คืนแล้วคืนเล่าที่พราวนภาไปปรากฎตัวที่ห้องของสายฟ้ายามดึก
เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่หาคำตอบไม่ได้จริงๆ
แต่...หมอคณาเคยพูดเกี่ยวกับแรงดึงดูด
แรงดึงดูดที่อยู่ใต้จิตสำนึกเนี่ยหรือจะเพียงพอทำให้เธอว้าบไปหาสายฟ้าได้บ่อยๆ
ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ!
หรือ การที่เคยเกิดมาจากเซลล์เดียวกันทำให้เกิดมีแรงดึงดูดต่อกันมหาศาล?
ขาประจำบลอกฟ้าใสเดอะเจไดเกิร์ลที่รัก
...ต้องขอบคุณเพื่อนใหม่ของฉันและเพลงแสนหวานของเขา
ทุกครั้งที่แวะผ่านไปยังสถานที่นั้น ที่ที่เป็นความทรงจำของฉันกับ..ต่อ
จากที่เคยเศร้า เคยเหงา เคยอ้างว้าง
ความรู้สึกเหล่านั้นมันหายไปหลังใจได้ลองไปอยู่ในที่นั้นกับทำนองและคำร้องที่เหมือนจะโอบอุ้มตัวฉันและความรู้สึกโดดเดี่ยวต่างๆที่เกิดขึ้นเอาไว้
ถ้าหากตอนนี้ในชีวิตของฉันไม่มีเขา ไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา
ฉันจะเป็นอย่างไรนะ ...ยังคิดไม่ออก
วันต่อมาเธออยู่เวรห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลประจำอำเภอซึ่งห่างจากตัวจังหวัดไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“คุณหมอคะ คนไข้หมดสติค่ะ”
เปลของคนไข้ที่เป็นผู้ชายอายุประมาณ 70 ญาติพบว่าหมดสติที่บ้านถูกเข็นเข้ามาห้องฉุกเฉิน
พยาบาลทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองยืนประจำตำแหน่ง
แทงเส้นเลือดให้สารน้ำคนหนึ่ง ช่วยติดที่วัดคลื่นหัวใจคนนึง อีกคนเตรียมท่อช่วยหายใจ
“ขอท่อช่วยหายใจมาเลยค่ะ”
พราวนภาใส่ท่อช่วยหายใจด้วยความเชี่ยวชาญ
ตั้งแต่เป็นแพทย์ใช้ทุนมาไม่รู้ว่าทำแบบนี้ไปไม่รู้กี่ครั้ง มีคนไข้หนักแบบนี้ผ่านมือเธอไปแล้วกี่คน
เธอไม่ได้รู้สึกเหมือนหลายๆคนที่ทำบุญด้วยการจ่ายเงินเยอะๆ แล้วมีชื่อตัวใหญ่ๆอยู่ตามป้ายต่างๆ
สิ่งที่เธอทำอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง
แต่พราวนภากลับรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
เธอไม่ได้ภูมิใจคิดว่าตัวเองเก่ง แต่แค่รู้สึกดีเสมอเมื่อทำให้คนอื่นมีชีวิตรอด
เธอจึงพยายามเต็มที่ให้คนไข้อาการดีขึ้น
ที่พราวนภาเรียนแพทย์ไม่ใช่เพราะว่าอยากจะช่วยเหลือผู้อื่น...แบบคำตอบของนางงาม
เธอจำได้ลางๆว่าตอนนั้นตัวเองรู้สึกว่าต้องเรียนหมอเท่านั้น
...ไม่รู้สาเหตุมาจากไหนเธอนึกไม่ออก
มีอะไรบางอย่างมาดลใจหรืออย่างไร?
