บทที่ 2
กำเนิดนาคาพิฆาต
ณ เมืองกุสินารา อาณาจักรที่รุ่งเรือง เต็มไปด้วยความครึกครื้นมีสีสัน มีชีวิตชีวา ถ้าจะเปรียบเทียบ คงจะเปรียบเสมือนเมืองที่มีความสุข ทุกที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงร้องเพลง มีความเอื้ออารีต่อกัน
ปราณภพ บุตรชายนายช่างทอง เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ได้หัดตีทองกับผู้เป็นบิดา อยู่กัน 2 คนพ่อลูก เพราะมารดานั้นเสียไปตั้งแต่ชายหนุ่มยังเด็กอายุ 10 ปี ฝีมือการทำทองของปราณภพ ฝีมือดีคล้ายๆ กับผู้เป็นบิดาเพราะความที่คลุกคลีกับช่างทำทองมาตั้งแต่ยังเล็ก จะเรียกได้ว่า กินนอนอยู่กับช่างทำทอง อยู่ในที่ทำทองเลยทีเดียว
แต่การฝึกเป็นช่างที่ทำทองได้งามตั้งแต่อายุยังน้อย ได้หล่อหลอมให้เขากลายเป็นบุรุษหนุ่มที่เป็นผู้ใหญ่ต่างจากคนในวัยเดียวกัน หน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะช่างทอง และเป้าหมายที่อยากจะเข้าวังเป็นช่างทองวังหลวงนั้น คือ เป้าหมายสูงสุดของเขา
"ข้าต้องฝึก ต้องทำให้ดีขึ้นไปอีก เพื่อจะได้รับการคัดเลือกเป็นช่างทองวังหลวง" ปราณภพคิดด้วยความมุ่งมั่น
สิเกน นายช่างทอง บิดาของปราณภพ เฝ้ามองดูบุตรชายที่เฝ้าอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเล็ก ด้วยความภาคภูมิใจ บทบาทของการเป็นทั้งพ่อและแม่ไม่ง่ายนัก ที่จะเลี้ยงลูกให้เติบโตและเป็นคนดี ชายชรามองบุตรชายที่กำลังแกะสลักทองเป็นรูปพญานาคบนกำไลข้อมือ
สิเกนเชื่อว่า บุตรชายที่อยู่ตรงหน้าเขา คือ เด็กดี คนดี รอยยิ้มน้อยๆ หรือมักเงียบขรึมในเวลาทำงาน อันที่จริง ถ้าจะพูดให้ถูก คือ ปราณภพเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว น้อยครั้งนักที่จะเห็นบุตรชายยิ้มหรือหัวเราะสักที
บางครั้งอาจจะเป็นเพราะเขาเองที่มีแต่เวลาทำงาน จึงไม่ค่อยจะมีโอกาสได้เล่นคลุกคลีกับลูกเหมือนพ่อลูกคนอื่นๆ การสวมบทบาทเป็นนายช่างทอง ถึงจะไม่ใช่ช่างหลวงแห่งวังหลวง แต่ก็กล่าวได้ว่า สิเกน เป็นนายช่างทองที่มีฝีมือหาตัวจับยากคนหนึ่ง บรรดาเศรษฐี หรือคหบดี มักจะจ้างตีทองให้เป็นเครื่องประดับต่างๆ ให้ภรรยาและบุตรี ได้สวมใส่เป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงฐานะ
3 ปีหลังมานี้ ปราณภพได้พัฒนาฝีมือ และเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการช่วยพ่อทำทองมากที่สุด และลายที่ปราณภพชอบมากที่สุด คือ ลายนาคราช หรือ กำไลนาคราช
ไม่เคยรู้หรอกว่านาคราชมีตัวตนจริงๆ หรือเป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก แต่สิ่งที่ปราณภพรู้สึก คือ คราใดที่ได้ไปวัดหรือสถานที่ที่มีรูปปั้นพญานาคอยู่ จิตใจของปราณภพจะรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดเสมือนกลับมาอยู่บ้านเก่า
