7 จุดเช็คอิน ที่สวรรค์บนดิน เมืองหังโจว ประเทศจีน


หังโจวเป็นเมืองใหญ่อันดับต้นๆเมืองหนึ่งของจีน ตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง ใกล้ๆกับมหานครเซี่ยงไฮ้เลยครับ เป็นครั้งแรกที่เราได้มาเที่ยวที่จีนแผ่นดินใหญ่ บินตรงจากเชียงใหม่ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

หังโจว ได้สมญานามว่าเป็นสวรรค์บนดิน ชื่อนี้ไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ ด้วยความมหัศจรรย์จากแหล่งท่องเที่ยวที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นแล้ว ยังมีโบราณสถาน วัดวาอารามที่สวยงาม สิ่งก่อสร้างใหม่ๆที่ทันสมัย ยิ่งใหญ่สมกับประเทศมหาอำนาจอย่างจีน นอกจากนี้ยังมีแหล่งช๊อปปิ้ง ร้านอาหาร คาเฟ่น่ารักๆอีกมากมาย

นี่คือ 7 สถานที่ที่เราประทับใจในการไปเที่ยวครั้งนี้ หยิบยกมาฝากเพื่อนๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์ในการเดินทางท่องเที่ยวครับ

1. ทะเลสาบซีหู่ ฝั่งสะพานขาด 
2. วัดลิ่งหยินซื่อ 
3. ถนนคนเดิน เหอฟางเจี่ย
4. หอนางพญางูขาว
5. ซีหู่เทียนตี้
6. หอประชุม G20 และ Outlet
7. ย่านช๊อปปิ้ง หลงเสียงเฉียว

ประทับใจฮ่องกง หลงรักเกาหลี รู้สึกดีกับญี่ปุ่น เที่ยวแบบวุ่นๆที่เวียดนาม หังโจวนี่มีครบรสชาติเลยนะ 

เดินทางไม่นาน งบประมาณไม่เยอะ ประทับใจมากๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับไปเที่ยวอีกซักครั้ง

คลิปวีดีโอ เที่ยวจีนด้วยตัวเอง 4 วัน หังโจวสวรรค์บนดินทั้งกินทั้งช๊อป  4 Days Trip in Hangzhou CHINA

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


1. ทะเลสาบซีหู่ ฝั่งสะพานขาด

ทะเลสาบซีหู่ ไข่มุกแห่งเมืองหางโจว ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่สำคัญมากๆของชาวหางโจว ผู้คนมากมายมาออกกำลังกาย รำไทเก็ก เล่นสเกชบอร์ด พักผ่อนหย่อนใจกันอย่างมีความสุข ทะเลสาบซีหู่ฝั่งสะพานขาด หรือสะพานนางพญางูขาว ที่มีตำนานเรื่องเล่าที่ยาวนาน ที่เรียกว่าสะพานขาดหรือสะพานสะบั้นรัก Broken Bridge อาจจะมาจากเรื่องราวในตำนานความรักของนางพญางูขาวนั่นเอง ใครอยากรู้ลองไปหาตำนานลองอ่านดูครับ สนุกสนานมากทีเดียว

ริมฝั่งทะเลสาบ มีทางเดินโดยรอบเต็มไปด้วยต้นหลิวปลิวไสวสวยงาม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ คาเฟ่เรียงรายไปตลอดทาง ถ่ายรูปตรงไหนก็สวยไปหมด ทุกช่วงเวลาจริงๆครับ ไม่ว่า เช้า สาย บ่าย เย็น หรือแม้แต่ยามค่ำคืนก็เปิดไปสวยงาม ถ่ายรูปสวยไปอีกแบบนึงครับ







2.วัดลิ่งหยินซื่อ

วัดลิ่งหยินซื่อ เป็นวัดและสถานที่สำคัญทางศาสนาหลายๆสถานที่ที่รวมอยู่ในจุดเดียวกัน ภายในกินบริเวรกว้างขวางมากๆ บัตรผ่านประตู คนละ 40 หยวน ซึ่งเป็นราคาปกติสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองหางโจว จุดเด่นของวัดที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องมาถ่ายรูปก็คือ ภาพเกะสลักที่หินผาริมน้ำตลอดทางเดินภายในวัด ซึ่งวิจิตรบรรจง ยิ่งใหญ่และสวยงามมากๆ เรืองราวก็น่าจะเกี่ยวกับประวัติพระพุทธศาสนา และเทพเจ้าต่างๆของจีน สถานที่ว่าสวยงามแล้ว ที่ผิดคาด เหนือความคาดหมายของผมก็คือ ตลอดทั่วบริเวรนั้น สะอาดมากๆ ไม่มีขยะบนพื้นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ลองเข้าห้องน้ำสาธารณะภายในวัดก็ต้องยืนยันอีกครั้งเลยครับว่า สะอาดมากจริงๆ การมาเที่ยวครั้งนี้ทำให้ผมเปลี่ยนทรรศนะคติที่มีต่อเมืองจีนไปเลยครับ





