ผมเห็นหัวข้อกระทู้นี้มาหลายวันแล้ว คิดว่าจะหาคำตอบที่มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เพื่อนสมาชิกผู้ต่างศรัทธาเข้าใจได้, โดยที่ไม่ทำให้มุสลิมส่วนใหญ่ผู้ที่ไม่ได้สนใจในเหตุการณ์ของสังคมโลกภายนอก เข้าใจผิดว่าคำอธิบายของผมเป็นการตำหนิสังคมมุสลิมโดยรวม, ปัญหาของสังคมมุสลิมโดยเฉพาะ ในสังคมมุสลิมอรับที่มีประเทศซาอุดิอารเบียเป็นศูนย์กลางในการ แพร่ ลัทธิวะฮาบีย์ไปทั่วทุกๆมุมโลก, ซึ่งลัทธินี้ไม่มีความอดทนต่อสภาพสังคมของโลกปัจจุบัน แม้แต่สังคมมุสลิมด้วยกันซึ่งมุสลิมส่วนใหญ่ที่สามารถ ที่อยู่ร่วมกับสังคมอื่นๆที่เจริญแล้วได้อย่างสงบก็ตาม
เป็นที่รู้กันว่า สังคมมุสลิมบางสังคมไม่อาจจะยอมรับ เกย์หรือเลสเบียนให้อยู่ร่วมสังคมเดียวกันกับพวกเขาได้ จะมีการลงโทษด้วยการประหารชีวิตด้วยวิธีการต่างๆ และเมื่ออรับมุสลิมเหล่านี้ อพยพเข้าไปอยู่ในสังคมใดก็ตามที่ไม่มีศรัทธาเช่นเดียวกับเขา เขาจะบังคับให้ประชาชนในชุมชนนั้นๆ มีชีวิตความเป็นอยู่เช่นเดียวกับพวกเขา โดยที่ไม่คำนึงถึงคำสอนของอิสลามที่สอนว่า “ {109:6}
พวกเธอมีศาสนาของพวกเธอ และฉันก็มีศาสนาของฉัน"
เพื่อนร่วมสังคมกับมุสลิมเขาคิดว่า เขาไม่ได้มีวิวัฒนาการที่จะสนับสนุนสิทธิของบุคคลและเสรีภาพในการพูดและการนับถือศาสนา เพียงเพื่อให้ชาวมุสลิมสามารถเข้ามาใช้สิทธิดังกล่าว เพื่อนำมากำหนดมุมมองของมุสลิมที่เข้ามาอยู่ร่วมกับกับพวกเขาและอาศัยสิทธิในสังคมของเขาเหยียดหยามเสรีภาพของพวกเขา ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน, และบังคับให้เจ้าของบ้านเปลี่ยนความคิดเห็นให้เข้ากับมุสลิม, ซึ่งเป็นการล่วงละเมิดเสรีภาพของเจ้าของบ้าน
ชาวบ้านที่อยู่ร่วมกับมุสลิมในต่างประเทศอยากรู้ว่าทำไมชาวมุสลิมจึงเป็นเช่นนี้ ? และ ในปัจจุบันเฉพาะมุสลิมเท่านั้น ที่ให้กำเนิดผู้ก่อการร้ายในนามของศาสนา, ชาวโลกสงสัยว่าเหตุใดประชากรที่ไม่ใช่มุสลิมจึงปล่อยให้มุสลิมทำลายล้างสิทธิเสรีภาพของพวกเขาได้, ถ้าหากว่ามุสลิมคิดว่าผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมเป็นผู้หลงผิดทำไมจึงไม่ให้พระเจ้าลงโทษบรรดาผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมเมื่อเวลานั้นมาถึง ทำไมจึงละเมิดสิทธิของพระเจ้ากระทำการเสียเอง?
