นิพพานไม่ได้เป็นอนัตตา แต่นิพพานเป็นอย่างนี้ๆ

คือ...

            เป็นอสังขตะ            
            เป็นที่สุด
            เป็นธรรมอันหาอาสวะมิได้
            เป็นธรรมที่จริงแท้
            เป็นธรรมอันเป็นฝั่ง
            เป็นธรรมอันละเอียด
            เป็นธรรมอันเห็นได้แสนยาก
            เป็นธรรมอันไม่คร่ำคร่า
            เป็นเธรรมอันยั่งยืน
            เป็นธรรมอันไม่ทรุดโทรม
            เป็นธรรมอันใครๆ ไม่พึงเห็นด้วยจักษุวิญญาณ
            เป็นธรรมอันไม่มีกิเลสเครื่องให้เนิ่นช้า
            เป็นธรรมอันสงบ
            เป็นธรรมอันไม่ตาย
            เป็นธรรมอันประณีต
            เป็นธรรมอันเยือกเย็น
            เป็นธรรมอันปลอดภัย
            เป็นธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา
            เป็นธรรมอันอัศจรรย์
            เป็นธรรมอันไม่เคยมีเคยเป็น
            เป็นความไม่มีทุกข์
            เป็นธรรมอันหาทุกข์มิได้
            เป็นนิพพาน
            เป็นธรรมอันหาความเบียดเบียนมิได้
            เป็นธรรมอันปราศจากความกำหนัด
            เป็นเความบริสุทธิ์
            เป็นความพ้น
            เป็นธรรมอันหาความอาลัยมิได้
            เป็นที่พึ่ง
            เป็นที่เร้น
            เป็นที่ต้านทาน
            เป็นสรณะ
            เป็นเธรรมเป็นที่ไปในเบื้องหน้า
            เป็นทิศที่ไม่เคยไป
            เป็นภูมิอันเกษม
ที่แท้ก็คือธรรมอันเดียวกัน มีที่มาอย่างเดียวกัน คือ
ความสิ้นไปแห่งราคะ  ความสิ้นไปแห่งโทสะ  ความสิ้นไปแห่งโมหะ...

พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า              
            
               ดูกรภิกษุทั้งหลาย กิจใดอันศาสดาผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล
ผู้อนุเคราะห์ พึงทำแก่สาวกทั้งหลาย กิจนั่นอันเราอาศัยความอนุเคราะห์ ทำแล้ว
แก่เธอทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่าง ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงเพ่ง อย่าประมาท อย่าได้เป็นผู้มีความเดือดร้อนในภายหลังเลย
นี้เป็นอนุศาสนีของเราเพื่อเธอทั้งหลาย

       สรูปได้ว่า นิพพานไม่ได้เป็นอนัตตาอย่างที่หลวงตาบางวัดท่านสอนไว้
แต่มั่วเอาเองแท้ๆ แถมยังไปมอมเมาชาวพุทธต่ออีกว่า พระพุทธเจ้าตรัสไว้
อย่างนั้น พบหลายแห่งในพระไตรปิฏก


หุ หุ หุ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่