* เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงาน สารอาหาร วิตามินและเกลือแร่ต่างๆ อย่างเพียงพอ ป้องกันภาวะขาดสารอาหารที่จะนำไปสู่ความเสื่อมของระบบภูมิคุ้มกัน
* เพื่อรักษาน้ำหนักตัว ที่สำคัญเพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ (lean body mass) เนื่องจากเชื้อเอชไอวีมีผลต่อการเผาผลาญอาหาร (Metabolism) โดยมีการนำเอาโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงานก่อนไขมัน ทำให้ผู้ติดเชื้อมีกล้ามเนื้อลีบ ทั้งๆ ที่น้ำหนักตัวยังสมส่วน หรือยังดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี
* เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
* เพื่อชะลอระยะเวลาการดำเนินโรคไปสู่ระยะโรคเอดส์เต็มขั้น
* เพื่อช่วยให้มีการตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวีดีขึ้น
* เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคอันเนื่องมาจากปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น
แนวทางในการเลือกกินอาหารเพื่อสร้างเสริมสุขภาพสำหรับผู้ติดเชื้อ
ไม่มีอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งที่ให้สารอาหารได้ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ (ยกเว้นน้ำนมแม่) สารอาหารที่จำเป็นสำหรับผู้ติดเชื้อมีหลายชนิด ได้แก่ กรดอะมิโน (โปรตีน) กรดไขมัน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี6 วิตามินบี12 โฟเลต ไนอาซีน และสารกลุ่มแอนตี้ออกซิแดนท์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ ( เบต้าแคโรทีน คาโรทีนอยด์ ไบโอฟลาวานอยด์ ซีสเตอีน สังกะสี ซีลีเนียม เป็นต้น
สารอาหารแต่ละชนิด มีคุณสมบัติหรือหน้าที่แตกต่างกันออกไป แต่ต้องอาศัยซึ่งกันและกันในการเผาผลาญและดูดซึมเพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด
นอกจากเรื่องของสารอาหารแล้ว ก็ขอแนะนำผู้ติดเชื้อว่าต้องดูแลใส่ใจ หรือระมัดระวังในบางเรื่องเป็นพิเศษมากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย ได้แก่
* ควรได้รับพลังงานจากอาหารต่อวันเพิ่มขึ้น
-ผู้ติดเชื้อโดยทั่วไปควรได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น10% สามารถเทียบได้กับการเพิ่มอาหารมื้อว่างขึ้นมา 1 มื้อ เช่น เพิ่มแซนวิชทูน่า 1 ชิ้น หรือ กินนมเพิ่มขึ้น 1 แก้ว เป็นต้น
- ในผู้ติดเชื้อบางรายที่มีภาวะขาดสารอาหารอาจต้องการพลังงานมากกว่าปกติถึง 30% จึงควรเพิ่มอาหารว่างเป็น 3 มื้อ หรือเพิ่มอาหารมื้อหลักจาก 3 มื้อ มาเป็น 4 มื้อ เป็นต้น
-เมื่อผู้ติดเชื้อได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น สารอาหาร วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ ก็จะได้รับเพิ่มไปด้วยโดยปริยาย
-ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ1-2 ลิตร หรือ 6-8 แก้ว
การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร:
* การรับประทานผัก และผลไม้หลากหลายชนิดร่วมกับการเสริมด้วยวิตามินรวม (Multivitamin) นับเป็นสิ่งที่จำเป็น
* ผู้ติดเชื้อบางรายที่มีปัญหาทุพโภชนาการ หรือมีอาการบ่งชี้ของภาวะขาดสารอาหารหรือวิตามินบางชนิดอย่างชัดเจน อาจพิจารณาให้วิตามินชนิดนั้นๆ เสริมเพิ่มเติมจากวิตามินรวม
* ผู้ติดเชื้อที่ติดเชื้อฉวยโอกาส อาจพิจารณาให้วิตามินเอ ซี และอี เพื่อเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ(antioxidant) เพื่อลดความรุนแรงของการอักเสบและการติดเชื้อ
* ผู้ติดเชื้อที่มีอาการด้านระบบประสาท เช่น ชาบริเวณแขนขา หรือมึนงง อาจเสริมด้วยวิตามินบีรวม (Vitamin B-complex)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โครงการศูนย์ร่วมมือไทย-ออสเตรเลียด้านโภชนาการเอดส์
