนแผนที่ให้เรา แล้วฉีกออกมาจากต้นขั้วของเล่มแจกเรา เอินมองแล้วชอบ เข้าท่าจริงๆ แบบนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยน่าจะทำบ้าง คือแทนที่จะลงทุนทำเป็นแผ่นพับที่ต้องคลี่ออกมาเปิดดูกัน หรือทำเป็นแผ่นใบปลิวที่เมื่อโดนลมก็จะปลิวว่อนไปหมด แต่นี่คือใบปลิวแผนที่ที่เป็นเล่มแบบสมุดฉีก เวลาจะแจกนักท่องเที่ยวก็ฉีกออกมาทีละแผ่น ด้านหน้าเป็นแผนที่ของ Fox Township ส่วนด้านหลังเป็น Franz Josef Township ที่เราจะไปในวันพรุ่งนี้
เอินเดาเอาว่านี่คือสิ่งที่การท่องเที่ยวของนิวซีแลนด์ทำแจกจ่ายไปตามโมเต็ลที่พักต่างๆ ในแต่ละเมือง และเป็นข้อมูลที่ทันสมัยมากเพราะเพิ่งมีการอัพเดทไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว
เจ้าของที่พักแนะนำให้เราไปเที่ยว Lake Matheson ซึ่งอยู่บนถนนสายเดียวกันนี้ เธอบอกว่าที่ทะเลสาบแห่งนี้ เวลาที่น้ำนิ่งจะเหมือนแผ่นกระจกที่สะท้อนภาพวิวของ Mt.Cook
“Mt.Cook !?” เอินอุทานอย่างประหลาดใจ เพิ่งรู้ว่า เมืองฟอกซ์แห่งนี้ ตั้งอยู่ด้านหลังของภูเขาที่สูงที่สุดและสวยที่สุดของประเทศนี้ เราจะได้เห็นเม้าท์คุกอีกครั้งหรือนี่
แล้วเธอก็แนะนำให้เราขับไปให้สุดถนนสายนี้ จะมีจุดชมวิวให้เราได้ถ่ายรูปเม้าท์คุกอีกด้วย ถ้า...อากาศดีไม่มีเมฆมาบดบัง
เรารีบเข้าที่พัก ขนกระเป๋าเดินทางลงจากรถเข้าไปเก็บในบ้านเพื่อจะได้ไปเที่ยวต่อกัน
บ้านพักที่เป็นบังกะโลยกพื้นสูงประมาณสองฟุตแห่งนี้ ดูภายนอกก็แสนจะธรรมดาอีกนั่นแหล่ะ แต่พอเข้าไปภายในที่มีสองห้องนอนนั้น เราพบว่าสามารถพักกันได้ถึง 6 คน (ถ้านับ sofa bed ด้วย) มีทีวี เครื่องครัวทันสมัย โต๊ะอาหาร ห้องน้ำที่สุขภัณฑ์ทันสมัยแวววาว น่าอยู่อีกนั่นแหล่ะ
พอเข้าบ้าน หรือที่พักทุกแห่ง สิ่งแรกที่เต้มักจะทำคือ จะต้องเดินไปเปิดสวิตช์ฮีทเตอร์ก่อนอื่น เต้เป็นผู้ชายตัวโตที่ขี้หนาวมาก
เราขนของและเสบียงออกจากรถจนรถว่างแล้วจึงออกเดินทางไปยังทะเลสาบแมทธีสัน ระหว่างทางมีฟาร์มแกะและฟาร์มวัว ให้เราได้แวะถ่ายรูป เพราะทุกครั้งเราจะวิ่งอยู่บนไฮเวย์ ไม่สามารถจอดรถลงไปถ่ายรูปได้ แต่ตอนนี้เป็นถนนชนบทสายเล็กๆ ที่เงียบเชียบ เราเลยมีโอกาสจอดแวะถ่ายรูปได้นานๆ
วัวทั้งสองสีมายืนเข้าแถวให้เราถ่ายรูปกัน พร้อมทำหน้าตาบ้องแบ๊วด้วย เขาคงสงสัยว่าเรามาทำอะไรกัน ส่วนแกะ ช่วงหน้าร้อนนี้ เขาจะถูกตัดขนไปขาย เห็นรอยปัตตาเลี่ยนเป็นทางเลยค่ะ แกะจะถูกตัดขนในช่วงฤดูร้อนนี้แล้วจะงอกใหม่ทันฤดูหนาวที่ขนของเขาจะช่วยให้อบอุ่นเพราะเขาจะต้องอยู่กลางแจ้งแบบนี้ท่ามกลางอากาศหนาว ขนหนาๆ ของเขาเท่านั้นที่จะช่วยให้อบอุ่นทนสู้อากาศหนาวได้