คราใดที่เหนื่อยหรือทุกข์ใจเรื่องใด การได้ลงมือทำงานตีทองเป็นกำไรนาคราช เรื่องทุกข์ใจอื่นใด ก็พลันหายไปหมดสิ้น
ด้วยเหตุนี้ ปราณภพจึงได้ทำจี้รูปนาคราช ห้อยคอติดตัว โดยตั้งชื่อว่า "นาคาพิฆาต"
จะเป็นการบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ "นาคาพิฆาต" บังเอิญทำเสร็จสิ้นในวันที่คืนพระจันทร์เต็มดวงพอดี
"นาคาพิฆาต" ลายแกะสลักทองเป็นรูปนาคราช ขดตัวโดยรอบ 5 รอบ และชูคอดวงตาประดับด้วยทับทิมเม็ดเล็กสีแดง ทำให้ "นาคาพิฆาต" ดูดุสมชื่อเปรียบดังเช่น ใครคิดจะเข้ามาทำร้ายก็จะจัดการให้ถึงที่สุดปราณภพนำเชือกที่ทำมาจากหนังวัวถักร้อยให้แน่นหนา และคล้อง "นาคาพิฆาต" ไว้อยู่ระดับอกพอดี
ค่ำคืนแรกของการนอนหลับพร้อมมีนาคาพิฆาตอยู่ที่คอ พอใกล้จะเคลิ้มหลับ เหมือนฝัน.......ภาพนั้น จากเลือนลางๆ ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นในความรู้สึก ปราสาทหิน ซากปรักหักพังเต็มไปหมด "ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย" เขาคิด ...ในฝันเขาค่อยๆ เดินไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ไร้ผู้คน เถาวัลย์ขึ้นปกคลุมแทบจะมองไม่เห็นว่าตรงนั้นเคยมีสภาพเป็นเมืองมาก่อน
ปราณภพลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยคำถามในใจ "เมื่อกี้มันเป็นแค่ความฝันหรือนี่!! ทำไมภาพต่างๆ หรือความคิดในฝันนั้น มันช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกิน" เขาแน่ใจว่า ชีวิตนี้ เขาไม่เคยเห็นเมืองที่มีลักษณะเช่นนี้มาก่อนแน่ๆ
ขณะที่ปราณภพกำลังหลอมขึ้นรูปทองอยู่นั้น "มิรงค์" ชายชราที่มักจะทำนายทายทักตรวจดูดวงชะตาอยู่เป็นนิจ ผมสีดอกเลาหยักศกเล็กน้อย ดูล้านๆ กลางศีรษะเป็นหย่อมๆ "มิรงค์" เป็นเพื่อนรักของ สิเกนมาตั้งแต่วัยหนุ่ม ชายชราจึงรักและเอ็นดูปราณภพดุจบุตรชายคนหนึ่ง
"ว่าไง ไอ้หลานชาย ทำอะไรอยู่รึ?" ชายชราเอ่ยถามขึ้น
"กำลังขึ้นรูปทองจ้า" ชายหนุ่มตอบ
"แหม ไอ้ข้าก็เห็น ว่าเอ็งกำลังขึ้นรูปทองแต่นั้นมันรูปอะไรเล่า มองยังไงก็มองดูไม่ออก" ชายชราถาม
"อันที่จริง กำลังพยายามขึ้นรูปทำเป็นเครื่องประดับศีรษะให้แม่หญิงในวังน่ะท่านลุง" ปราณภพตอบ
มิรงค์ทำสีหน้าสงสัยและขมวดคิ้ว ยังมิวายถามต่อ "ข้าว่า ไม่เห็นมันจะเหมือนเครื่องประดับอย่างที่เอ็งว่าตรงไหน เอ็งเป็นอะไรมากหรือเปล่า ข้าเห็นเอ็งตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยเห็นเอ็งดูเหม่อ จิตใจล่องลอย ทำอะไรไม่ได้อย่างนี้เลย ข้าว่าเอ็งพอก่อนเถอะ มานั่งพักเสียก่อน”
ปราณภพจำต้องหยุดการขึ้นรูปทองไว้ก่อน เพราะเขาเองก็รู้ตัวเหมือนกันว่า วันนี้ทั้งวัน แค่งานชิ้นทำง่ายๆ ที่ปกติทำไม่นานก็เสร็จ แต่นี่ครึ่งวันผ่านไปก็ยังทำไม่ถึงไหน เขาจึงขยับตัวไปนั่งดื่มน้ำที่โต๊ะกับชายชราที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
