นาคาพิฆาต เล่ม 1 (สนพ. รัตนสุคนธ์) : ตอนที่ 2 กำเนิดนาคาพิฆาต

กระทู้สนทนา
ณ  เมืองกุสินารา  อาณาจักรที่รุ่งเรือง  เต็มไปด้วยความครึกครื้นมีสีสัน มีชีวิตชีวา  หากจักเปรียบเทียบ  คงเปรียบเสมือนเมืองแห่งความสุข  ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ  เสียงร้องเพลง  ทุกผู้คนมีความเอื้ออารีต่อกัน

          ปราณภพ  บุตรชายนายช่างทอง  เป็นเด็กหนุ่มวัย 18 ปี อันได้รับการถ่ายทอดการตีทองจากผู้เป็นบิดา  เขาอาศัยอยู่ด้วยกันกับบิดาเพียงสองคนพ่อลูก  ด้วยเหตุที่มารดาสิ้นชีวิตไปตั้งแต่เขายังเป็นเด็กอายุเพียง 10 ขวบปี   ปราณภพได้รับการฝึกฝนศาสตร์การตีทองจนมีฝีมือดีละม้ายผู้เป็นบิดา ด้วยทำงานคลุกคลีกับช่างทำทองมาตั้งแต่ยังเล็ก  จนสามารถเรียกได้ว่า  กินนอนอยู่กับช่างทำทอง  อยู่ในที่ทำทองเลยทีเดียว
          การฝึกเป็นช่างที่ทำทองได้งามตั้งแต่อายุยังน้อย  ได้หล่อหลอมให้เขากลายเป็นบุรุษหนุ่มที่เป็นผู้ใหญ่แตกต่างจากบุรุษวัยเดียวกัน  มีหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะช่างทอง  และที่สุดแล้ว เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของปราณภพจึงได้แก่ การเป็นช่างทองหลวงแห่งพระราชวังกุสินารานั่นเอง

          "ข้าต้องฝึก  ต้องทำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก  เพื่อจักได้รับการคัดเลือกเป็นช่างทองแห่งวังหลวง"  ปราณภพครุ่นคิดอย่างมุ่งมั่น
          สิเกน นายช่างทอง บิดาของปราณภพ  เฝ้ามองดูบุตรชายที่ตนอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเยาว์  ด้วยความภาคภูมิใจ  ด้วยบทบาทของการเป็นทั้งพ่อและแม่นั้น  มิง่ายนักที่จักเลี้ยงบุตรให้เติบโตเป็นบุรุษหนุ่มที่ดี แลเอางานเอาการเยี่ยงนี้  ชายชรามองบุตรชายที่กำลังแกะสลักทองเป็นรูปพญานาคบนกำไลข้อมืออย่างอิ่มเอมในใจเมื่อแลเห็นภาพความสง่างามยามตั้งใจทำงานของชายหนุ่ม ลูกชายวัยฉกรรจ์ของเขามีรูปลักษณ์หล่อเหลาเข้มคม ผิวกายคล้ำเข้มแลดูบึกบึนตามแบบฉบับของผู้ที่ทำงานกับไฟในฐานะช่างทอง ดวงหน้ามีประพิมประพายคล้ายบิดายามเป็นหนุ่มเนื้อหอม แต่มีดวงตาที่นิ่งลึกมีแววช่างคิด ทำให้ยามหญิงใดได้สบสายตาก็มิกล้าจะพยายามสานสัมพันธ์  
  
          สิเกนเชื่อว่า  บุตรชายที่อยู่เบื้องหน้าเขา  เป็นเด็กดี เป็นบุรุษที่ดี  ตามปรกติแล้ว ปราณภพมักไม่ค่อยพูด เงียบขรึม  น้อยครั้งนักที่ชายชราจะเห็นบุตรชายยิ้มหรือหัวเราะสักคราหนึ่ง  แต่ในขณะทำงาน ใบหน้าบุตรชายที่เงียบขรึมของเขา มักปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ อย่างภาคภูมิใจและมีความสุข  
          ชายชราตระหนักดีว่า การที่บุตรชายเป็นคนเงียบขรึมนั้น เนื่องมาจากเขาต้องทำงานหนักมาโดยตลอด  จึงมิมีโอกาสได้เล่นคลุกคลีกับบุตรชายดังพ่อลูกบ้านอื่น  ด้วยความสามารถในการเป็นนายช่างทอง  แม้จักมิใช่ช่างทองหลวง  แต่ก็กล่าวได้ว่า  สิเกน  เป็นนายช่างทองที่มีฝีมือหาตัวจับยากคนหนึ่ง  ซึ่งบรรดาเศรษฐี หรือคหบดี  มักจะจ้างตีทองเป็นเครื่องประดับต่างๆ  ให้ภรรยาและบุตรี  ได้สวมใส่เป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงฐานะ

          3 ปีให้หลังมานี้  ปราณภพได้พัฒนาฝีมือ และเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการช่วยบิดาทำทองมากที่สุด  และลายที่เขาชอบมากที่สุด คือ ลายนาคราช หรือการทำ กำไลนาคราช
          ปราณภพมิเคยทราบดอกว่านาคราชมีตัวตนจริงๆ หรือไม่ ฤๅเป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก  แต่สิ่งหนึ่งที่เขาตระหนักในใจเสมอมาได้แก่  คราใดที่ได้ไปวัดหรือสถานที่ที่มีรูปปั้นพญานาคอยู่  จิตใจของเขาจักรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดเสมือนกลับมาอยู่บ้านเก่า
          คราใดที่เหนื่อยหรือทุกข์ใจ มิว่าจะเป็นด้วยเหตุอันใด  เมื่อเขาได้ลงมือทำงานตีทองเป็นกำไลนาคราช  มิว่าจะมีเรื่องทุกข์ใจอันใด ก็จักมลายไปจนหมดสิ้นโดยฉับพลัน
          ด้วยเหตุนี้  ปราณภพจึงได้ทำจี้รูปนาคราช  ห้อยคอติดตัว  โดยตั้งชื่อว่า  "นาคาพิฆาต"
          จะเป็นการบังเอิญอย่างไรก็แล้วแต่  "นาคาพิฆาต"  บังเอิญทำเสร็จสิ้นในวันที่คืนพระจันทร์เต็มดวงพอดี
          "นาคาพิฆาต" ลายแกะสลักทองเป็นรูปนาคราช ขดตัวโดยรอบ 5 รอบ ชูเศียรอันประดับดวงตาด้วยทับทิมเม็ดเล็กสีแดง  ทำให้ "นาคาพิฆาต" ดูดุสมชื่อเปรียบดังเช่น ใครคิดจะเข้ามาทำร้ายก็จะจัดการให้ถึงที่สุด ปราณภพนำเชือกที่ทำมาจากหนังวัวถักร้อยให้แน่นหนา และคล้อง "นาคาพิฆาต" ไว้อยู่ระดับอกพอดี

          ค่ำคืนแรกของการนอนหลับพร้อมมีนาคาพิฆาตอยู่ที่คอ  พอใกล้จะเคลิ้มหลับ เหมือนฝัน.......ภาพนั้น จากเลือนลาง  ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นในความรู้สึก ปราสาทหิน  ซากปรักหักพังเต็มไปหมด  "สถานที่นี่คือที่ใดกัน" เขาคิด ...ในฝันเขาค่อยๆ เดินไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง  ไร้ผู้คน เถาวัลย์ขึ้นปกคลุมแทบจะมองไม่เห็นว่าตรงนั้นเคยมีสภาพเป็นเมืองมาก่อน
          ปราณภพลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยคำถามในใจ  "เมื่อกี้มันเป็นแค่ความฝันหรือนี่!!  เหตุใดภาพต่างๆ หรือความคิดในฝันนั้น มันช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกิน"  เขาแน่ใจว่า ชีวิตนี้ เขาไม่เคยเห็นเมืองที่มีลักษณะเช่นนี้มาก่อนเป็นแน่

          ขณะที่ปราณภพกำลังหลอมขึ้นรูปทองอยู่นั้น "มิรงค์" ชายชราที่มักจะทำนายทายทักตรวจดูดวงชะตาอยู่เป็นนิจ  ผมสีดอกเลาหยักศกเล็กน้อย  ศีรษะล้านเป็นหย่อมๆ บริเวณกลางศีรษะ "มิรงค์" เป็นเพื่อนรักของสิเกนมาตั้งแต่วัยหนุ่ม  ชายชราจึงรักและเอ็นดูปราณภพประดุจบุตรชายคนหนึ่ง
          "ว่าไง ไอ้หลานชาย  ทำอันใดอยู่รึ?" ชายชราเอ่ยถามขึ้น
          "กำลังขึ้นรูปทองขอรับ" ชายหนุ่มตอบ
          "เอ็งนี่หนา เอ็งก็รู้ว่า ข้าเห็นอยู่ว่าเอ็งกำลังขึ้นรูปทอง แต่นั่นมันรูปอันใดเล่า  ดูอย่างไรก็ดูไม่ออกว่าเป็นรูปอันใด" ชายชราถาม
          "อันที่จริง  ข้ากำลังพยายามขึ้นรูปทำเป็นเครื่องประดับศีรษะให้แม่หญิงในวังน่ะขอรับ ท่านลุง" ปราณภพตอบ
          มิรงค์ทำสีหน้าสงสัยและขมวดคิ้ว  ยังมิวายถามต่อ "ข้าเห็นว่า  ข้ามิเห็นมันจะเหมือนเครื่องประดับอย่างที่เอ็งว่าตรงใด  เอ็งเป็นอันใดมากหรือไม่เล่า   ข้าเห็นเอ็งตั้งแต่เล็กจนโต  มิเคยเห็นเอ็งดูเหม่อ จิตใจล่องลอย  มิเป็นอันทำอันใดเช่นนี้เลย  ข้าว่าเอ็งพอก่อนเถิด  มานั่งพักเสียก่อน”
  