มุสลิมส่วนมากพยายามที่จะชักจูงผู้คนเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามโดยพยายามที่จะ บอกว่า "
อิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติภาพ", แต่ในทางตรงกันข้าม,สังคมมุสลิมเป็นสังคมเดียวที่สร้างความโหดร้ายทารุณในนามของศาสนา เช่นโยนเกย์ออกจากอาคาร, การเผาไหม้คนทั้งเป็น, และในปัจจุบันผู้ก่อการร้ายที่ฆ่าชีวิตผู้คนทั่วทุกๆมุมโลกเป็นมุสลิมเกือบ100% และมีความมุ่งหวังที่จะพิชิตโลกทั้งหมด และจะบังคับให้สตรีในทุกๆสังคมสวมใส่ฮิญาบและตกอยู่ภายใต้กฎหมายชารรีอะห์
การที่มุสลิมพยายามที่จะเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อื่นที่ไม่ใช่มุสลิมในสังคมของเขา ให้สอดคล้องต่อความศรัทธาของมุสลิม เป็นสาเหตุที่สำคัญ ประการหนึ่งที่ทำให้มุสลิมเข้ากับเพื่อนบ้านไม่ได้, ในสังคมที่เจริญแล้วและมีผู้ที่นับถือศาสนาต่างอยู่ร่วมกันอย่างหลากหลาย, เช่นในอเมริกาและในยุโรป
อรับมุสลิมไม่ยอมเข้าใจคำว่าสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของสังคมที่เจริญแล้ว โดยเฉพาะในประเทศตะวันตกและประเทศประชาธิปไตยทั้งหลาย, และ
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น สิทธิมนุษยชนสากลเป็นหลักสำคัญของอิสลามที่มีสอนไว้ในอัลกุรอาน แต่อรับมุสลิมเหล่านี้ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลยหรือไม่ก็อาจจะคิดว่าเป็นสิทธิเฉพาะมุสลิมที่มีเหนือผู้อื่นเท่านั้น
การแก้ปัญหาในเรื่องนี้อยู่ที่การศึกษาศาสนาที่ถูกต้อง สังคมมุสลิมจะต้องเข้าใจและยอมรับปัญหาดังกล่าวว่ามีอยู่จริงในสังคมมุสลิม เมื่อมุสลิมเข้าใจปัญหาดังกล่าวได้, การศึกษาศาสนาก็จะมีเป้าหมายที่ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้อิสลามก็ เป็นศาสนาแห่งสันติภาพโดยแท้จริง และเป็นที่นับถือของบุคคลโดยทั่วไป
คำตอบที่ถูกต้องต่อหัวข้อกระทู้ควรจะเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้และเข้าใจ เรื่องสิทธิมนุษยชนที่มีสอนอยู่ในอัลกุรอาน ว่ามนุษย์ทุกๆคนบนโลกใบนี้มีสิทธิเท่าเทียมกันทุกๆ เชื้อชาติ,ทุกๆเพศและทุกๆวัย, และทุกๆความศรัทธา
แต่ถ้ามุสลิมคิดเพียงแต่ว่า โลกดุนยาเป็นเพียงแค่ทางผ่าน และโยนทิ้งขยะเรี่ยราด ไม่มีการส่งเสริมความสะอาดและความมีระเบียบของสภาพแวดล้อมตาม ทางที่ผ่านไปแล้ว เป็นการกระทำ ที่ตรงข้ามกับคำสอนของศาสนาอิสลาม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.religiousconsultation.org/hassan2.htm
Are Human Rights Compatible with Islam?
The Issue of the Rights of Women in Muslim Communities
By Riffat Hassan, Ph.D.
University of Louisville, Louisville, Kentucky
มีวิธีใดที่อาจจะทำให้ "มุสลิม" (ศาสนาอิสลาม) อยู่ร่วมกับชาวโลกอื่นๆได้ อย่างสันติจริงๆ
เป็นที่รู้กันว่า สังคมมุสลิมบางสังคมไม่อาจจะยอมรับ เกย์หรือเลสเบียนให้อยู่ร่วมสังคมเดียวกันกับพวกเขาได้ จะมีการลงโทษด้วยการประหารชีวิตด้วยวิธีการต่างๆ และเมื่ออรับมุสลิมเหล่านี้ อพยพเข้าไปอยู่ในสังคมใดก็ตามที่ไม่มีศรัทธาเช่นเดียวกับเขา เขาจะบังคับให้ประชาชนในชุมชนนั้นๆ มีชีวิตความเป็นอยู่เช่นเดียวกับพวกเขา โดยที่ไม่คำนึงถึงคำสอนของอิสลามที่สอนว่า “ {109:6} พวกเธอมีศาสนาของพวกเธอ และฉันก็มีศาสนาของฉัน"
เพื่อนร่วมสังคมกับมุสลิมเขาคิดว่า เขาไม่ได้มีวิวัฒนาการที่จะสนับสนุนสิทธิของบุคคลและเสรีภาพในการพูดและการนับถือศาสนา เพียงเพื่อให้ชาวมุสลิมสามารถเข้ามาใช้สิทธิดังกล่าว เพื่อนำมากำหนดมุมมองของมุสลิมที่เข้ามาอยู่ร่วมกับกับพวกเขาและอาศัยสิทธิในสังคมของเขาเหยียดหยามเสรีภาพของพวกเขา ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน, และบังคับให้เจ้าของบ้านเปลี่ยนความคิดเห็นให้เข้ากับมุสลิม, ซึ่งเป็นการล่วงละเมิดเสรีภาพของเจ้าของบ้าน
ชาวบ้านที่อยู่ร่วมกับมุสลิมในต่างประเทศอยากรู้ว่าทำไมชาวมุสลิมจึงเป็นเช่นนี้ ? และ ในปัจจุบันเฉพาะมุสลิมเท่านั้น ที่ให้กำเนิดผู้ก่อการร้ายในนามของศาสนา, ชาวโลกสงสัยว่าเหตุใดประชากรที่ไม่ใช่มุสลิมจึงปล่อยให้มุสลิมทำลายล้างสิทธิเสรีภาพของพวกเขาได้, ถ้าหากว่ามุสลิมคิดว่าผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมเป็นผู้หลงผิดทำไมจึงไม่ให้พระเจ้าลงโทษบรรดาผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมเมื่อเวลานั้นมาถึง ทำไมจึงละเมิดสิทธิของพระเจ้ากระทำการเสียเอง?