ชายชรามองดูเด็กหนุ่มด้วยสายตาเอ็นดู
"ชิชะ ดูสิ พ่อเอ็งนี่สงสัยจะใช้งานเอ็งหนักใช่ไหมนี่ หน้าดำคร่ำเคร่งเชียว ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ชายชราหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
เขาได้แต่ทำหน้ายิ้มๆ ไม่ตอบอะไร แล้วก็ดื่มน้ำเงียบๆ
ระหว่างที่ปราณภพกำลังจิบน้ำอยู่นั้น พลันสายตาของชายชราก็สะดุดกับสร้อยสีทองที่คล้องอยู่สวมอยู่บนคอ ห้อยระดับอกของชายหนุ่ม
"นั่นมันอะไรน่ะ" ชายชราถามด้วยอาการตกใจ
"นี่เหรอท่านลุง หลานเพิ่งตีเสร็จเมื่อวานนี้เอง เป็นรูปนาคราช" ชายหนุ่มตอบอย่างภาคภูมิใจ
"ไหนๆ ขอข้าดูใกล้ๆ ซิ" ชายชราค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปจับพลิกดูสร้อยของชายหนุ่ม
"ทำไม ทำไม ทำไมบังเอิญขนาดนี้" ชายชราละล่ำละลักถามออกไป
ชายหนุ่มตกใจในท่าทีของชายชรา "เป็นอะไรรึ ท่านลุง"
"เดี๋ยว เอ็งตอบข้าก่อน ไอ้รูปที่เอ็งแกะออกมา เอ็งไปเอาแบบมาจากไหน" มิรงค์ถาม
"อ๋อ ท่านลุง ข้าน่ะชอบพญานาค ก็เลยลองตีมันขึ้นมาตามความรู้สึกที่อยากทำ ณ ตอนนั้นน่ะจ้า" เด็กหนุ่มตอบ
"นี่เอ็งรู้ไหม ไอ้ที่เอ็งตีขึ้นมาแล้วนั้น มันคืออะไร?" มิรงค์ถามต่ออย่างตกใจ
"ก็พญานาคไงขอรับท่านลุง" ปราณภพตอบ
"ไม่ใช่ ข้าหมายถึง ไอ้รูปแบบอย่างนี้ ลายแกะแบบนี้ แววตาประดับด้วยเม็ดทับทิมสีแดงอย่างนี้ เอ็งรู้ไหม สมัยเมื่อข้ายังเป็นเด็ก ข้าเคยเห็นครั้งหนึ่ง ในสมัยนั้น พ่อเฒ่าเคยบอกว่า ไอ้รูปลักษณะเช่นนี้ เขาเรียกว่า "นาคาพิฆาต" ซึ่งเป็นตัวแทนของพญานาคที่มีฤทธิ์มาก ถ้าคนดีได้ไปครอบครองก็จะสามารถช่วยคนให้เกิดประโยชน์ต่อคนอื่นตามแต่ใจปรารถนา แต่หากคนเลวได้ไปแล้วไซร้ ก็จะทำให้เกิดหายนะต่อบ้านเมืองอย่างแสนสาหัส ในครานั้น พ่อเฒ่าได้เล่าให้ข้าฟังว่า ในอดีต เคยมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ แต่คนเลวได้ไปครอบครอง จึงทำให้เกิดเหตุการณ์กลียุคคนตายยกเมือง ตอนหลังได้สืบรู้และหาต้นตอของผู้ครอบครองจนเจอและตอนนั้น พ่อเฒ่าเล่าว่า ได้มีการทำลาย "นาคาพิฆาต"ลงไปตั้งแต่ครานั้น และเรื่องราวของนาคาพิฆาต ก็หายไปตามกาลเวลา ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า ไม่มีใครหรือผู้ใดอยากจะจำหรือนึกถึงความเศร้าโศกและความสูญเสียในครานั้น จึงหลงเหลือผู้คนที่จะยังรู้เรื่องนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น"
"แต่นี่ เจ้าปราณภพอยู่ดีไม่ว่าดี เอ็งกลับตีมันขึ้นมาอีกครั้ง ข้าขอล่ะทำลายมันเสียเถิด ทำลายมัน ก่อนที่วันหนึ่งมันจะกลับมาก่อหายนะซ้ำเติมให้อีกคราหนึ่ง" ชายชรากล่าวแกมขอร้องอยู่ในที
ชายหนุ่มนั่งฟังเงียบเชียบ...
