ศพ 11 ศพที่สาม...(เรื่องสั้นที่ 4)

กระทู้สนทนา
สืบ 11 ศพ ตอน ศพที่สาม...
          ปุ้ม  จอย  หวาน  พราว  เป็น นักเรียนหญิงชั้น มัธยม 5 โรงเรียนสตรีล้วน ที่มีชื่อเสียง ในเชียงใหม่ ทั้งสี่ เป็นกลุ่มเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ขั้นประถม จนถึง ปัจจุบัน แถมในอนาคต ทั้งหมดก็ตั้งใจว่า จะเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพราะทั้ง สี่สาว มีผลเรียน แทบจะไม่ต่างกัน จนเพื่อนๆ ในโรงเรียนตั้งฉายาสาวทั้งสี่ว่า 4 เทพธิดา....

ความจริง ทั้ง ปุ้ม จอย หวาน พราว ต่างไม่ชอบฉายานี้ เพราะมันเชยเกินกว่าจะมาตั้ง เป็นชื่อแก๊งของพวกเธอ แต่เมื่อเวลาผ่านไปทั้งสี่ จึงตอบรับชื่อกลุ่มนี้เป็นชื่อแทนกลุ่ม อีกอย่างที่ทั้งสี่สาว มีรสนิยมเดียวกันคือ  เธอชอบ ซีรีส์เกาหลี บอยแบรนด์เกาหลี และ เพลงเกาหลี ทั้งหมดสามารถร้องและเต้นตามนักร้อง ทั้ง เกิร์ลกรุ๊ป หรือ บอยกรุ๊ป หรืออะไรที่เป็นแบรนด์เกาหลี ทั้งสี่สาวทำได้หมด....

หลังจากที่ทั้งสี่สาว ลงไป กทม. เพื่อมิตติ้งกับวงบอยแบรนด์ชื่อดังของเกาหลี ที่มาจัด เพียงปีละครั้ง พราวเป็นเจ้าของ คอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยาแถวๆ ถนนพระราม 3 ด้วย ความสุขอย่างเหลือล้น ทั้งสี่ต่าง คุยถึงเรื่องที่ได้สัมผัสมือ และถ่ายรูปกับศิลปินที่พวก เธอคลั่งไคล้ จนเวลาผ่านไปถึงตี 2 ปุ้มจึง เอ่ยออกมาด้วยหนังตาที่ปรือจนเกือบจะปิด

"เฮ๊ย แก ข้าง่วงแล้ว ขอไปนอนก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่สวย..."

หวานจึงปาหมอนอิงไปที่หน้าอกของปุ้ม

"อะไรวะ อุตส่าห์ขอทางบ้านมากรุงเทพทั้งที จะรีบนอนไปไหนวะไอ้ปุ้ม"

"อะไรกันนักหนาวะ ก็มันง่วง ก็ให้นังปุ้มมันไปนอนก่อน พรุ่งนเี้ช้าก็ค่อยเรียกมันมาคุยก็ได้ ทำอย่างกับพรุ่งนี้จะไม่ได้คุยกับมันอย่างนั้นแหละ"

พราวเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่หวานไม่ยอมให้ปุ้มขึ้นไปนอน จอยจึงเอ่ยออกมาบ้าง

"ความจริงฉันก็อยากนั่งคุยกับพวกเราทั้งสี่คน ไม่รู้สิฉันดันคิดไปว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้น เราอาจไม่ได้คุยกันแบบนี้อีก..."

ทีนี้ทั้งสามหันมามองจอยเป็นตาเดียวนิ่งเงียบเหมือนต้องมนต์สะกด ก่อนที่หวานจะ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

"นังบ้านี่  พูดอะไรออกมาวะอย่างนี้ต้องจี้เอว ให้ตาย..."