มุสลิมส่วนมากพยายามที่จะชักจูงผู้คนเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามโดยพยายามที่จะ บอกว่า "อิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติภาพ", แต่ในทางตรงกันข้าม,สังคมมุสลิมเป็นสังคมเดียวที่สร้างความโหดร้ายทารุณในนามของศาสนา เช่นโยนเกย์ออกจากอาคาร, การเผาไหม้คนทั้งเป็น, และในปัจจุบันผู้ก่อการร้ายที่ฆ่าชีวิตผู้คนทั่วทุกๆมุมโลกเป็นมุสลิมเกือบ100% และมีความมุ่งหวังที่จะพิชิตโลกทั้งหมด และจะบังคับให้สตรีในทุกๆสังคมสวมใส่ฮิญาบและตกอยู่ภายใต้กฎหมายชารรีอะห์
การที่มุสลิมพยายามที่จะเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อื่นที่ไม่ใช่มุสลิมในสังคมของเขา ให้สอดคล้องต่อความศรัทธาของมุสลิม เป็นสาเหตุที่สำคัญ ประการหนึ่งที่ทำให้มุสลิมเข้ากับเพื่อนบ้านไม่ได้, ในสังคมที่เจริญแล้วและมีผู้ที่นับถือศาสนาต่างอยู่ร่วมกันอย่างหลากหลาย, เช่นในอเมริกาและในยุโรป อรับมุสลิมไม่ยอมเข้าใจคำว่าสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของสังคมที่เจริญแล้ว โดยเฉพาะในประเทศตะวันตกและประเทศประชาธิปไตยทั้งหลาย, และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น สิทธิมนุษยชนสากลเป็นหลักสำคัญของอิสลามที่มีสอนไว้ในอัลกุรอาน แต่อรับมุสลิมเหล่านี้ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลยหรือไม่ก็อาจจะคิดว่าเป็นสิทธิเฉพาะมุสลิมที่มีเหนือผู้อื่นเท่านั้น
การแก้ปัญหาในเรื่องนี้อยู่ที่การศึกษาศาสนาที่ถูกต้อง สังคมมุสลิมจะต้องเข้าใจและยอมรับปัญหาดังกล่าวว่ามีอยู่จริงในสังคมมุสลิม เมื่อมุสลิมเข้าใจปัญหาดังกล่าวได้, การศึกษาศาสนาก็จะมีเป้าหมายที่ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้อิสลามก็ เป็นศาสนาแห่งสันติภาพโดยแท้จริง และเป็นที่นับถือของบุคคลโดยทั่วไป
คำตอบที่ถูกต้องต่อหัวข้อกระทู้ควรจะเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้และเข้าใจ เรื่องสิทธิมนุษยชนที่มีสอนอยู่ในอัลกุรอาน ว่ามนุษย์ทุกๆคนบนโลกใบนี้มีสิทธิเท่าเทียมกันทุกๆ เชื้อชาติ,ทุกๆเพศและทุกๆวัย, และทุกๆความศรัทธา
แต่ถ้ามุสลิมคิดเพียงแต่ว่า โลกดุนยาเป็นเพียงแค่ทางผ่าน และโยนทิ้งขยะเรี่ยราด ไม่มีการส่งเสริมความสะอาดและความมีระเบียบของสภาพแวดล้อมตาม ทางที่ผ่านไปแล้ว เป็นการกระทำ ที่ตรงข้ามกับคำสอนของศาสนาอิสลาม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้