Report by LIV APCO
โภชนาการของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
* เพื่อรักษาน้ำหนักตัว ที่สำคัญเพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ (lean body mass) เนื่องจากเชื้อเอชไอวีมีผลต่อการเผาผลาญอาหาร (Metabolism) โดยมีการนำเอาโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงานก่อนไขมัน ทำให้ผู้ติดเชื้อมีกล้ามเนื้อลีบ ทั้งๆ ที่น้ำหนักตัวยังสมส่วน หรือยังดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี
* เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
* เพื่อชะลอระยะเวลาการดำเนินโรคไปสู่ระยะโรคเอดส์เต็มขั้น
* เพื่อช่วยให้มีการตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวีดีขึ้น
* เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคอันเนื่องมาจากปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น
แนวทางในการเลือกกินอาหารเพื่อสร้างเสริมสุขภาพสำหรับผู้ติดเชื้อ
ไม่มีอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งที่ให้สารอาหารได้ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ (ยกเว้นน้ำนมแม่) สารอาหารที่จำเป็นสำหรับผู้ติดเชื้อมีหลายชนิด ได้แก่ กรดอะมิโน (โปรตีน) กรดไขมัน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี6 วิตามินบี12 โฟเลต ไนอาซีน และสารกลุ่มแอนตี้ออกซิแดนท์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ ( เบต้าแคโรทีน คาโรทีนอยด์ ไบโอฟลาวานอยด์ ซีสเตอีน สังกะสี ซีลีเนียม เป็นต้น
สารอาหารแต่ละชนิด มีคุณสมบัติหรือหน้าที่แตกต่างกันออกไป แต่ต้องอาศัยซึ่งกันและกันในการเผาผลาญและดูดซึมเพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด
นอกจากเรื่องของสารอาหารแล้ว ก็ขอแนะนำผู้ติดเชื้อว่าต้องดูแลใส่ใจ หรือระมัดระวังในบางเรื่องเป็นพิเศษมากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย ได้แก่
* ควรได้รับพลังงานจากอาหารต่อวันเพิ่มขึ้น
-ผู้ติดเชื้อโดยทั่วไปควรได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น10% สามารถเทียบได้กับการเพิ่มอาหารมื้อว่างขึ้นมา 1 มื้อ เช่น เพิ่มแซนวิชทูน่า 1 ชิ้น หรือ กินนมเพิ่มขึ้น 1 แก้ว เป็นต้น
- ในผู้ติดเชื้อบางรายที่มีภาวะขาดสารอาหารอาจต้องการพลังงานมากกว่าปกติถึง 30% จึงควรเพิ่มอาหารว่างเป็น 3 มื้อ หรือเพิ่มอาหารมื้อหลักจาก 3 มื้อ มาเป็น 4 มื้อ เป็นต้น
-เมื่อผู้ติดเชื้อได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น สารอาหาร วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ ก็จะได้รับเพิ่มไปด้วยโดยปริยาย
-ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ1-2 ลิตร หรือ 6-8 แก้ว
การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร:
* การรับประทานผัก และผลไม้หลากหลายชนิดร่วมกับการเสริมด้วยวิตามินรวม (Multivitamin) นับเป็นสิ่งที่จำเป็น
* ผู้ติดเชื้อบางรายที่มีปัญหาทุพโภชนาการ หรือมีอาการบ่งชี้ของภาวะขาดสารอาหารหรือวิตามินบางชนิดอย่างชัดเจน อาจพิจารณาให้วิตามินชนิดนั้นๆ เสริมเพิ่มเติมจากวิตามินรวม
* ผู้ติดเชื้อที่ติดเชื้อฉวยโอกาส อาจพิจารณาให้วิตามินเอ ซี และอี เพื่อเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ(antioxidant) เพื่อลดความรุนแรงของการอักเสบและการติดเชื้อ
* ผู้ติดเชื้อที่มีอาการด้านระบบประสาท เช่น ชาบริเวณแขนขา หรือมึนงง อาจเสริมด้วยวิตามินบีรวม (Vitamin B-complex)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โครงการศูนย์ร่วมมือไทย-ออสเตรเลียด้านโภชนาการเอดส์
Report by LIV APCO