แล้วทั้งพราว กับหวานต่างช่วยกันจับจอยแล้วจี้เอวกันอย่างสนุกสนาน ส่วนปุ้มได้แต่ ยืนหัวเราะ คิกๆแล้วหันหน้าไปนอนในห้องนอนด้านใน ด้วยความอ่อนเพลีย หญิงสาว ก็นอนหลับไป แต่เสียงหยอกล้อของเพื่อนๆ ก็ยังคงก้องอยู่ในโสตประสาท

จนถึงรุ่งเช้า แสงแดดรำไรส่องลอดผ้าม่านมาเข้าดวงตา คู่งามของเธอ ปุ้มลุกขึ้น บิด ตัวอย่างเกียจคร้าน เมื่อสายตาเธอปรับได้ ก็พบว่า เธอนอนอยู่ในห้อง เพียงลำพัง หญิงสาว หาวยาวอีกครั้ง ก่อนหยิบนาฬิกา เบบี้จีสีชมพูหวาน ที่วางอยู่บนโต๊ะข้าง เตียง นาฬิกาแสดงว่าตอนนี้ เป็นเวลา 10.10 นาฬิกา ปุ้มร้องออกมาอย่างตกใจ

"ตายแล้ว นี่มัน 10 โมงแล้ว แล้วจะขึ้นเครื่องตอนเที่ยงทันหรือเนี่ย..."

ปุ้มดีดตัวขึ้นอย่างอัดโนมัต ก่อนที่เธอจะแปลกใจอีกครั้ง ว่าทำไมทั้งห้องจึงดูเงียบ ราวกับว่า มีเธอเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงคนเดียวในห้องชุดแห่งนี้ หญิงสาวจึงร้องออกมา

"นังจอย...นังพราว....นังหวาน พวกแกอาบน้ำเสร็จหรือยัง...วะ...."

หญิงสาวเปิดประตูออกมา ก็พบห้องว่างเปล่า ไร้เงาของเพื่อนรักทั้งสาม หมอนอิงที่ หวานปาใส่เธอเมื่อคืนนี้ ยังตกอยู่ที่เดิม ปุ้มเดินไปดูที่ห้องน้ำ ก็ไม่มี...ปุ้มเริ่มใจคอไม่ดี เพราะภายในห้องมันเงียบผิดปกติ มันเงียบจนเธอได้ยินเสียงแอร์คอนดิชั่นเนอร์ ที่ ทำงาน เสียงมันครางเหมือนเสียงของสัตว์ร้าย ที่หมอบราบ เวลาจะจู่โจมเหยื่อ ปุ้มใช้สายตากวาดมองไปทั่วห้อง ก็ไม่เห็นร่องรอยของสิ่งมีชีวิต ในบริเวณใกล้เคียง ปุ้มเริ่มหวาดกลัวมากขึ้น เธอร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคง

"พวกแกจะเล่นอะไร...ข้าไม่ใช่คนขวัญอ่อน ออกมาเดี๋ยวนี้ นังหวาน ออกมา.."

ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา แต่ทันใดนั้นอยู่ๆ ลมภายในห้อง กลับพัดมาทางด้านหลัง ของหญิงสาว จนเส้นผมที่ยาวสลวย ปลิวมาด้านหน้า เหมือนดั่งว่า มีคนมาเป่าลม จากทางด้านหลัง ปุ้มสะดุ้งสุดตัวหันหลังไปยังทางห้องครัวอย่างรวดเร็ว เธอมอง ผ่านไปด้านหลังตู้เก็บเครื่องครัว ลมพัดเอาผ้าม่านด้านระเบียงครัว ปลิวสูงขึ้น  สายลม ยังคงพัดภายใน ห้องอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่ามีใครสักคน มาเปิดประตูกระจกบาน สไลด์ ที่ระเบียงออก

"นังจอย  นั่นแกใช่ไหม  ข้ารู้ว่าแกชอบเล่นแบบนี้...ถ้าเจอพวกแก ข้าจะหยิกพวกแกให้เนื้อขาดเลย นังบ้า..."

ถึงแม้น้ำเสียงของเธอ จะแฝงด้วยความโกรธอย่างชัดเจน แต่ก็จือด้วยความกลัวจนไม่ สามารถระงับไว้ได้  ปุ้มค่อยๆ ก้าวเดินไปทีละก้าว ไปยังห้องครัว เพื่อดูว่าที่ระเบียง มี ใครยืนอยู่ เพราะเธอแน่ใจว่า ตอนที่เธอ ผ่านห้องครัว ประตูระเบียงยังปิดอยู่ เพราะ ผ้าม่าน ปิดไม่สุด จึงมองเห็นขอบสไลด์ ที่ชนกันอยู่ตรงกลาง แต่ตอนนี้ มันกลับเปิด กว้างออกเกือบสุด....

