สวัสดีค่ะ หลังจากที่ขลุกตัวอยู่กับพันทิปมานานและสิงอยู่เกือบทุกห้องของพันทิป ก็กล้าๆกลัวๆที่จะเขียนกระทู้เพราะไม่รู้จะใช้คำยังไง กลัวไม่ถูกใจผู้อ่านพาลไปอาจขวางหูขวางตาก็เป็นได้ T^T
**กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวแรก หากผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะค่ะ**
ทริปนี้ตั้งใจเป็นทริปเคาท์ดาวน์ของกวางน้อยกับราชสีห์ตัวน้อย ก็หาข้อมูลจากเพื่อนๆในพันทิปมาเยอะ มีหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่สนใจ แต่ก็หวั่นจะไปเจอกับกองทัพนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ไม่อยากต้องแย่งกินแย่งเที่ยวแย่งวิวถ่ายรูปกัน5555 จนสุดท้ายได้มาจบอยู่ที่ "เกาะหวาย"
✎ 30 - 12 - 2015
เมื่อฟื้นจากปาร์ตี้อันหนักหน่วงของผองเพื่อนเก่าสมัยมัธยมแล้ว ก็จัดการเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า
และออกเดินทางพร้อมกับอาการแฮงค์ หรือภาษาอิสานเรียกว่า สะแหม นั่นเอง
โดยการเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกการขับรถยนต์ไปเองเนื่องจากหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น - อยากจะแวะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆตามรายทาง - สะดวกมากเพราะต้องซื้อของฝากประมาณสามแสนอย่าง55555 และสุดท้ายสำคัญที่สุด เพราะน้ำมันถูกลง5555
*เส้นทาง : เราเดินทางจากจังหวัดขอนแก่นไปตามถนนทางหลวงหมายเลข 2 วิ่งตรงไปยังจังหวัดนครราชสีมาตามถนนหมายเลข 204 และขับต่อไปยังถนนหมายเลข 304 จะเป็นเส้นทางขึ้นเขาปักธงชัย ผ่านวังน้ำเขียว ลงจากเขาปักธงชัยก็จะผ่านอำเภอกบินทร์บุรี วิ่งตามป้าย เบี่ยงซ้ายออกถนนหมายเลข 33 เพื่อเข้าจังหวัดสระแก้ว วิ่งตามป้ายเจอสี่แยกไฟแดง เลี้ยวขวาไปตามถนนหมายเลข 317 ผ่านเขาฉกรรณ์ อำเภอวังน้ำเย็น อำเภอสอยดาว อำเภอโป่งน้ำร้อน ตรงไปประมาณ 140 กิโลเมตร เพื่อเข้าจังหวัดจันทบุรี เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหมายเลข 3277 ขับไปประมาณ 27 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิทตามถนนหมายเลข 3 ขับไปประมาณ 40 กิโลเมตร ผ่านอำเภอขลุง เขาสมิง เข้าสู่จังหวัดตราด จากนั้นตามป้ายไปเรื่อยๆเพื่อไปที่ท่าเรือ การเดินทางค่อนข้างสะดวก มีป้ายบอกตลอดทาง เราไปหลงตรงโคราชนิดหน่อย55555* ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าน้ำมัน 2,000 บาท
ส่วนการเดินทางโดยรถทัวร์ไม่ค่อยแน่ใจ เท่าที่ทราบมาคือนั่งรถทัวร์ไปลงที่กรุงเทพฯหลังจากนั้นค่อยต่อรถไปตราด
การเดินทางโดยเครื่องบินมีสายการบินบางกอกแอร์เวย์ให้บริการจากกรุงเทพฯ-ตราดเพียงสายการบินเดียว
#ขอบคุณข้อมูลแผนที่จาก :
http://www.novabizz.com/
✎ 31 - 12 - 2015