และนั่งคิด "ทำไม...แค่สิ่งที่เขาทำมันขึ้นมาเองกับมือนี่น่ะหรือ จะทำให้เกิดหายนะเหมือนเมื่อคราอดีตได้"
"มันไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ท่านลุง" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
"สิ่งที่ข้าทำมาด้วยความตั้งใจจริง มิได้ทำมาเพื่อความเลวร้าย มันก็เป็นเพียงแค่เครื่องประดับเท่านั้น ท่านลุงอย่าได้คิดมากเลย" ชายหนุ่มกล่าว
"นี่เอ็งจะไม่เชื่อที่ข้าบอกใช่ไหม?" มิรงค์ถาม
"โธ่ ท่านลุง มันเป็นเพียงแค่นิทานที่เล่าต่อๆ กันมา แล้วอีกอย่างเหตุการณ์ที่มันเคยเกิดขึ้นนี้ ก็นานมากแล้ว มันจักไม่เป็นอย่างที่ท่านลุงบอกดอก" ชายหนุ่มเอ่ย
ชายชรานิ่งไปอึดใจ ก่อนจะกล่าวว่า "เออ ใช่ ตอนนี้ข้าพูดไปมันคงจะเหลือเชื่อ แต่เอ็งรับปากข้าอย่างได้ไหม?"
"ขอรับท่านลุง" ปราณภพเอ่ย "ถ้าข้าทำได้นะ"
"แค่เอ็งรับปากว่า ถ้าวันหนึ่งวันใดที่มีเรื่องแปลกๆ หรือสิ่งที่ดูทีท่าว่าจะไม่ดีเกิดขึ้นกับเอ็ง เอ็งต้องรีบบอกข้า เข้าใจหรือไม่?" ชายชราบอกแกมบังคับในที
"ได้ขอรับ" ชายหนุ่มตอบแบบขอไปที เขาเองไม่เคยคิดหรอกว่า สิ่งที่เขาได้หล่อหลอม แกะลายมาเองกับมือนั้น จะกลายเป็นสิ่งที่มีอันตรายต่อเขาหรือต่อคนอื่นๆ ได้ ถึงแม้ว่า ชื่อ "นาคาพิฆาต" ที่เขาได้ตั้งขึ้นมานั้นจะไปบังเอิญเหมือนกับชื่อที่ชายชราเล่าให้ฟัง
"นาคาพิฆาต" ตอนที่ 2 กำเนิดนาคาพิฆาต by วิรุฬห์
กำเนิดนาคาพิฆาต
ณ เมืองกุสินารา อาณาจักรที่รุ่งเรือง เต็มไปด้วยความครึกครื้นมีสีสัน มีชีวิตชีวา ถ้าจะเปรียบเทียบ คงจะเปรียบเสมือนเมืองที่มีความสุข ทุกที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงร้องเพลง มีความเอื้ออารีต่อกัน
ปราณภพ บุตรชายนายช่างทอง เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ได้หัดตีทองกับผู้เป็นบิดา อยู่กัน 2 คนพ่อลูก เพราะมารดานั้นเสียไปตั้งแต่ชายหนุ่มยังเด็กอายุ 10 ปี ฝีมือการทำทองของปราณภพ ฝีมือดีคล้ายๆ กับผู้เป็นบิดาเพราะความที่คลุกคลีกับช่างทำทองมาตั้งแต่ยังเล็ก จะเรียกได้ว่า กินนอนอยู่กับช่างทำทอง อยู่ในที่ทำทองเลยทีเดียว
แต่การฝึกเป็นช่างที่ทำทองได้งามตั้งแต่อายุยังน้อย ได้หล่อหลอมให้เขากลายเป็นบุรุษหนุ่มที่เป็นผู้ใหญ่ต่างจากคนในวัยเดียวกัน หน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะช่างทอง และเป้าหมายที่อยากจะเข้าวังเป็นช่างทองวังหลวงนั้น คือ เป้าหมายสูงสุดของเขา
"ข้าต้องฝึก ต้องทำให้ดีขึ้นไปอีก เพื่อจะได้รับการคัดเลือกเป็นช่างทองวังหลวง" ปราณภพคิดด้วยความมุ่งมั่น
สิเกน นายช่างทอง บิดาของปราณภพ เฝ้ามองดูบุตรชายที่เฝ้าอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเล็ก ด้วยความภาคภูมิใจ บทบาทของการเป็นทั้งพ่อและแม่ไม่ง่ายนัก ที่จะเลี้ยงลูกให้เติบโตและเป็นคนดี ชายชรามองบุตรชายที่กำลังแกะสลักทองเป็นรูปพญานาคบนกำไลข้อมือ
