ตราด ว่าไงน่ะ จะไปตราดเหรอ?
แล้วจะไปเกาะไหนล่ะ >>>> คำถามต่างๆ เกี่ยวกับเกาะแก่ง เมืองตราดพรั่งพรูมาจากคนรอบข้าง
หญิงฯ ได้แต่ก้มหน้านิ่งๆ แล้วตอบไปว่า เปล่าคะ ไม่ได้ไปเกาะอะไรทั้งนั้น หญิงฯ อยากพักเงียบๆ คนเดียว (หุหุ)
เริ่มออกเดินทางทางจาก กทม.เมืองฟ้าอมร กันตั้งแต่เที่ยงกว่าๆ ไม่ต้องรีบร้อนแค่ 370 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น อากู๋ บอกว่าขับ 5 ชม. ก็ถึงแล้ว
ทริปนี้ใช้มือถือ Samsung Note 4 ในการถ่ายทำ (มืดบ้าง มัวบ้าง)
ระหว่างทางเราแวะไหว้พระนิดหน่อย ที่วัดมังกรบุปผาราม (วัดเล่งฮัวยี่) ถ.สุขุมวิท ต.พลิ้ว อ.แหลมสิงห์ บนเส้นทางจันทบุรี-ขลุง
ด้านหน้าของวัด
ด้านในวัด
เดินทางต่อดีกว่า
เอ๊ะๆ อะไรคุ้นตา ใช่แล้ว เรามาถึงเมืองตราดแล้ว (สังเกตได้ จากงอบยักษ์ )
ให้เพื่อนๆ ทายว่าวันนี้จะถึงกี่โมง >>> ม่ายอยากจะเชื่อ หญิงฯ มาถึง "เซ็นทาราชานทะเลรีสอร์ทและวิลลา ตราด" เกือบ 1 ทุ่ม ด้วยความที่หญิงฯ เป็นสาว 100 ปั๊ม คือ แวะมันทุกปั๊ม 55 (จนทางโรงแรมโทรมาถาม ว่าถึงไหนแล้วครับ นั่นแหล่ะ พึ่งจะสำนึกว่า เราช้าไปแล้ว )
สรุปแล้ว จาก กทม - ถึงโรงแรม ใช้เวลาไปเกือบ 7 ชั่วโมง
มุมมหาชน...
เริ่มเพลียแล้ว ตามมาดูห้องนอนของหญิงฯ คืนนี้กัน (มืดหน่อยค่ะ กว่าจะเคลียร์อะไรได้ เกือบ 2 ทุ่ม)
ห้องนั่งเล่น แยกกันกับห้องนอน และมีผลไม้ให้หม่ำนิดหน่อย
เก็บของเข้าที่เข้าทางเดินไปดูบรรยากาศภายนอกดีกว่า (แบบมืดๆ)
อุตะ...สระว่าน้ำริมทะเล ยามค่ำคืน
ไม่ไหวแล้ว นอนดีกว่า เก็บแรงไว้พรุ่งนี้
ผ่านไปไวยังกับหนังไทย เช้าแล้ว อย่าถามว่าอาหารเช้าเป็นยังไง หญิงฯ ไม่ได้เข้าไปดูเลยค่ะ รีบไปเที่ยวข้างนอก ยิ่งสาย ยิ่งร้อน
วันนี้เรามาเที่ยว หาดทรายดำสุดมหัศจรรย์
ตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน บ้านกลาง ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด อยู่ในพื้นที่ของป่ามะขาม ซึ่งเป็นป่าสงวน แห่งชาติ หาดทรายดำอยู่ปะปนกับต้นไม้ของป่าชายเลนและเหล่าสัตว์น้อยใหญ่มากมายไม่ว่าจะเป็น นก ปูแสม หอยต่าง ๆ มีลักษณะเป็นสันทรายทอดยาวกว่า 1 กิโลเมตร