03.25 น. โดยประมาณ เราก็เดินทางมาถึงอำเภอแหลมงอบ แต่เรือที่จะนำพาเราไปเราไปเกาะนั้น ออกบ่ายสอง จึงเป็นภาระของ Google ที่จะต้องหาโรงแรมให้เรานอนพัก อาบน้ำอาบท่า ก็ค้นเจอโรงแรมแหลมงอบอิ_น์ วนหาอยู่ประมานสิบรอบได้ เพราะโรงแรมอยุ่ในซอย หายาก ลำบากต่อการเข้าถึง พอเข้าไปเจอบริเวณโรงแรมเป็นรูปแบบคล้ายห้องแถว มีโรงจอดรถอยู่ด้านขวาของแต่ละห้อง มีสองแถวหันหน้าเข้าหากัน แถวนึงจะประมาณ15ห้อง ตรงกลางระหว่างแถวเหมือนโรงแรมจะทำเป็นสวนหย่อม แต่มันดันกลายเป็นเหมือนเกาะกลางถนนโล่งๆมีแต่ดินไม่มีหญ้าต้นไม้เหี่ยวแห้ง พอเรามาถึงดึกมันเลยเหมือนร้างๆน่ากลัว แต่เพราะง่วงเลยจำเป็น ราคาก็อหังการมากไม่พิจารณาตัวเองเลย 600 บาทถ้วนค่ะ สภาพข้างในก็ไม่ได้แย่แต่แค่ไม่สมราคา ทีวีเป็นแบบสมัยเก่าๆใช้แถบเลื่อนแล้วก็หมุนๆเอา พอค่ะ เฟลมาก นอน นอนได้แล้ว (ไม่มีรูปนะค่ะขออภัยอย่างแรง)
ตื่นจากฝันร้ายของโรงแรมร้าง ก็หาที่ฆ่าเวลาขึ้นเรือ เจอป้าย "หาดทรายดำ" ก็เลตโกเลยค่าาาา
หาดทรายดำ
หาดทรายดำ ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากระบบนิเวศของธรรมชาติ ปัจจุบันมีเพียง 5 แห่งในโลก ซึ่งหนึ่งในห้านั้นก็ ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแหลมมะขาม อำเภอแหลมงอบ จ.ตราด ดินแดนภาคตะวันออกของประเทศไทย
หาดทรายดำเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับการศึกษาธรรมชาติ ระบบนิเวศป่าชายเลน ทางเดินไปหาดเป็นป่าชายเลน มีสะพานปูน เดินสบายค่ะ ไม่สมบุกสมบันซักเท่าไหร่ เหมาะแก่การพาเด็กๆไปเรียนรู้ธรรมชาติมากๆค่ะ มีป้ายให้ความรู้ตลอดทาง แต่ตอนที่ จขกท ไป เจ้าหน้าที่บอกว่าช่วงนี้น้ำขึ้น อาจไม่ค่อยเห็นหาด เลยขออนุญาตก็อปรูปภาพมานะค่ะ
*การเดินทาง : หาดทรายดำ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางปิด ห่างจากอำเภอแหลมงอบประมาณ 12 กิโลเมตร หากมาด้วยรถส่วนตัวใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3156 เลยทางแยกแหลมงอบ – บ้านแสนตุ้งประมาณ 8 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีก 4 กิโลเมตร ก็จะถึงสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 4 (บ้านน้ำเชี่ยว)
#ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
http://travel.mthai.com/
หลังจากศึกษาธรรมชาติเสร็จแล้ว ก็เริ่มหิว ขับรถกลับจากหาดทรายดำ ก็ตรงเข้ามาในตัวแหลมงอบอีกครั้ง มองหาร้านอาหาร ช่วงนั้นประมาณเที่ยง แต่ร้านอาหารปิดกันไปเกือบหมดแล้ว สอบถามจากคนแถวนั้นเขาก็บอกว่าร้านอาหารปิดกันหมดแล้ว ทั้งๆที่พึ่งเที่ยง เราก็คิดไปเองว่าเขาคงขายกันแค่ช่วงเช้าแหละ ขับมาเรื่อยๆเจอร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณอยู่ด้านซ้ายมือ เยื้องๆกับสถานีตำรวจภูธรแหลมงอบ เดินลงจากรถปุ๊ปได้กลิ่นหอมของน้ำซุปมาเลย โบราณจริงๆ ในร้านจะมีก๋วยเตี๋ยวหมู มีลูกชิ้นปลา เกี๊ยวปลา เย็นตาโฟ ประมาณนี้ ชามนี้สั่งเป็น "หมี่ขาวน้ำใสใส่เกี๊ยวปลา"