3. ถนนคนเดิน เหอฟางเจี่ย 

ย่านนี้เป็นย่านการค้าเก่าแก่ใจกลางเมืองหางโจว มีทั้งสินค้าท้องถิ่น ขนม และอาหารมากมาย ผมได้ลองชิมเต้าหู้เหม็นครั้งแรกก็ที่นี่เลยครับ ถามว่ามันเห็นจริงหรือไม่ บอกเลยว่าเหม็นมากๆแต่ความอร่อยผมต้องยกนิ้วให้เลย ผมชอบมากๆ ถ้าใครอยากรู้ว่ามันอร่อยยังไง เหม็นขนาดไหนต้องไปลองกันเองครับ ร้านขายของบางร้านสามารถต่อรองราคาได้ครับ โดยเฉพาะร้านเล็กๆตรงกลางถนน ร้านเด็ดอีกร้านนึงสำหรับสาวๆคือร้านขายเครื่องสำอางค์แบรนด์ดังของจีน Modern China ซึ่งหลายๆคนที่ลองใช้แล้วยืนยันการันตีว่าใช้ดีจริงๆ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีอาหารท้องถิ่นแปลกๆอีกหลายอย่าง เช่น ไก่ขอทาน หมู ปลาหมึกเสียบไม้ย่าง เครื่องดื่มสมุนไพร รสชาติดี ราคาไม่พงครับ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบที่นี่มาก และถ้าจะทานอาหารท้องถิ่นให้ได้ครบจริงๆแล้วละก็ วันเดียวไม่พอแน่นอนครับ





4. หอนางพญางูขาว เจดีย์เหลยเฟิง 

เป็นเจดีย์แปดเหลี่ยมริมทะเลสาบซีหู่ มีความสูง ห้าชั้น แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ มีลิฟท์ มีบันไดเลื่อนให้บริการ ราคาค่าเข้าชมคนละ 40 หยวน โดยหอนางพญางูขาวในปัจจุบันเป็นหอใหม่ที่สร้างครอบซากปรักหักพังของหอเก่า ภายในมีโครงสร้าง ประวัติความเป็นมา ภาพวาดโบราณ และไฮไลท์สำคัญก็คือภาพไม้แกะสลักเป็นเรื่องราวตำนานของนางพญางูขาวที่สวยสดงดงามน่าทึ่งมากๆครับ นอกจากนี้ที่ชั้นบนสุดของหอยังสามารถออกมารับลมชิมวิวทะเลสาบซีหู่และเมืองหางโจวจากมุมสูงที่ระเบียงได้ด้วยครับ ที่นี่นอกจากจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่งนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว หอนางพญางูขาวยังเป็นจุดหมายหนึ่งที่ชาวจีนจะต้องมาเที่ยวให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิตด้วยครับ






5. ซีหู่เทียนตี้

ตรงนี้เป็นย่านการค้า คาเฟ่ ริมทะเลสาบซีหู่ มีร้านอาหาร ผับแอนด์เรสเตอร์รองชในย่านนี้หลายร้าน รวมไปถึงร้านไอศกรีม Häagen-Dazs และร้านการแฟ Starbuck ลองคิดดูซิครับ จิบกาแฟหอมๆริมทะเลสาบซีหู่ แบบนี้ มันช่างมีความสุขจริงๆเลยครับ โดยรอบมีต้นหลิวปลิวไสว ผู้คนมากมายออกมาเดินข้ามสะพานผ่านทะเลสาบรับสมรับไออุ่นกันอย่างมีความสุข เราหยุดใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานพอสมควร เพราะอยากซึมซับบรรยากาศตรงนี้นานๆครับ





6. หอประชุม G20 Summit และ Outlet 

ตรงนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Hang Zhou Dream Town เป็นย่านที่สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับการประชุม G20 เมื่อปี 2016 ทำให้ตึกทรงกลมสีทองลูกใหญ่นี้กลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญจุดใหม่ของเมืองหางโจว ชั้นปกติเป็นลานกว้างสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ชั้นใต้ดินเป็น Outlet ที่กว้างมากๆ มีสินค้าแบรนด์ดังจากทั่วโลก และสินค้าแบรนด์คุณภาพสูงจากของจีนและไต้หวันอีกด้วย ซึ่งเอาเข้าจริงๆแล้ว สินค้าแบรนด์คุณภาพสูงของจีนมีคุณภาพดีมากๆ และราคาสูงมากๆจนแทบจับต้องไม่ได้เลยครับ ครั้งนี้ทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อสินค้าของจีนไปเลยครับ 