ลมพัดเอาผ้าม่านคอตตอนเนื้อปานกลาง ปลิวไปมาตามแรงลมที่ปะทะ ปุ้ม เผลอกลืน น้ำลายลงคอที่แห้งผาก สายตาของเธอต้องฝ่าเปลวแดด ยามสายทีย้อนเข้ามา เธอ หรี่ตาลง แต่เธอมองเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้ หญิงสาวริมฝีปากสั่น จนฟันกระทบ ดังกึกๆ....

เพราะที่เห็นคือฝ่าเท้าของหญิงสาวที่ขาวซีด แต่เปื้อนด้วยฝุ่นสีเทา...ปลายนิ้วกลับงุ้มลง ด้วยความเกร็งของเส้นเอ็น และไม่ใช่คู่เดียว  เป็นฝ่าเท้าของเพื่อน ทั้ง 3 คน ที่เหยียดในท่าเดียวกัน
ปุ้มค่อยเลื่อนสายตาสูงขึ้นไป... ปุ้มร้องกรี๊ดอย่าง สุดเสียง ล้มลงไปด้านหลัง   มือปิดปากของตน อย่างหวาดกลัวสุดขีด เสียงกรีดร้อง ดังอย่างต่อเนื่อง จนดังลั่น ไปทั่วบริเวณ เพราะภาพที่เห็น...ก็คือ...

จอย  หวาน พราว ต่าง นั่งชิด ขอบระเบียง ใช้ที่แขวนเสื้อ แบบลวด ผูกมัดที่ซี่ราวระเบียงด้านบน แล้วมาผูกที่ ลำคอที่เคยขาว จนกลายเป็นสีแดงผสมเขียวช้ำ ดวงตาของทั้งสามเบิกค้าง ลิ้นออกมา จุกที่ริมฝีปาก ดวงตา ที่เบิกค้าง เป็นสีแดง เพราะโลหิตที่ไปคั่งจากการดึงรั้งจากด้านหลัง แขน กับมือเกร็ง จนผิดรูป เพราะสภาพศพเริ่มแข็งตัว จากการเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง เป็นภาพ ที่สยดสยอง เกินกว่าใครจะทานทนได้....อย่าว่าแต่เด็กสาวที่อายุ 17 ปี ต่อให้เป็นใครก็ตามก็ต้อง....ช็อคถึงขีดสุด ถึงขั้นเสียสติไป.....
...........................

          หลังจากตำรวจมาตรวจดูที่เกิดเหต บิดามารดาของผู้ตายทั้งสาม รวมทั้งของ ปุ้ม ก็มาถึง....การจากไปของบุตรสาวอันเป็นที่รัก สร้างความโศกเศร้าให้กับผู้ที่เกี่ยว ข้อง ปุ้มเองก็ยู่ในอาการช็อคจนไม่สามารถให้การกับเจ้าหน้าที่สอบสวนได้ ดวงตา ของปุ้มจ้องไปข้างหน้า ใช้ฝันกัดเล็บอย่างไม่รู้ตัว ครางออกมาจับใจความได้ว่า  

"ทำไม...พวกแกถึงทำแบบนี้...ทำไม...พวกแก....."

คุณแม่ของปุ้ม น้ำตาหลั่งออกมาด้วยความสงสารบุตรสาวอย่างสุดซึ้ง รวมทั้ง การจาก ไปอย่างไม่มีวันกลับของเพื่อนๆ ที่คุณแม่ก็รักเหมือนลูก และต้องเสียชีวิตอย่างไม่ ทราบสาเหตุ ไม่มีหลักฐานอะไรให้เจ้าหน้าที่สืบหาสาเหตุการตาย เบื้องต้นฝ่ายสืบ ลงสำนวนไว้ว่า อาจฆ่าตัวตายเอง เพราะไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ให้เห็นแม้แต่ชิ้นเดียว นั่นเอง.....

หลังจากนั้นอีก  6 วันต่อมา ปุ้มอยู่ในห้องนอน เธอเก็บตัวนั่งนิ่งมองภาพถ่ายใน มือถือ ของเธอมันเป็นภาพสุดท้ายที่ทั้งสี่ถ่ายร่วมกันในงาน มิตติ้งที่เธอไปร่วมงาน เธอไม่ถูก สอบสวนอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะสภาพจิตใจของเธอนั้นย่ำแย่ถึงขีดสุด ครอบครัว พยายามให้เธอลืมเหตการณ์ร้ายในวันนั้นโดยเร็ว แต่ปุ้มไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมา กับใครๆ แม้เพียงครึ่งคำ....