ถ่ายรูปแกะกับวัวถูกใจแล้วเราไปเที่ยวทะเลสาบกันต่อ แม้ว่าจะหกโมงเย็นแล้ว แต่ก็ยังสว่าง มีนักท่องเที่ยวทยอยมากันเรื่อยๆ ไม่เงียบเหงาและไม่อึกทึกน่ารำคาญ ฟาร์มแกะที่อยู่ติดริมทางเดินเข้าไปยังทะเลสาบมีป้ายเตือนให้ระวังรั้วไฟฟ้าไว้ด้วย เอินนึกในใจว่ามีขโมยแกะกันด้วยหรือ
ทางเดินเข้าไปยังทะเลสาบต้องข้ามสะพานแขวนข้ามคลอง และเข้าไปในป่าที่มีเฟิร์น ไลเคนส์ และพืชชุ่มน้ำ ที่ทำให้รู้สึกเหมือนหลงเข้าไปในดินแดนจูลัสสิค
ซึ่งเอินชอบต้นไม้และบรรยากาศแบบนี้มากเลยค่ะ โดยเฉพาะเฟิร์น เราเดินพิจารณาพืชพรรณไม้รอบตัวไปตลอดทาง มีต้นสนเมืองหนาวเติบโตคู่กับต้นเฟิร์นที่ทำให้บรรยากาศดูเหมือนเขตเมืองร้อน ทั้งๆ ที่เฟิร์นแบบนี้เป็นเฟิร์นที่ขึ้นในแถบหนาว โดยเฉพาะเฟิร์นที่เป็นต้นสูงๆ นั้น สูงท่วมหัวกว่า 7-8 ฟุต เอินเคยเห็นครั้งหนึ่งที่ดอยตุง
เฟิร์นกอใหญ่ข้างทางที่แผ่กิ่งก้านใบใหญ่เช่นนี้ ทำให้เอินอยากเป็นนางฟ้าที่มีปีกเป็นเฟิร์น อิ อิ
เส้นทางเดินที่เงียบสงบสวยงามนี้ทำให้เราเพลิดเพลิน ถึงแม้จะเปลี่ยวอยู่บ้างก็ตาม แต่เราไม่รู้สึกกลัวอะไร โดยเฉพาะสัตว์ร้ายอย่างงู ขอบอกว่าคุณสามารถเที่ยวป่าของประเทศนิวซีแลนด์ได้อย่างปลอดภัย เพราะประเทศนี้ไม่มีงูค่ะ เน้นย้ำว่าประเทศนี้ทั้งประเทศไม่มีสัตว์ที่เรียกว่า งู
น่าประหลาดใจสุดๆ ครั้งแรกที่มีคนบอกเอิน ยังแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าประเทศนี้ไม่มีงู
เพราะนิวซีแลนด์เป็นประเทศเกาะ ที่ดั้งเดิมมาก็ไม่เคยมีงู แต่จะมีสัตว์ท้องถิ่นของเขาที่ประเทศอื่นไม่มีอย่างนกกีวี
ฉะนั้น นิวซีแลนด์จึงระมัดระวังและมีข้อห้ามอย่างรุนแรงไม่ให้นำพืชและสัตว์เข้าประเทศเขา ก็เพื่ออนุรักษ์สิ่งที่เขามีอยู่และไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในประเทศ
>>>ขออนุญาตแท็กห้องถนนนักเขียนนะคะ อยากแชร์ให้เพื่อนๆ ที่ห้องนี้<<<
(มีต่อค่ะ)
ซีรี่ย์ชุดเอินผจญภัย : ตอนมือใหม่หัดเที่ยวนิวซีแลนด์
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/34979611
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/34995830
ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/35008848
ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/35061825
ตอนที่ 6 http://ppantip.com/topic/35078526
ดรัสวันต์
ตอนที่ 7
เรากลับออกมาจากฟอกซ์กราเซีย แล้วขับเข้าไปในเมืองซึ่งเรียกว่า Fox Township อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งขนานไปกับถนนไฮเวย์หลัก มีร้านอาหาร มีศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว มีบริการเฮลิคอปเตอร์เช่าพาไปบินเที่ยวชมข้างบนกราเซีย มีซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายของที่ระลึกและตู้ไวไฟสาธารณะซึ่งสัญญาณแรงจนไม่จำเป็นต้องเข้าไปนั่งในตู้ เพียงแค่อยู่ในรัศมีใกล้ๆ ก็รับได้ รอบๆ ตู้จึงมีเก้าอี้นั่งเตรียมไว้ให้