ตลอดแนวเต็มไปด้วยเม็ดทรายสีดำละเอียด และพบได้เพียง 5 แห่งทั่วโลกเท่านั้น คือที่ ไต้หวัน มาเลเซีย ฮาวาย ทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย และประเทศไทยที่จังหวัดตราด หาดทรายที่นี่แม้มีพื้นที่ไม่มากนัก แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถเดินลงไปสัมผัสผืนทรายได้อย่างใกล้ชิด
ระหว่างทางไม่ต้องกลัวร้อนจ้า เพราะมีศาลาไว้ให้นั่งพัก หากบ้านไหนมีผู้สูงอายุ พาท่านมาเที่ยว ก็ไม่ลำบากน่ะ มีจุดให้พัก
ทางเดินสบาย ร่มรื่นไปด้วยร่มเงาของพรรณไม้ป่าชายเลน
ที่นี่มี ปูก้ามดาบด้วยน่ะ (ขออภัยด้วยค่ะ มือถือน้อย ซูมๆ ได้แค่นี้จริงๆ)
เห็นทะเลแล้ว
เพื่อนๆ เห็นมั้ย ว่าทรายจะดำๆ ไม่ขาวอย่างหาดทั่วไป
ศาลาพักผ่อนกลางทะเล คือดีงามมาก..อยากบอกว่า ลมเย็นสบายมากที่สุดในสามโลก
นั่งที่ศาลาผักผ่อนกลางทะเล แล้วมองย้อนกลับมาชายฝั่ง
จุดนี้ เอาทรายดำๆ ที่เราเห็น มาพอกหน้าได้เลยน่ะ จะทำให้หน้าอ่อนวัย ตอนหญิงฯไป มีคุณพี่ผู้หญิงท่านหนึ่ง นั่งพอกหน้าอยู่ด้วย
ส่วนจุดนี้คือ สปาเท้า หญิงฯ นั่งแช่เท้าอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง สบายดีจริง
เค้าบอกว่าที่นี่เป็นแหล่งดู "เหยี่ยวแดง" แต่หญิงฯ ไม่เห็นเลยซักตัว สงสัยมาผิดเวลา (คราวหน้าแก้ตัวใหม่)
เสร็จสิ้นภารกิจจากหาดทรายดำ ก็แวะมาทานกลางวันที่ แหลมงอบ
อิ่มแล้ว กลับโรงแรม ไปนอนหลับยามบ่ายก่อนดีกว่า ตื่นมาจะได้สดชื่น พร้อมเล่นน้ำ
สะพานข้ามไปโรงแรมจ้า
สระน้ำ ฉบับกลางวัน
มุมเครื่องดื่มๆ เล็ก ยามค่ำคืน
วิวหน้าหาดยามเย็น
เริ่มหิวแล้วล่ะ
บรรยากาศห้องอาหารแบบเปิดสุดๆ รับลมเย็นๆ กับอาหารง่ายแต่อร่อยมาก ยำหัวปลี และทะเลกระทะร้อน ต้องว่าของเค้าอร่อยจริง
เพื่อนๆคนไหนที่สนใจมาพักที่นี่ แนะนำว่าทานอาหารเย็นที่โรงแรมเถอะคะ เพราะว่าระยะทางจากโรงแรมเข้าเมืองไกลพอสมควร
หลังจากอิ่มอาหารเย็นแล้ว นั่งเล่นอีกพักใหญ่ๆ รับลมทะเลให้ชุ่มปอด เก็บความสุข สดชื่นไว้ให้มากที่สุด ไว้ต่อสู้กับมลพิษในเมืองหลวง
พรุ่งนี้ต้องกลับ กทม.แต่เช้าจ้า
ดั่งสุภาษิตจีนว่าไว้ "อ่านหนังสือถึงหมื่นเล่ม ก็ไม่เท่าเดินทางเพียงพันลี้"