สิเกนเชื่อว่า บุตรชายที่อยู่ตรงหน้าเขา คือ เด็กดี คนดี รอยยิ้มน้อยๆ หรือมักเงียบขรึมในเวลาทำงาน อันที่จริง ถ้าจะพูดให้ถูก คือ ปราณภพเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว น้อยครั้งนักที่จะเห็นบุตรชายยิ้มหรือหัวเราะสักที
บางครั้งอาจจะเป็นเพราะเขาเองที่มีแต่เวลาทำงาน จึงไม่ค่อยจะมีโอกาสได้เล่นคลุกคลีกับลูกเหมือนพ่อลูกคนอื่นๆ การสวมบทบาทเป็นนายช่างทอง ถึงจะไม่ใช่ช่างหลวงแห่งวังหลวง แต่ก็กล่าวได้ว่า สิเกน เป็นนายช่างทองที่มีฝีมือหาตัวจับยากคนหนึ่ง บรรดาเศรษฐี หรือคหบดี มักจะจ้างตีทองให้เป็นเครื่องประดับต่างๆ ให้ภรรยาและบุตรี ได้สวมใส่เป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงฐานะ
3 ปีหลังมานี้ ปราณภพได้พัฒนาฝีมือ และเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการช่วยพ่อทำทองมากที่สุด และลายที่ปราณภพชอบมากที่สุด คือ ลายนาคราช หรือ กำไลนาคราช
ไม่เคยรู้หรอกว่านาคราชมีตัวตนจริงๆ หรือเป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก แต่สิ่งที่ปราณภพรู้สึก คือ คราใดที่ได้ไปวัดหรือสถานที่ที่มีรูปปั้นพญานาคอยู่ จิตใจของปราณภพจะรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดเสมือนกลับมาอยู่บ้านเก่า
คราใดที่เหนื่อยหรือทุกข์ใจเรื่องใด การได้ลงมือทำงานตีทองเป็นกำไรนาคราช เรื่องทุกข์ใจอื่นใด ก็พลันหายไปหมดสิ้น
ด้วยเหตุนี้ ปราณภพจึงได้ทำจี้รูปนาคราช ห้อยคอติดตัว โดยตั้งชื่อว่า "นาคาพิฆาต"
จะเป็นการบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ "นาคาพิฆาต" บังเอิญทำเสร็จสิ้นในวันที่คืนพระจันทร์เต็มดวงพอดี
"นาคาพิฆาต" ลายแกะสลักทองเป็นรูปนาคราช ขดตัวโดยรอบ 5 รอบ และชูคอดวงตาประดับด้วยทับทิมเม็ดเล็กสีแดง ทำให้ "นาคาพิฆาต" ดูดุสมชื่อเปรียบดังเช่น ใครคิดจะเข้ามาทำร้ายก็จะจัดการให้ถึงที่สุดปราณภพนำเชือกที่ทำมาจากหนังวัวถักร้อยให้แน่นหนา และคล้อง "นาคาพิฆาต" ไว้อยู่ระดับอกพอดี
ค่ำคืนแรกของการนอนหลับพร้อมมีนาคาพิฆาตอยู่ที่คอ พอใกล้จะเคลิ้มหลับ เหมือนฝัน.......ภาพนั้น จากเลือนลางๆ ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นในความรู้สึก ปราสาทหิน ซากปรักหักพังเต็มไปหมด "ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย" เขาคิด ...ในฝันเขาค่อยๆ เดินไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ไร้ผู้คน เถาวัลย์ขึ้นปกคลุมแทบจะมองไม่เห็นว่าตรงนั้นเคยมีสภาพเป็นเมืองมาก่อน
ปราณภพลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยคำถามในใจ "เมื่อกี้มันเป็นแค่ความฝันหรือนี่!! ทำไมภาพต่างๆ หรือความคิดในฝันนั้น มันช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกิน" เขาแน่ใจว่า ชีวิตนี้ เขาไม่เคยเห็นเมืองที่มีลักษณะเช่นนี้มาก่อนแน่ๆ
ขณะที่ปราณภพกำลังหลอมขึ้นรูปทองอยู่นั้น "มิรงค์" ชายชราที่มักจะทำนายทายทักตรวจดูดวงชะตาอยู่เป็นนิจ ผมสีดอกเลาหยักศกเล็กน้อย ดูล้านๆ กลางศีรษะเป็นหย่อมๆ "มิรงค์" เป็นเพื่อนรักของ สิเกนมาตั้งแต่วัยหนุ่ม ชายชราจึงรักและเอ็นดูปราณภพดุจบุตรชายคนหนึ่ง
"ว่าไง ไอ้หลานชาย ทำอะไรอยู่รึ?" ชายชราเอ่ยถามขึ้น
"กำลังขึ้นรูปทองจ้า" ชายหนุ่มตอบ
"แหม ไอ้ข้าก็เห็น ว่าเอ็งกำลังขึ้นรูปทองแต่นั้นมันรูปอะไรเล่า มองยังไงก็มองดูไม่ออก" ชายชราถาม
"อันที่จริง กำลังพยายามขึ้นรูปทำเป็นเครื่องประดับศีรษะให้แม่หญิงในวังน่ะท่านลุง" ปราณภพตอบ
มิรงค์ทำสีหน้าสงสัยและขมวดคิ้ว ยังมิวายถามต่อ "ข้าว่า ไม่เห็นมันจะเหมือนเครื่องประดับอย่างที่เอ็งว่าตรงไหน เอ็งเป็นอะไรมากหรือเปล่า ข้าเห็นเอ็งตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยเห็นเอ็งดูเหม่อ จิตใจล่องลอย ทำอะไรไม่ได้อย่างนี้เลย ข้าว่าเอ็งพอก่อนเถอะ มานั่งพักเสียก่อน”
ปราณภพจำต้องหยุดการขึ้นรูปทองไว้ก่อน เพราะเขาเองก็รู้ตัวเหมือนกันว่า วันนี้ทั้งวัน แค่งานชิ้นทำง่ายๆ ที่ปกติทำไม่นานก็เสร็จ แต่นี่ครึ่งวันผ่านไปก็ยังทำไม่ถึงไหน เขาจึงขยับตัวไปนั่งดื่มน้ำที่โต๊ะกับชายชราที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
ชายชรามองดูเด็กหนุ่มด้วยสายตาเอ็นดู
"ชิชะ ดูสิ พ่อเอ็งนี่สงสัยจะใช้งานเอ็งหนักใช่ไหมนี่ หน้าดำคร่ำเคร่งเชียว ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ชายชราหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
เขาได้แต่ทำหน้ายิ้มๆ ไม่ตอบอะไร แล้วก็ดื่มน้ำเงียบๆ
ระหว่างที่ปราณภพกำลังจิบน้ำอยู่นั้น พลันสายตาของชายชราก็สะดุดกับสร้อยสีทองที่คล้องอยู่สวมอยู่บนคอ ห้อยระดับอกของชายหนุ่ม
"นั่นมันอะไรน่ะ" ชายชราถามด้วยอาการตกใจ
"นี่เหรอท่านลุง หลานเพิ่งตีเสร็จเมื่อวานนี้เอง เป็นรูปนาคราช" ชายหนุ่มตอบอย่างภาคภูมิใจ
"ไหนๆ ขอข้าดูใกล้ๆ ซิ" ชายชราค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปจับพลิกดูสร้อยของชายหนุ่ม
"ทำไม ทำไม ทำไมบังเอิญขนาดนี้" ชายชราละล่ำละลักถามออกไป
ชายหนุ่มตกใจในท่าทีของชายชรา "เป็นอะไรรึ ท่านลุง"
"เดี๋ยว เอ็งตอบข้าก่อน ไอ้รูปที่เอ็งแกะออกมา เอ็งไปเอาแบบมาจากไหน" มิรงค์ถาม
"อ๋อ ท่านลุง ข้าน่ะชอบพญานาค ก็เลยลองตีมันขึ้นมาตามความรู้สึกที่อยากทำ ณ ตอนนั้นน่ะจ้า" เด็กหนุ่มตอบ
"นี่เอ็งรู้ไหม ไอ้ที่เอ็งตีขึ้นมาแล้วนั้น มันคืออะไร?" มิรงค์ถามต่ออย่างตกใจ
"ก็พญานาคไงขอรับท่านลุง" ปราณภพตอบ