เวลานี้เป็นเวลา  เที่ยงคืน คนในบ้านหลับกันหมดแล้ว แต่เธอกลับไม่ยอมหลับ เธอ เอง ก็พยายามหาคำตอบ ว่าเพราะเหตใด ทำไมเพื่อนๆของเธอจึงตายพร้อมกัน ทั้ง สามคน โดยที่ทั้งหมดไม่มีวี่แววถึงความเศร้าเลยแม้แต่น้อย แล้วทำไม...ทำไม ทั้ง หวาน จอย พราว ถึงพร้อมใจใช้ ที่แขวนเสื้อผูกคอตาย โดยการทิ้งน้ำหนัก ให้ลวด รัดคอจนขาดใจตาย... ปุ้มอธิฐานภายในใจ พร้อมยกมือขึ้นทาบอก

"พวกแกต้องบอกข้า ว่าทำไมพวกแกถึงทำแบบนี้... แกถูกอะไรหรือใครดลใจให้ทำร้ายตนเอง เพื่ออะไร...ถ้าวิญญาณมีจริง แล้วแกอยากเปิดเผย ก็ขอให้ พวกแก มาหาข้า..."

ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือได้สั่นเรียกเข้ามา เป็นสัญญาณ เรียกสายเข้า จากแอป ไลน์กรุ๊ป ที่เธอเคย เล่นกับเพื่อนๆ ใน กลุ่ม 4 เทพธิดา ปุ้มตกใจ เมื่อได้เห็น สายที่เข้า มือที่ถือโทรศัพท์ สั่นสะท้าน ใจหนึ่ง เธออยากกดสายนั้นทิ้งเสีย แต่อีกใจ กลับเรียก ร้อง ให้เธอรับ  แล้วปุ้มก็สไลด์ รับสายนั้น ปุ้มเอ่ยออกไปอย่างแผ่วเบาผ่าน สปีกเกอร์ โฟน

"ใคร.....ใครน่ะ...."

เป็นเสียงหัวเราะ คิกๆ ที่เธอจำได้เป็นอย่างดี

"หวาน...แก...ใช่ไหม  นี่แกยังไม่..."

เสียงหัวเราะที่แสนสดใสของหวาน...ก่อนจะมีเสียงของอีกคนเอ่ยออกมา

'ไม่ใช่แค่ยัยหวาน  แกจำข้าได้หรือเปล่า....คิกๆๆๆ....'

"พราว...แกก็...."

ปุ้มครางออกมา พร้อมน้ำตาที่คลอหน่วยทั้งสองข้าง แล้วเสียงของอีกคนก็ดังออกมา

'แกยังไม่ลืมเสียงของข้าด้วยใช่ไหม   ยัยปุ้มขี้แย...'

"จอย....นี่พวกแกไปอยู่ไหนมา...ถึง...ใช่ ๆๆ... ฉันคงฝันไปแน่ๆ... พวกแกเลยมาคุยกับข้า..."

ทั้งสามหัวเราะคิก ๆ พร้อมกัน

'ฮาๆๆ...แกคิดว่าพวกข้าตายไปแล้ว! มิน่าทำเสียงอย่างกะคนเจอผีแบบนั้น...'

ปุ้มแทบไม่อยากจะเชื่อหูว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง เธอยื่นมือมาหยิกหน้าตนเอง แล้ว ออกแรงบีบ แก้มของเธอเป็นสีแดง ความเจ็บปวดเป็นเครื่องยืนยันว่า นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่คำถามหนึ่งที่ถามขึ้นภายในใจ แล้วเมื่อ 7 วันที่ผ่านมา มันคืออะไร

ความสับสนมัน เข้ามาในคลื่นความคิดเหมือนมีเข็มที่แหลมคมจิ้มเข้ามา ภายในสมองของปุ้ม สายตา ที่มองหน้าจอไม่แสดงภาพ เพราะเธอใช้โหมดประหยัดพลังงาน แต่ทันใดนั้นเอง ตรงกลางของจอมีภาพเหมือนหลุมดำที่หมุนวนอย่างช้าๆ แต่กลับมีแรงดึงดูดอย่าง มหาศาลดึงดูดให้ดวงตาจ้องมองตรงใจกลาง....