ฝั่งตรงข้ามเป็นห้างสรรพสินค้า Raffle เป็นตึกแฝดตั้งตระหง่านสีเงินสวยงามมากๆ ภายในมีร้านค้ามากมาย ร้านอาหารอร่อยๆก็เยอะ ซึ่งแต่ละร้านเป็นร้านระดับคุณภาพสูงและราคาสูงเกือบทั้งหมด เราลองเข้าไปสั่งอาหารและเครื่องดื่มร้านเล็กๆที่ราคาเบาๆมาลองชิม ก็อร่อยมากๆครับ



7. ย่านช๊อปปิ้ง หลงเสียงเฉียว

ย่านนี้เป็นย่านธุรกิจ ห้างสรรพสินค้าแบรนด์ดังต่างๆมากมาย อยู่ติดกับสถานีหลงเสียงเฉียว จุดสังเกตง่ายๆก็คือ Apple Store ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางย่านนี้ครับ มองเข้าไปข้างใน ชาวหางโจวเจ้าไปเลือซื้อผลิตภัณฑ์ของ Apple กันจนแน่นร้าน ยอมรับเลยว่า คนที่นี่เค้าฐานะดีจริงๆ นักท่องเที่ยวสายห้างสรรพสินค้าอย่างเราชอบย่านนี้มากๆใช้จุดนี้เป็นจุดตั้งหลักสำหรับไปสถานที่ต่างๆ และจากย่านหลงเสียงเฉียวนี้ สามารถเดินกลับโรงแรมที่พักของเราได้เลย 

ในห้างแต่ละห้างก็จะคล้ายๆกับย่านช๊อปปิ้งของ ฮ่องกง หรือญี่ปุ่นเลยครับ สินค้าแบรนด์จากต่างประเทศก็จะมีราคาใกล้เคียงกับบ้านเรา แต่ที่ต้องเน้นๆจริงๆเลยคือสินค้าแบรนด์จีนและไต้หวันครับ คุณภาพถือว่าดีและราคาถูกใช้ได้เลยครับ ยิ่งตอนที่เราไปเป็นช่วงลดราคา ช๊อปปิ้งกันเพลินเลยครับงานนี้




การเที่ยวจีนด้วยตัวเองครั้งแรก จะว่ายากมันก็ยาก จะว่าง่ายมันก็ง่ายนะ ไปหังโจว ที่สำคัญเลยคือต้องจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พักก่อน แล้วไปขอวีซ่าที่สถานทูตจีน ราคาคนละ 1000 บาท ไม่เกิน 7 วันได้วีซ่าแล้วฮะ อีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยในทริปจีนคือ อินเตอร์เน็ตครับ เราเปิดโรมมิ่งของ AIS ราคาเหมารวม 1750 บาท ใช้ได้ 4 วัน เน็ตแรงดีไม่มีสะดุด ถ้าไม่มีอินเตอร์เน็ตดีๆทริปนี้คงจะยุ่งวุ่นวายน่าดูเลยแหละ

ติดตามการท่องเที่ยวกับครอบครัวเล็กๆของเราได้ที่เพจเฟสบุ๊ค "คุณนายตื่นสาย"
https://www.facebook.com/happylazylady/

สุดท้ายนี้ ขอให้ท่องเที่ยวกันให้สนุก มีความสุขกับคนที่คุณครักครับ

ติดตามอ่านกระทู้เที่ยวต่างประเทศอื่นๆของเราได้จากลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ 

เที่ยวญี่ปุ่น โตเกียว 2019 สัมผัสหิมะ นั่งชมซากุระ Tokyo and Gala Yuzawa
https://ppantip.com/topic/38798754

เที่ยวมาเก๊า2018 ง่ายๆ จ่ายแค่นิดเดียว ผู้สูงวัยก็เที่ยวได้นะ
https://ppantip.com/topic/38300054

เที่ยวฮ่องกง...ที่ไหนดี ปี 2018 HONG KONG 4 DAYS TRIP
https://ppantip.com/topic/37708160

เที่ยวจีนด้วยตัวเอง หังโจวสวรรค์บนดินทั้งกินทั้งช๊อป Hangzhou CHINA
https://ppantip.com/topic/37316254
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่