[CR] ตราด เมืองที่มีอะไรๆ มากกว่าเกาะ ^_^
แล้วจะไปเกาะไหนล่ะ >>>> คำถามต่างๆ เกี่ยวกับเกาะแก่ง เมืองตราดพรั่งพรูมาจากคนรอบข้าง
หญิงฯ ได้แต่ก้มหน้านิ่งๆ แล้วตอบไปว่า เปล่าคะ ไม่ได้ไปเกาะอะไรทั้งนั้น หญิงฯ อยากพักเงียบๆ คนเดียว (หุหุ)
เริ่มออกเดินทางทางจาก กทม.เมืองฟ้าอมร กันตั้งแต่เที่ยงกว่าๆ ไม่ต้องรีบร้อนแค่ 370 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น อากู๋ บอกว่าขับ 5 ชม. ก็ถึงแล้ว
ทริปนี้ใช้มือถือ Samsung Note 4 ในการถ่ายทำ (มืดบ้าง มัวบ้าง)
ระหว่างทางเราแวะไหว้พระนิดหน่อย ที่วัดมังกรบุปผาราม (วัดเล่งฮัวยี่) ถ.สุขุมวิท ต.พลิ้ว อ.แหลมสิงห์ บนเส้นทางจันทบุรี-ขลุง
ด้านหน้าของวัด
ด้านในวัด
เดินทางต่อดีกว่า
เอ๊ะๆ อะไรคุ้นตา ใช่แล้ว เรามาถึงเมืองตราดแล้ว (สังเกตได้ จากงอบยักษ์ )
ให้เพื่อนๆ ทายว่าวันนี้จะถึงกี่โมง >>> ม่ายอยากจะเชื่อ หญิงฯ มาถึง "เซ็นทาราชานทะเลรีสอร์ทและวิลลา ตราด" เกือบ 1 ทุ่ม ด้วยความที่หญิงฯ เป็นสาว 100 ปั๊ม คือ แวะมันทุกปั๊ม 55 (จนทางโรงแรมโทรมาถาม ว่าถึงไหนแล้วครับ นั่นแหล่ะ พึ่งจะสำนึกว่า เราช้าไปแล้ว )
สรุปแล้ว จาก กทม - ถึงโรงแรม ใช้เวลาไปเกือบ 7 ชั่วโมง
มุมมหาชน...
เริ่มเพลียแล้ว ตามมาดูห้องนอนของหญิงฯ คืนนี้กัน (มืดหน่อยค่ะ กว่าจะเคลียร์อะไรได้ เกือบ 2 ทุ่ม)
ห้องนั่งเล่น แยกกันกับห้องนอน และมีผลไม้ให้หม่ำนิดหน่อย
เก็บของเข้าที่เข้าทางเดินไปดูบรรยากาศภายนอกดีกว่า (แบบมืดๆ)
อุตะ...สระว่าน้ำริมทะเล ยามค่ำคืน
ไม่ไหวแล้ว นอนดีกว่า เก็บแรงไว้พรุ่งนี้
ผ่านไปไวยังกับหนังไทย เช้าแล้ว อย่าถามว่าอาหารเช้าเป็นยังไง หญิงฯ ไม่ได้เข้าไปดูเลยค่ะ รีบไปเที่ยวข้างนอก ยิ่งสาย ยิ่งร้อน
วันนี้เรามาเที่ยว หาดทรายดำสุดมหัศจรรย์
ตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน บ้านกลาง ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด อยู่ในพื้นที่ของป่ามะขาม ซึ่งเป็นป่าสงวน แห่งชาติ หาดทรายดำอยู่ปะปนกับต้นไม้ของป่าชายเลนและเหล่าสัตว์น้อยใหญ่มากมายไม่ว่าจะเป็น นก ปูแสม หอยต่าง ๆ มีลักษณะเป็นสันทรายทอดยาวกว่า 1 กิโลเมตร