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็ไปรอขึ้นเรือที่ "ท่าเรือกรมหลวงชุมพร" มีจุดสังเกตุคืออนุสรณ์สถานกรมหลวงชุมพร อยู่ไม่ไกลกันมากนักกับร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณอันเอร็ดอร่อยเมื่อสักครู่ แต่กระนั้นก็ยังหลงอยู่555555 วนเจ้าประภาคาร ซิกเนเจอร์ของแหลมงอบแห่งนี้อยู่หลายรอบเหมือนกัน เนื่องจากถามมางบริษัทเรือไม่ขาดว่าท่าเรือไหนกันแน่ เพราะมันมีอยู่ประมาณ 2-3 ท่าเรือในแถบนั้น
เรือที่ให้บริการมีหลายบริษัทแล้วแต่เราจะเลือก ซึ่งเท่าที่เห็นจะมีแต่สปีดโบ๊ทบริการ ราคาไปเกาะหวายเที่ยวละ 450 บาท ซึ่งการจองเรือนั้นทางโรงแรมจะมีเบอร์บริษัทเรือให้เราโทรจองเอง ซึ่งก็ไม่ยุ่งยากอะไรไม่มีการโอนเงิน เพียงแค่แจ้งชื่อและวันเวลาที่จะไป เรือที่นั่งไปจะไปร่วมกับนักท่องเที่ยวที่ไปเกาะหมากด้วย แนะนำให้จองไป-กลับเลย จะได้ไม่ยุ่งยากและไม่เกินงบด้วย เจ้าหน้าที่ที่ท่าเรือนี้ดูแลดีมากค่ะ มีการมาตรวจสอบความเรียบร้อยและบังคับด้วยว่าต้องสวมชูชีพทุกคนหากหลุดมาแค่คนเดียวก็ไม่อนุญาตให้ออกเรือด้วยเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเอง ชอบมากเลยรู้สึกปลอดภัยมาก จากท่าเรือกรมหลวงชุมพร ไปเกาะหวาย ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ช่วงที่ไปคลื่นค่อนข้างนิ่งไม่เมาเรือเลย
15 : 30 น. เกาะหวาย [เกาะหวายประการังรีสอร์ท]
[CR] ชีวิตติดเกาะ ▸▹@เกาะหวาย◃◂ ✿[WAI ISLAND]✿
ทริปนี้ตั้งใจเป็นทริปเคาท์ดาวน์ของกวางน้อยกับราชสีห์ตัวน้อย ก็หาข้อมูลจากเพื่อนๆในพันทิปมาเยอะ มีหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่สนใจ แต่ก็หวั่นจะไปเจอกับกองทัพนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ไม่อยากต้องแย่งกินแย่งเที่ยวแย่งวิวถ่ายรูปกัน5555 จนสุดท้ายได้มาจบอยู่ที่ "เกาะหวาย"
เมื่อฟื้นจากปาร์ตี้อันหนักหน่วงของผองเพื่อนเก่าสมัยมัธยมแล้ว ก็จัดการเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า
และออกเดินทางพร้อมกับอาการแฮงค์ หรือภาษาอิสานเรียกว่า สะแหม นั่นเอง
โดยการเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกการขับรถยนต์ไปเองเนื่องจากหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น - อยากจะแวะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆตามรายทาง - สะดวกมากเพราะต้องซื้อของฝากประมาณสามแสนอย่าง55555 และสุดท้ายสำคัญที่สุด เพราะน้ำมันถูกลง5555
