อ้างอิง
https://www.facebook.com/atapee9
---------
“ สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป การเข้าไประงับสังขารเหล่านั้น เสียได้เป็นสุข ” ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อนิจฺจา วต สงฺขารา ความว่า ดูก่อนสุภัททาเทวีผู้เจริญ สังขารทั้งหลายมีขันธ์และอายตนะเป็นต้น อันปัจจัยมีประมาณเท่าใด มาประชุมก่อกำเนิดไว้ ทั้งหมดนั้น ชื่อว่าไม่เที่ยงไปทั้งหมด เพราะบรรดาสังขารเหล่านี้ รูปไม่เที่ยง ฯลฯ วิญญาณไม่เที่ยง จักษุไม่เที่ยง ฯลฯ ธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง. รวมความว่า สิ่งที่ยังความยินดีให้เกิด ทั้งที่มีวิญญาณและหาวิญญาณมิได้ มีอันใดบ้าง อันนั้นทั้งหมด ไม่เที่ยงทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ จงกำหนดถือเอาว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ.
เพราะเหตุไร?
เพราะเป็นอุปปาทวยธรรม คือ เพราะสังขารเหล่านี้ทั้งหมดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาด้วย และมีความเสื่อมเป็นธรรมดาด้วย ล้วนมีความเกิดขึ้นและความแตกดับเป็นสภาวะทั้งนั้น เพราะเหตุนั้น บัณฑิตพึงทราบเถิดว่า เป็นของไม่เที่ยง ก็เพราะไม่เที่ยง จึงเกิดแล้วก็ดับ คือแม้จะเกิดแล้ว ถึงความดำรงอยู่ได้ ก็ต้องดับทั้งนั้น.
แท้จริง สังขารเหล่านี้ทุกอย่างกำลังเกิด ชื่อว่าย่อมเกิดขึ้น. กำลังสลาย ชื่อว่าย่อมดับ . เมื่อความเกิดขึ้นแห่งสังขารเหล่านั้น มีอยู่ ชื่อว่าฐีติ จึงมีได้. เมื่อฐีติมีอยู่ ชื่อว่าภังคะ จึงมีได้. เพราะเมื่อสังขารไม่เกิดขึ้น ฐีติก็มีไม่ได้. ฐีติขณะปรากฏแล้ว ชื่อว่าความไม่แตกดับ ก็ไม่มี. เพราะฉะนั้น สังขารแม้ทั้งหมด ถึงขณะทั้ง ๓ แล้วก็ย่อมดับไป ในขณะนั้นๆ เอง. เพราะเหตุนั้น สังขารเหล่านี้แม้ทั้งหมดจึงเป็นของไม่เที่ยง เป็นไปชั่วขณะ เป็นสิ่งเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ยั่งยืน เปื่อยเน่า หวั่นไหว โยกคลอน ตั้งอยู่ได้ไม่นาน แปรผันได้ เป็นของชั่วคราว ไร้สาระ เป็นเช่นกับของหลอกลวง พยับแดดและฟองน้ำ ด้วยอรรถว่า เป็นของเป็นไปชั่วขณะ.
ที่มาเนื้อหา : www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=95
ที่มาภาพ : งานประชุมเพลิง อ.กำพล ทองบุญนุ่ม 1 พ.ค. 59
“ สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ...."
https://www.facebook.com/atapee9
---------
“ สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป การเข้าไประงับสังขารเหล่านั้น เสียได้เป็นสุข ” ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อนิจฺจา วต สงฺขารา ความว่า ดูก่อนสุภัททาเทวีผู้เจริญ สังขารทั้งหลายมีขันธ์และอายตนะเป็นต้น อันปัจจัยมีประมาณเท่าใด มาประชุมก่อกำเนิดไว้ ทั้งหมดนั้น ชื่อว่าไม่เที่ยงไปทั้งหมด เพราะบรรดาสังขารเหล่านี้ รูปไม่เที่ยง ฯลฯ วิญญาณไม่เที่ยง จักษุไม่เที่ยง ฯลฯ ธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง. รวมความว่า สิ่งที่ยังความยินดีให้เกิด ทั้งที่มีวิญญาณและหาวิญญาณมิได้ มีอันใดบ้าง อันนั้นทั้งหมด ไม่เที่ยงทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ จงกำหนดถือเอาว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ.
เพราะเหตุไร?
เพราะเป็นอุปปาทวยธรรม คือ เพราะสังขารเหล่านี้ทั้งหมดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาด้วย และมีความเสื่อมเป็นธรรมดาด้วย ล้วนมีความเกิดขึ้นและความแตกดับเป็นสภาวะทั้งนั้น เพราะเหตุนั้น บัณฑิตพึงทราบเถิดว่า เป็นของไม่เที่ยง ก็เพราะไม่เที่ยง จึงเกิดแล้วก็ดับ คือแม้จะเกิดแล้ว ถึงความดำรงอยู่ได้ ก็ต้องดับทั้งนั้น.
แท้จริง สังขารเหล่านี้ทุกอย่างกำลังเกิด ชื่อว่าย่อมเกิดขึ้น. กำลังสลาย ชื่อว่าย่อมดับ . เมื่อความเกิดขึ้นแห่งสังขารเหล่านั้น มีอยู่ ชื่อว่าฐีติ จึงมีได้. เมื่อฐีติมีอยู่ ชื่อว่าภังคะ จึงมีได้. เพราะเมื่อสังขารไม่เกิดขึ้น ฐีติก็มีไม่ได้. ฐีติขณะปรากฏแล้ว ชื่อว่าความไม่แตกดับ ก็ไม่มี. เพราะฉะนั้น สังขารแม้ทั้งหมด ถึงขณะทั้ง ๓ แล้วก็ย่อมดับไป ในขณะนั้นๆ เอง. เพราะเหตุนั้น สังขารเหล่านี้แม้ทั้งหมดจึงเป็นของไม่เที่ยง เป็นไปชั่วขณะ เป็นสิ่งเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ยั่งยืน เปื่อยเน่า หวั่นไหว โยกคลอน ตั้งอยู่ได้ไม่นาน แปรผันได้ เป็นของชั่วคราว ไร้สาระ เป็นเช่นกับของหลอกลวง พยับแดดและฟองน้ำ ด้วยอรรถว่า เป็นของเป็นไปชั่วขณะ.
ที่มาเนื้อหา : www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=95
ที่มาภาพ : งานประชุมเพลิง อ.กำพล ทองบุญนุ่ม 1 พ.ค. 59