ตลอดแนวเต็มไปด้วยเม็ดทรายสีดำละเอียด และพบได้เพียง 5 แห่งทั่วโลกเท่านั้น คือที่ ไต้หวัน มาเลเซีย ฮาวาย ทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย และประเทศไทยที่จังหวัดตราด หาดทรายที่นี่แม้มีพื้นที่ไม่มากนัก แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถเดินลงไปสัมผัสผืนทรายได้อย่างใกล้ชิด
ระหว่างทางไม่ต้องกลัวร้อนจ้า เพราะมีศาลาไว้ให้นั่งพัก หากบ้านไหนมีผู้สูงอายุ พาท่านมาเที่ยว ก็ไม่ลำบากน่ะ มีจุดให้พัก
ทางเดินสบาย ร่มรื่นไปด้วยร่มเงาของพรรณไม้ป่าชายเลน
ที่นี่มี ปูก้ามดาบด้วยน่ะ (ขออภัยด้วยค่ะ มือถือน้อย ซูมๆ ได้แค่นี้จริงๆ)
เห็นทะเลแล้ว
เพื่อนๆ เห็นมั้ย ว่าทรายจะดำๆ ไม่ขาวอย่างหาดทั่วไป
ศาลาพักผ่อนกลางทะเล คือดีงามมาก..อยากบอกว่า ลมเย็นสบายมากที่สุดในสามโลก
นั่งที่ศาลาผักผ่อนกลางทะเล แล้วมองย้อนกลับมาชายฝั่ง
จุดนี้ เอาทรายดำๆ ที่เราเห็น มาพอกหน้าได้เลยน่ะ จะทำให้หน้าอ่อนวัย ตอนหญิงฯไป มีคุณพี่ผู้หญิงท่านหนึ่ง นั่งพอกหน้าอยู่ด้วย
ส่วนจุดนี้คือ สปาเท้า หญิงฯ นั่งแช่เท้าอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง สบายดีจริง
เค้าบอกว่าที่นี่เป็นแหล่งดู "เหยี่ยวแดง" แต่หญิงฯ ไม่เห็นเลยซักตัว สงสัยมาผิดเวลา (คราวหน้าแก้ตัวใหม่)
เสร็จสิ้นภารกิจจากหาดทรายดำ ก็แวะมาทานกลางวันที่ แหลมงอบ
อิ่มแล้ว กลับโรงแรม ไปนอนหลับยามบ่ายก่อนดีกว่า ตื่นมาจะได้สดชื่น พร้อมเล่นน้ำ
สะพานข้ามไปโรงแรมจ้า
สระน้ำ ฉบับกลางวัน
มุมเครื่องดื่มๆ เล็ก ยามค่ำคืน
วิวหน้าหาดยามเย็น
เริ่มหิวแล้วล่ะ
บรรยากาศห้องอาหารแบบเปิดสุดๆ รับลมเย็นๆ กับอาหารง่ายแต่อร่อยมาก ยำหัวปลี และทะเลกระทะร้อน ต้องว่าของเค้าอร่อยจริง
เพื่อนๆคนไหนที่สนใจมาพักที่นี่ แนะนำว่าทานอาหารเย็นที่โรงแรมเถอะคะ เพราะว่าระยะทางจากโรงแรมเข้าเมืองไกลพอสมควร
หลังจากอิ่มอาหารเย็นแล้ว นั่งเล่นอีกพักใหญ่ๆ รับลมทะเลให้ชุ่มปอด เก็บความสุข สดชื่นไว้ให้มากที่สุด ไว้ต่อสู้กับมลพิษในเมืองหลวง
พรุ่งนี้ต้องกลับ กทม.แต่เช้าจ้า
ดั่งสุภาษิตจีนว่าไว้ "อ่านหนังสือถึงหมื่นเล่ม ก็ไม่เท่าเดินทางเพียงพันลี้"