"ไม่ใช่ ข้าหมายถึง ไอ้รูปแบบอย่างนี้ ลายแกะแบบนี้ แววตาประดับด้วยเม็ดทับทิมสีแดงอย่างนี้ เอ็งรู้ไหม สมัยเมื่อข้ายังเป็นเด็ก ข้าเคยเห็นครั้งหนึ่ง ในสมัยนั้น พ่อเฒ่าเคยบอกว่า ไอ้รูปลักษณะเช่นนี้ เขาเรียกว่า "นาคาพิฆาต" ซึ่งเป็นตัวแทนของพญานาคที่มีฤทธิ์มาก ถ้าคนดีได้ไปครอบครองก็จะสามารถช่วยคนให้เกิดประโยชน์ต่อคนอื่นตามแต่ใจปรารถนา แต่หากคนเลวได้ไปแล้วไซร้ ก็จะทำให้เกิดหายนะต่อบ้านเมืองอย่างแสนสาหัส ในครานั้น พ่อเฒ่าได้เล่าให้ข้าฟังว่า ในอดีต เคยมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ แต่คนเลวได้ไปครอบครอง จึงทำให้เกิดเหตุการณ์กลียุคคนตายยกเมือง ตอนหลังได้สืบรู้และหาต้นตอของผู้ครอบครองจนเจอและตอนนั้น พ่อเฒ่าเล่าว่า ได้มีการทำลาย "นาคาพิฆาต"ลงไปตั้งแต่ครานั้น และเรื่องราวของนาคาพิฆาต ก็หายไปตามกาลเวลา ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า ไม่มีใครหรือผู้ใดอยากจะจำหรือนึกถึงความเศร้าโศกและความสูญเสียในครานั้น จึงหลงเหลือผู้คนที่จะยังรู้เรื่องนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น"
"แต่นี่ เจ้าปราณภพอยู่ดีไม่ว่าดี เอ็งกลับตีมันขึ้นมาอีกครั้ง ข้าขอล่ะทำลายมันเสียเถิด ทำลายมัน ก่อนที่วันหนึ่งมันจะกลับมาก่อหายนะซ้ำเติมให้อีกคราหนึ่ง" ชายชรากล่าวแกมขอร้องอยู่ในที
ชายหนุ่มนั่งฟังเงียบเชียบ...
และนั่งคิด "ทำไม...แค่สิ่งที่เขาทำมันขึ้นมาเองกับมือนี่น่ะหรือ จะทำให้เกิดหายนะเหมือนเมื่อคราอดีตได้"
"มันไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ท่านลุง" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
"สิ่งที่ข้าทำมาด้วยความตั้งใจจริง มิได้ทำมาเพื่อความเลวร้าย มันก็เป็นเพียงแค่เครื่องประดับเท่านั้น ท่านลุงอย่าได้คิดมากเลย" ชายหนุ่มกล่าว
"นี่เอ็งจะไม่เชื่อที่ข้าบอกใช่ไหม?" มิรงค์ถาม
"โธ่ ท่านลุง มันเป็นเพียงแค่นิทานที่เล่าต่อๆ กันมา แล้วอีกอย่างเหตุการณ์ที่มันเคยเกิดขึ้นนี้ ก็นานมากแล้ว มันจักไม่เป็นอย่างที่ท่านลุงบอกดอก" ชายหนุ่มเอ่ย
ชายชรานิ่งไปอึดใจ ก่อนจะกล่าวว่า "เออ ใช่ ตอนนี้ข้าพูดไปมันคงจะเหลือเชื่อ แต่เอ็งรับปากข้าอย่างได้ไหม?"
"ขอรับท่านลุง" ปราณภพเอ่ย "ถ้าข้าทำได้นะ"
"แค่เอ็งรับปากว่า ถ้าวันหนึ่งวันใดที่มีเรื่องแปลกๆ หรือสิ่งที่ดูทีท่าว่าจะไม่ดีเกิดขึ้นกับเอ็ง เอ็งต้องรีบบอกข้า เข้าใจหรือไม่?" ชายชราบอกแกมบังคับในที
"ได้ขอรับ" ชายหนุ่มตอบแบบขอไปที เขาเองไม่เคยคิดหรอกว่า สิ่งที่เขาได้หล่อหลอม แกะลายมาเองกับมือนั้น จะกลายเป็นสิ่งที่มีอันตรายต่อเขาหรือต่อคนอื่นๆ ได้ ถึงแม้ว่า ชื่อ "นาคาพิฆาต" ที่เขาได้ตั้งขึ้นมานั้นจะไปบังเอิญเหมือนกับชื่อที่ชายชราเล่าให้ฟัง