*เส้นทาง : เราเดินทางจากจังหวัดขอนแก่นไปตามถนนทางหลวงหมายเลข 2 วิ่งตรงไปยังจังหวัดนครราชสีมาตามถนนหมายเลข 204 และขับต่อไปยังถนนหมายเลข 304 จะเป็นเส้นทางขึ้นเขาปักธงชัย ผ่านวังน้ำเขียว ลงจากเขาปักธงชัยก็จะผ่านอำเภอกบินทร์บุรี วิ่งตามป้าย เบี่ยงซ้ายออกถนนหมายเลข 33 เพื่อเข้าจังหวัดสระแก้ว วิ่งตามป้ายเจอสี่แยกไฟแดง เลี้ยวขวาไปตามถนนหมายเลข 317 ผ่านเขาฉกรรณ์ อำเภอวังน้ำเย็น อำเภอสอยดาว อำเภอโป่งน้ำร้อน ตรงไปประมาณ 140 กิโลเมตร เพื่อเข้าจังหวัดจันทบุรี เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหมายเลข 3277 ขับไปประมาณ 27 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิทตามถนนหมายเลข 3 ขับไปประมาณ 40 กิโลเมตร ผ่านอำเภอขลุง เขาสมิง เข้าสู่จังหวัดตราด จากนั้นตามป้ายไปเรื่อยๆเพื่อไปที่ท่าเรือ การเดินทางค่อนข้างสะดวก มีป้ายบอกตลอดทาง เราไปหลงตรงโคราชนิดหน่อย55555* ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าน้ำมัน 2,000 บาท
ส่วนการเดินทางโดยรถทัวร์ไม่ค่อยแน่ใจ เท่าที่ทราบมาคือนั่งรถทัวร์ไปลงที่กรุงเทพฯหลังจากนั้นค่อยต่อรถไปตราด
การเดินทางโดยเครื่องบินมีสายการบินบางกอกแอร์เวย์ให้บริการจากกรุงเทพฯ-ตราดเพียงสายการบินเดียว
#ขอบคุณข้อมูลแผนที่จาก : http://www.novabizz.com/
03.25 น. โดยประมาณ เราก็เดินทางมาถึงอำเภอแหลมงอบ แต่เรือที่จะนำพาเราไปเราไปเกาะนั้น ออกบ่ายสอง จึงเป็นภาระของ Google ที่จะต้องหาโรงแรมให้เรานอนพัก อาบน้ำอาบท่า ก็ค้นเจอโรงแรมแหลมงอบอิ_น์ วนหาอยู่ประมานสิบรอบได้ เพราะโรงแรมอยุ่ในซอย หายาก ลำบากต่อการเข้าถึง พอเข้าไปเจอบริเวณโรงแรมเป็นรูปแบบคล้ายห้องแถว มีโรงจอดรถอยู่ด้านขวาของแต่ละห้อง มีสองแถวหันหน้าเข้าหากัน แถวนึงจะประมาณ15ห้อง ตรงกลางระหว่างแถวเหมือนโรงแรมจะทำเป็นสวนหย่อม แต่มันดันกลายเป็นเหมือนเกาะกลางถนนโล่งๆมีแต่ดินไม่มีหญ้าต้นไม้เหี่ยวแห้ง พอเรามาถึงดึกมันเลยเหมือนร้างๆน่ากลัว แต่เพราะง่วงเลยจำเป็น ราคาก็อหังการมากไม่พิจารณาตัวเองเลย 600 บาทถ้วนค่ะ สภาพข้างในก็ไม่ได้แย่แต่แค่ไม่สมราคา ทีวีเป็นแบบสมัยเก่าๆใช้แถบเลื่อนแล้วก็หมุนๆเอา พอค่ะ เฟลมาก นอน นอนได้แล้ว (ไม่มีรูปนะค่ะขออภัยอย่างแรง)
ตื่นจากฝันร้ายของโรงแรมร้าง ก็หาที่ฆ่าเวลาขึ้นเรือ เจอป้าย "หาดทรายดำ" ก็เลตโกเลยค่าาาา
หาดทรายดำ ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากระบบนิเวศของธรรมชาติ ปัจจุบันมีเพียง 5 แห่งในโลก ซึ่งหนึ่งในห้านั้นก็ ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแหลมมะขาม อำเภอแหลมงอบ จ.ตราด ดินแดนภาคตะวันออกของประเทศไทย
หาดทรายดำเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับการศึกษาธรรมชาติ ระบบนิเวศป่าชายเลน ทางเดินไปหาดเป็นป่าชายเลน มีสะพานปูน เดินสบายค่ะ ไม่สมบุกสมบันซักเท่าไหร่ เหมาะแก่การพาเด็กๆไปเรียนรู้ธรรมชาติมากๆค่ะ มีป้ายให้ความรู้ตลอดทาง แต่ตอนที่ จขกท ไป เจ้าหน้าที่บอกว่าช่วงนี้น้ำขึ้น อาจไม่ค่อยเห็นหาด เลยขออนุญาตก็อปรูปภาพมานะค่ะ