          ปราณภพจำต้องหยุดการขึ้นรูปทองไว้ก่อน  เนื่องด้วยเขาเองก็รู้ตัวเช่นกันว่า  วันนี้ทั้งวัน เพียงแค่งานชิ้นที่เขาเคยทำได้ง่ายๆ ที่ตามปรกติแล้วทำมินานก็สำเร็จ ก็ยังมิสามารถทำได้ดี  เพลาผ่านไปครึ่งวันเขาก็ยังทำมิแล้วเสร็จ เพียงทำไปได้มิถึงไหน  เขาจึงขยับตัวไปนั่งดื่มน้ำที่โต๊ะกับชายชราที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
          ชายชรามองดูเด็กหนุ่มด้วยสายตาเอ็นดู
          "ชิชะ  ดูสิ  พ่อเอ็งนี่สงสัยจะใช้งานเอ็งหนักใช่หรือไม่  ดูเอ็งหน้าดำคร่ำเครียดทีเดียวเจียว ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ชายชราหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
          เขาเพียงยิ้มจางๆ บนใบหน้า มิตอบโต้อันใด  แล้วดื่มน้ำเงียบๆ
          ระหว่างที่ปราณภพกำลังจิบน้ำอยู่นั้น  พลันสายตาของชายชราก็สะดุดกับจี้สีทองที่คล้องสร้อยหนังสวมอยู่บนคอ ห้อยลงมาระดับอกของชายหนุ่ม
          "นั่นมันคือสิ่งใดหรือ ปราณภพ" ชายชราถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงตระหนกยิ่งนัก
          "นี่หรือขอรับท่านลุง  หลานเพิ่งตีเสร็จเมื่อวันวานนี้เอง  เป็นรูปนาคราช" ชายหนุ่มตอบอย่างภาคภูมิใจ
          "ไหนๆ  ขอข้าดูใกล้ๆ หน่อยซิ"  ชายชราค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปจับพลิกดูสร้อยของชายหนุ่ม
          "เหตุใด เพราะเหตุใดจึงบังเอิญได้เพียงนี้" ชายชราละล่ำละลักถามออกไป
          ชายหนุ่มพลอยตระหนกตกใจกับท่าทีของชายชรา "เป็นอะไรรึขอรับ ท่านลุง"
          "เดี๋ยว  เอ็งตอบข้าก่อน  ไอ้รูปที่เอ็งแกะออกมา  เอ็งไปเอาแบบมาจากที่ใด" มิรงค์ถาม
          "อ๋อ ท่านลุง ข้าน่ะชอบพญานาค  ก็เลยลองตีมันขึ้นมาตามความรู้สึกที่ผุดขึ้นในจิต ณ ขณะนั้นขอรับ" เด็กหนุ่มตอบ
          "นี่เอ็งรู้หรือไม่  ไอ้จี้ที่เอ็งตีขึ้นมาแล้วนั้น มันเรียกว่าอย่างไร?" มิรงค์ถามต่ออย่างตกใจ
          "ก็พญานาคไงขอรับท่านลุง" ปราณภพตอบ