ปุ้มมือ และเท้าเย็นอย่างรู้สึกได้ ภายในหลุมดำที่เธอจ้องมอง มันเหมือนมีเสียงบาง อย่างบอกให้เธอทำอะไรบางอย่าง
....ใช่แล้วคำสั่งนั้นบอกให้เธอ เดินไปหยิบสาย ชาร์จโทรศัพท์มือถือที่ยาว 2 เมตรมาถือในมือเสียงกระซิบเหล่านั้นคือเสียงของ เพื่อนรักทั้งสามที่กระซิบบอกว่า

'มาอยู่กัยพวกเราสิ...ที่นี่พวกเราจะได้เล่นสนุกทั้งวัน ไม่ต้องมานั่งเรียนหนังสือ ฟังพ่อแม่ มานั่งบ่นเรื่องผลการเรียน อยากทำอะไรก็ทำ...หึๆๆ เชื่อข้าสิ...'

ปุ้มยิ้มให้กับหลุมดำในจอมือถือ แล้วเอ่ยออกมาดั่งคนละเมอ

"ใช่...ทำไมเราต้องทนเหงาที่นี่คนเดียว เพื่อนๆ กำลังรออยู่ เราจะต้องตามไป ตามไปให้ทัน...."

ปุ้มใชัสายชาร์จผูกกับชั้นวางหนังสือผูกสายชาร์จนั้นเป็นเงื่อนตาย แล้วสายอีกด้าน เป็นเงื่อนกระตุก แล้วคล้องลงมาที่คอ แล้วในขณะนั้นเอง สติที่มีอยู่น้อยนิดมี เสียง ดังออกมาอย่างแผ่วๆ เป็นเสียงคำสนทนาในตอนที่ทั้งสี่ ไปดูฝนดาวตกบนดอยเต่า

'ถ้าเป็นเพื่อนกันอย่างแท้จริง จะไม่ชวนกันทำในเรื่องเลวร้าย ถ้าใครชวนทำอะไรที่ไม่ดี คนนั้นจะไม่ใช่เพื่อนแท้...'

'ใช่...อย่างเช่นถ้าไอ้หวานอยากตาย มันจะไม่มาชวนพวกเราฆ่าตัวตายไปกับมัน..'

'นังจอยเปรียบเทียบให้มันเข้าท่าหน่อยสิ...คนอย่างข้าหรือจะฆ่าตัวตาย...'

เสียงหัวเราะในตอนนั้นทำให้สติของปุ้มค่อยๆ ฟื้นคืนเธอก้มมองที่สายชาร์จที่คล้อง คอในขณะที่ปลายเท้ากำลังค่อยๆ เลื่อนจนเกือบสุดปุ้มใช้ปลายเท้าจิกที่ไม้ปูพื้นเพื่อ มิให้สายไฟมัดคอของเธอ แต่เท้าของเธอเกิดลื่น....
สายชาร์จมัดเข้าลำคอของปุ้มอย่างแน่นหนาปลายเท้าของเธอไปถูกโลชั่นที่ตกอยู่ ด้วย ความตกใจ ปุ้มจึงพยายามใช้เท้ายันกายทำให้สายไฟมัดเข้าลำคอแน่นขึ้น จน ใบหน้า ของหญิงสาวแดงก่ำสติของเธอกำลังจะเลือนลับ

เธอรับรู้ว่า ปลายลิ้น ของ เธอมาจุกที่ ลำคอ ปุ้มนึกขึ้นได้ว่า ชั้นวางหนังสือไม่ค่อยแข็งแรงเท่าใดนัก เธอจึงคว้า สายชาร์จ แล้วออกแรงดึงโน้มลงมา แล้วฉากหิ้งวางหนังสือ ก็หลุดลงมา พร้อมกับ หนังสือการ์ตูนหล่นลง มากองข้างๆ ปุ้มที่ค่อยๆ ดึงเอาสายชาร์จ ออกจากคอ ที่ดึงรั้ง จนเป็นสีแดงช้ำห้อเลือด
ปุ้มไอดังแค็กๆ น้ำตา น้ำมูก น้ำลายไหลออกมา ปุ้มหันไปมองที่มือถือของเธอ ตอนนี้ ไม่มีภาพอะไรปรากฎให้เห็น แต่มันยังมี เสียงหัวเราะ ต่ำๆ...แล้วเสียงก็ดังออกมา ไม่ใช่เสียงที่เธอรู้จัก เป็นเสียงผู้ชาย เสียงแหบๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่