*การเดินทาง : หาดทรายดำ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางปิด ห่างจากอำเภอแหลมงอบประมาณ 12 กิโลเมตร หากมาด้วยรถส่วนตัวใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3156 เลยทางแยกแหลมงอบ – บ้านแสนตุ้งประมาณ 8 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีก 4 กิโลเมตร ก็จะถึงสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 4 (บ้านน้ำเชี่ยว)
#ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : http://travel.mthai.com/
หลังจากศึกษาธรรมชาติเสร็จแล้ว ก็เริ่มหิว ขับรถกลับจากหาดทรายดำ ก็ตรงเข้ามาในตัวแหลมงอบอีกครั้ง มองหาร้านอาหาร ช่วงนั้นประมาณเที่ยง แต่ร้านอาหารปิดกันไปเกือบหมดแล้ว สอบถามจากคนแถวนั้นเขาก็บอกว่าร้านอาหารปิดกันหมดแล้ว ทั้งๆที่พึ่งเที่ยง เราก็คิดไปเองว่าเขาคงขายกันแค่ช่วงเช้าแหละ ขับมาเรื่อยๆเจอร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณอยู่ด้านซ้ายมือ เยื้องๆกับสถานีตำรวจภูธรแหลมงอบ เดินลงจากรถปุ๊ปได้กลิ่นหอมของน้ำซุปมาเลย โบราณจริงๆ ในร้านจะมีก๋วยเตี๋ยวหมู มีลูกชิ้นปลา เกี๊ยวปลา เย็นตาโฟ ประมาณนี้ ชามนี้สั่งเป็น "หมี่ขาวน้ำใสใส่เกี๊ยวปลา"
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็ไปรอขึ้นเรือที่ "ท่าเรือกรมหลวงชุมพร" มีจุดสังเกตุคืออนุสรณ์สถานกรมหลวงชุมพร อยู่ไม่ไกลกันมากนักกับร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณอันเอร็ดอร่อยเมื่อสักครู่ แต่กระนั้นก็ยังหลงอยู่555555 วนเจ้าประภาคาร ซิกเนเจอร์ของแหลมงอบแห่งนี้อยู่หลายรอบเหมือนกัน เนื่องจากถามมางบริษัทเรือไม่ขาดว่าท่าเรือไหนกันแน่ เพราะมันมีอยู่ประมาณ 2-3 ท่าเรือในแถบนั้น
เรือที่ให้บริการมีหลายบริษัทแล้วแต่เราจะเลือก ซึ่งเท่าที่เห็นจะมีแต่สปีดโบ๊ทบริการ ราคาไปเกาะหวายเที่ยวละ 450 บาท ซึ่งการจองเรือนั้นทางโรงแรมจะมีเบอร์บริษัทเรือให้เราโทรจองเอง ซึ่งก็ไม่ยุ่งยากอะไรไม่มีการโอนเงิน เพียงแค่แจ้งชื่อและวันเวลาที่จะไป เรือที่นั่งไปจะไปร่วมกับนักท่องเที่ยวที่ไปเกาะหมากด้วย แนะนำให้จองไป-กลับเลย จะได้ไม่ยุ่งยากและไม่เกินงบด้วย เจ้าหน้าที่ที่ท่าเรือนี้ดูแลดีมากค่ะ มีการมาตรวจสอบความเรียบร้อยและบังคับด้วยว่าต้องสวมชูชีพทุกคนหากหลุดมาแค่คนเดียวก็ไม่อนุญาตให้ออกเรือด้วยเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเอง ชอบมากเลยรู้สึกปลอดภัยมาก จากท่าเรือกรมหลวงชุมพร ไปเกาะหวาย ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ช่วงที่ไปคลื่นค่อนข้างนิ่งไม่เมาเรือเลย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น