          "มิใช่อย่างนั้น  ข้าหมายถึง ไอ้รูปแบบอย่างนี้  ลายแกะแบบนี้  แววตาประดับด้วยเม็ดทับทิมสีแดงอย่างนี้   เอ็งรู้หรือไม่ สมัยเมื่อข้ายังเป็นเด็ก  ข้าเคยเห็นครั้งหนึ่ง  ในสมัยนั้น พ่อเฒ่าเคยเล่าว่า  ไอ้รูปลักษณะเช่นนี้  เขาเรียกว่า "นาคาพิฆาต"  ซึ่งเป็นตัวแทนของพญานาคที่มีฤทธิ์มาก  หากคนดีได้ไปครอบครองก็จะสามารถช่วยคนให้เกิดประโยชน์แก่คนอื่นตามแต่ใจปรารถนา  แต่หากคนเลวได้ไปแล้วไซร้  ก็จะทำให้เกิดหายนะต่อบ้านเมืองอย่างแสนสาหัส ในครานั้น พ่อเฒ่าได้เล่าให้ข้าฟังว่า  ในอดีต เคยมีเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้  แต่คนเลวได้ไปครอบครอง  จึงทำให้เกิดเหตุการณ์กลียุค มีคนตายยกเมือง  ซึ่งในตอนหลังได้มีผู้สืบรู้และหาต้นตอของผู้ครอบครองจนพบเจอ  ในกาลนั้น จึงได้มีการทำลาย "นาคาพิฆาต" ลงไปจนสิ้น  และเรื่องราวของนาคาพิฆาต  ก็เลือนไป จนถูกลืมหายไปตามกาลเวลา  มิใช่สิ ต้องกล่าวว่า  มิมีผู้ใดอยากจะจำหรือนึกถึงความเศร้าโศกและความสูญเสียในครานั้น  จึงหลงเหลือผู้คนที่จะยังรู้เรื่องนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น"
          "แต่นี่  เจ้าปราณภพ อยู่ดีมิว่าดี  เอ็งกลับตีมันขึ้นมาอีกคราหนึ่ง  ข้าขอเถิด ทำลายมันเสีย  ทำลายมันเถิด ก่อนที่วันหนึ่งมันจะกลับมาก่อหายนะซ้ำเติมให้บ้านเมืองอีกคราหนึ่ง" ชายชรากล่าวแกมขอร้องอยู่ในที
          ชายหนุ่มนั่งฟังเงียบเชียบ... และครุ่นคิด "เหตุใด...เพียงแค่สิ่งที่เขาทำมันขึ้นมาเองกับมือนี่น่ะหรือ  จะทำให้เกิดหายนะเหมือนเมื่อคราอดีตได้"
          "มันจะมิเป็นเช่นนั้นดอกขอรับ  ท่านลุง" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
          "สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ข้าทำมาด้วยความตั้งใจจริง  มิได้ทำมาเพื่อความเลวร้าย  มันก็เป็นเพียงแค่เครื่องประดับเท่านั้น  ท่านลุงอย่าได้คิดมากเลยขอรับ" ชายหนุ่มกล่าว
          "นี่เอ็งมิเชื่อที่ข้าบอกใช่หรือไม่?"  มิรงค์ถาม
           "พุทโธ่  ท่านลุงขอรับ  มันเป็นเพียงแค่นิทานที่เล่าต่อๆ กันมา  แล้วอีกประการหนึ่ง เหตุการณ์ที่มันเคยเกิดขึ้นนี้  ก็นานมากแล้ว  มันจักมิเป็นดังที่ท่านลุงบอกดอก" ชายหนุ่มเอ่ย
          ชายชรานิ่งไปอึดใจ   ก่อนจะกล่าวว่า  "เออ ใช่  ตอนนี้ข้าพูดไปมันคงจะเหลือเชื่อ  แต่เอ็งรับปากข้าอย่างได้หรือไม่?"
          "ขอรับท่านลุง" ปราณภพเอ่ย "ถ้าข้าทำได้ ข้าจักทำตามท่านลุงว่า"
          "เพียงเอ็งรับปากว่า  หากวันหนึ่งวันใดที่มีเรื่องแปลกๆ หรือมีสิ่งที่ดูทีท่าว่าจะไม่ดีเกิดขึ้นกับเอ็ง  เอ็งต้องรีบบอกข้า  เข้าใจหรือไม่?" ชายชราบอกแกมบังคับในที
          "ได้ขอรับ" ชายหนุ่มตอบแบบขอไปที  เขาเองไม่เคยคิดดอกว่า  สิ่งที่เขาได้หล่อหลอม แกะลายมาเองกับมือนั้น จะกลายเป็นสิ่งที่มีอันตรายต่อเขาหรือต่อคนอื่นๆ ได้  ถึงแม้ว่า  ชื่อ "นาคาพิฆาต" ที่เขาได้ตั้งขึ้นมานั้นจะไปบังเอิญเหมือนกับชื่อที่ชายชราเล่าให้ฟัง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่