ได้ชมเมืองเล็กๆ แห่งนี้และถ่ายรูปกันพอแล้ว ภาระกิจต่อไปคือ การหาที่พักสำหรับคืนนี้ มีถนนสายที่เลี้ยวแยกจากไฮเวย์เข้าไป มีป้ายโมเต็ลหลายแห่งให้เราเลือก เราเลี้ยวรถเข้าไปยังแห่งแรกที่ขึ้นป้ายว่ามีห้องว่าง เป็นโมเต็ลชื่อ Lake Matheson Motel
แล้วเราก็ได้ที่พักที่มีลักษณะเป็นบังกะโลยกพื้นในราคา 220 เหรียญ เจ้าของโมเต็ลแห่งนี้เป็นผู้หญิงกลางคนที่ยิ้มแย้มอัธยาศัยดีมาก เป็นแบบอย่างของเจ้าของประเทศที่ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างดี เพราะนอกจากจะให้บริการที่พักแล้วยังมีแผนที่แนะนำแหล่งท่องเที่ยวของเมืองนี้ที่เราไม่ทราบมาก่อนให้เราอีกด้วย
สังเกตว่า แต่ละเมืองจะมีแผนที่ท่องเที่ยวของเมืองนั้นๆ เป็นแผนที่ขนาด A4 ไว้แจกนักท่องเที่ยวที่มาพัก เจ้าของโมเต็ลใช้ปากกาลากเส้น และวงกลมทำสัญลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวลงบนแผนที่ให้เรา แล้วฉีกออกมาจากต้นขั้วของเล่มแจกเรา เอินมองแล้วชอบ เข้าท่าจริงๆ แบบนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยน่าจะทำบ้าง คือแทนที่จะลงทุนทำเป็นแผ่นพับที่ต้องคลี่ออกมาเปิดดูกัน หรือทำเป็นแผ่นใบปลิวที่เมื่อโดนลมก็จะปลิวว่อนไปหมด แต่นี่คือใบปลิวแผนที่ที่เป็นเล่มแบบสมุดฉีก เวลาจะแจกนักท่องเที่ยวก็ฉีกออกมาทีละแผ่น ด้านหน้าเป็นแผนที่ของ Fox Township ส่วนด้านหลังเป็น Franz Josef Township ที่เราจะไปในวันพรุ่งนี้
เอินเดาเอาว่านี่คือสิ่งที่การท่องเที่ยวของนิวซีแลนด์ทำแจกจ่ายไปตามโมเต็ลที่พักต่างๆ ในแต่ละเมือง และเป็นข้อมูลที่ทันสมัยมากเพราะเพิ่งมีการอัพเดทไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว
เจ้าของที่พักแนะนำให้เราไปเที่ยว Lake Matheson ซึ่งอยู่บนถนนสายเดียวกันนี้ เธอบอกว่าที่ทะเลสาบแห่งนี้ เวลาที่น้ำนิ่งจะเหมือนแผ่นกระจกที่สะท้อนภาพวิวของ Mt.Cook
“Mt.Cook !?” เอินอุทานอย่างประหลาดใจ เพิ่งรู้ว่า เมืองฟอกซ์แห่งนี้ ตั้งอยู่ด้านหลังของภูเขาที่สูงที่สุดและสวยที่สุดของประเทศนี้ เราจะได้เห็นเม้าท์คุกอีกครั้งหรือนี่
แล้วเธอก็แนะนำให้เราขับไปให้สุดถนนสายนี้ จะมีจุดชมวิวให้เราได้ถ่ายรูปเม้าท์คุกอีกด้วย ถ้า...อากาศดีไม่มีเมฆมาบดบัง
เรารีบเข้าที่พัก ขนกระเป๋าเดินทางลงจากรถเข้าไปเก็บในบ้านเพื่อจะได้ไปเที่ยวต่อกัน
บ้านพักที่เป็นบังกะโลยกพื้นสูงประมาณสองฟุตแห่งนี้ ดูภายนอกก็แสนจะธรรมดาอีกนั่นแหล่ะ แต่พอเข้าไปภายในที่มีสองห้องนอนนั้น เราพบว่าสามารถพักกันได้ถึง 6 คน (ถ้านับ sofa bed ด้วย) มีทีวี เครื่องครัวทันสมัย โต๊ะอาหาร ห้องน้ำที่สุขภัณฑ์ทันสมัยแวววาว น่าอยู่อีกนั่นแหล่ะ
พอเข้าบ้าน หรือที่พักทุกแห่ง สิ่งแรกที่เต้มักจะทำคือ จะต้องเดินไปเปิดสวิตช์ฮีทเตอร์ก่อนอื่น เต้เป็นผู้ชายตัวโตที่ขี้หนาวมาก
เราขนของและเสบียงออกจากรถจนรถว่างแล้วจึงออกเดินทางไปยังทะเลสาบแมทธีสัน ระหว่างทางมีฟาร์มแกะและฟาร์มวัว ให้เราได้แวะถ่ายรูป เพราะทุกครั้งเราจะวิ่งอยู่บนไฮเวย์ ไม่สามารถจอดรถลงไปถ่ายรูปได้ แต่ตอนนี้เป็นถนนชนบทสายเล็กๆ ที่เงียบเชียบ เราเลยมีโอกาสจอดแวะถ่ายรูปได้นานๆ
วัวทั้งสองสีมายืนเข้าแถวให้เราถ่ายรูปกัน พร้อมทำหน้าตาบ้องแบ๊วด้วย เขาคงสงสัยว่าเรามาทำอะไรกัน ส่วนแกะ ช่วงหน้าร้อนนี้ เขาจะถูกตัดขนไปขาย เห็นรอยปัตตาเลี่ยนเป็นทางเลยค่ะ แกะจะถูกตัดขนในช่วงฤดูร้อนนี้แล้วจะงอกใหม่ทันฤดูหนาวที่ขนของเขาจะช่วยให้อบอุ่นเพราะเขาจะต้องอยู่กลางแจ้งแบบนี้ท่ามกลางอากาศหนาว ขนหนาๆ ของเขาเท่านั้นที่จะช่วยให้อบอุ่นทนสู้อากาศหนาวได้
ถ่ายรูปแกะกับวัวถูกใจแล้วเราไปเที่ยวทะเลสาบกันต่อ แม้ว่าจะหกโมงเย็นแล้ว แต่ก็ยังสว่าง มีนักท่องเที่ยวทยอยมากันเรื่อยๆ ไม่เงียบเหงาและไม่อึกทึกน่ารำคาญ ฟาร์มแกะที่อยู่ติดริมทางเดินเข้าไปยังทะเลสาบมีป้ายเตือนให้ระวังรั้วไฟฟ้าไว้ด้วย เอินนึกในใจว่ามีขโมยแกะกันด้วยหรือ
ทางเดินเข้าไปยังทะเลสาบต้องข้ามสะพานแขวนข้ามคลอง และเข้าไปในป่าที่มีเฟิร์น ไลเคนส์ และพืชชุ่มน้ำ ที่ทำให้รู้สึกเหมือนหลงเข้าไปในดินแดนจูลัสสิค
ซึ่งเอินชอบต้นไม้และบรรยากาศแบบนี้มากเลยค่ะ โดยเฉพาะเฟิร์น เราเดินพิจารณาพืชพรรณไม้รอบตัวไปตลอดทาง มีต้นสนเมืองหนาวเติบโตคู่กับต้นเฟิร์นที่ทำให้บรรยากาศดูเหมือนเขตเมืองร้อน ทั้งๆ ที่เฟิร์นแบบนี้เป็นเฟิร์นที่ขึ้นในแถบหนาว โดยเฉพาะเฟิร์นที่เป็นต้นสูงๆ นั้น สูงท่วมหัวกว่า 7-8 ฟุต เอินเคยเห็นครั้งหนึ่งที่ดอยตุง
เฟิร์นกอใหญ่ข้างทางที่แผ่กิ่งก้านใบใหญ่เช่นนี้ ทำให้เอินอยากเป็นนางฟ้าที่มีปีกเป็นเฟิร์น อิ อิ
เส้นทางเดินที่เงียบสงบสวยงามนี้ทำให้เราเพลิดเพลิน ถึงแม้จะเปลี่ยวอยู่บ้างก็ตาม แต่เราไม่รู้สึกกลัวอะไร โดยเฉพาะสัตว์ร้ายอย่างงู ขอบอกว่าคุณสามารถเที่ยวป่าของประเทศนิวซีแลนด์ได้อย่างปลอดภัย เพราะประเทศนี้ไม่มีงูค่ะ เน้นย้ำว่าประเทศนี้ทั้งประเทศไม่มีสัตว์ที่เรียกว่า งู
น่าประหลาดใจสุดๆ ครั้งแรกที่มีคนบอกเอิน ยังแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าประเทศนี้ไม่มีงู
เพราะนิวซีแลนด์เป็นประเทศเกาะ ที่ดั้งเดิมมาก็ไม่เคยมีงู แต่จะมีสัตว์ท้องถิ่นของเขาที่ประเทศอื่นไม่มีอย่างนกกีวี
ฉะนั้น นิวซีแลนด์จึงระมัดระวังและมีข้อห้ามอย่างรุนแรงไม่ให้นำพืชและสัตว์เข้าประเทศเขา ก็เพื่ออนุรักษ์สิ่งที่เขามีอยู่และไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในประเทศ
>>>ขออนุญาตแท็กห้องถนนนักเขียนนะคะ อยากแชร์ให้เพื่อนๆ ที่ห้องนี้<<<
(มีต่อค่ะ)