แต่ไม่ว่าตอนแรกจะเข้ามาด้วยเหตุผลใด พอเป็นหมอจริงๆแล้วความรู้สึกว่าจะต้องช่วยเหลือผู้อื่นจะตามมาเอง
เช้าวันต่อไปหลังจากอยู่เวรห้องฉุกเฉินมาทั้งคืน
พราวนภาเดินซัดๆเซๆแล้วขึ้นขับรถไปยังหอพักของเธอ
อาบน้ำ ล้างหน้า ทาครีม พรมน้ำหอม ก่อนล้มตัวนอนบนเตียงที่มีผ้าปูลายเจ้าหญิงดิสนีย์ที่ซื้อมาจากตลาดนัด
เมื่อหลับตาลง...พราวนภารู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างถูกดูดผ่านช่องแคบๆ
เมื่อรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมนิ่งสงบดีแล้ว เธอจึงลืมตา
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะหลับตาลงด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าจนตาแทบปิด
แต่พอลืมตาครั้งนี้กลับกระจ่างใสไร้วี่แววของคนที่ง่วงด้วยความเหนื่อยล้า
“แม่จินดา”
พราวนภารู้สึกว่าเธอกำลังพูดกับใครคนหนึ่ง
“มีกระไรรือคะคุณพี่”
พราวนภาหันหน้าไปตามร่างที่เธออยู่ตอนนี้ เธอได้เห็นผู้หญิงอายุประมาณไม่ถึงยี่สิบดี
หญิงไทย ผิวขาวนวลส่งยิ้มมาให้ ใบหน้านั้นทำให้พราวนภาชะงัก
เพราะหน้าของเธอคนนั้นมีหน้าของต่อ ผู้ชายที่เพิ่งทอดทิ้งเธอซ้อนทับอยู่
พราวนภาในตอนนั้นรู้แต่ว่าตัวเองถูกเรียกว่า ‘คุณพี่เทพ’
เธอ...ซึ่งร่างในตอนนั้นเป็นผู้ชายรูปร่างสูง ผิวสองสี หน้าตาเข้มคม กำลังจับมือเล็กๆของหญิงสาวที่ถูกเธอเรียกว่า ‘แม่จินดา’
“แม่จินดา พี่ไปครานี้ น่าจะกินเวลาหลายเดือน แม่จินดาไม่ต้องห่วงพี่ ...พี่จะกลับมา”
ลมแรงๆทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเลือนทั้งร่างของผู้หญิงตรงหน้าและร่างของตัวเองด้วย
“คุณพี่ คุณพี่ไม่กลับมา...”
คราวนี้เธอไม่ได้เป็นใคร พราวนภารู้สึกว่าตัวเองเป็นเงารางๆกำลังมองผู้หญิงที่ชื่อจินดาร่ำไห้วันแล้ววันเล่า
รอชายที่รักกลับมาหา แต่แล้ว...เขาก็ไม่กลับมา
พราวนภารับรู้ถึงความอ้างว้าง โดดเดี่ยว และความรู้สึกผิดหวังของคนที่ถูกทิ้ง
หญิงสาวชื่อจินดาผู้นี้กำลังรู้สึกเหมือนที่เธอรู้สึกตอนที่ต่อตัดความสัมพันธ์
‘เรามีแฟนแล้ว เราไม่อยากให้เขาคิดมาก’
โอ...กระแสแห่งกรรมมีจริง
เธอรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงถูกตัดรอนจากชายที่ชื่อต่อ...จากผู้หญิงที่เคยมีชื่อว่าจินดา
นั่นเป็นเพราะว่า เธอนั่นเองแหละเคยปล่อยให้เขารออยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง
พราวนภายังไม่ทันได้หาคำตอบว่าทำไมตอนนั้นเธอ...คุณเทพ ไปไหน
ลมแรงมาฉุดเธอออกจากที่นั่นอีกครั้ง
ตอนนั้นเองพราวนภาพบว่าเธอกำลังนอนอยู่บนที่นอนอ่อนนุ่มที่หอพักของเธอ
เธอกำมือแน่น ร่ำไห้...
น้ำตาจากการที่ได้ตระหนักแล้วว่า เธอนั้นเองเป็นคนทำผิดก่อนเธอจึงต้องมาผิดหวัง โดดเดี่ยว เหงา เศร้าในตอนนี้
เหมือนกับแม่จินดาคนนั้น... คนที่เธอเองเป็นคนทิ้งเขามา
น้ำตาไหลอาบสองแก้มพราวนภายังหลับตา
เธอตั้งสมาธิขออโหสิกรรมให้ ‘ต่อ’ เพื่อเธอและเขาจะได้หลุดพ้นจากพันธนาการ...
แสงดาวข้ามกาลเวลา #5
เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่หาคำตอบไม่ได้จริงๆ
แต่...หมอคณาเคยพูดเกี่ยวกับแรงดึงดูด
แรงดึงดูดที่อยู่ใต้จิตสำนึกเนี่ยหรือจะเพียงพอทำให้เธอว้าบไปหาสายฟ้าได้บ่อยๆ
ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ!
หรือ การที่เคยเกิดมาจากเซลล์เดียวกันทำให้เกิดมีแรงดึงดูดต่อกันมหาศาล?
ขาประจำบลอกฟ้าใสเดอะเจไดเกิร์ลที่รัก
...ต้องขอบคุณเพื่อนใหม่ของฉันและเพลงแสนหวานของเขา
ทุกครั้งที่แวะผ่านไปยังสถานที่นั้น ที่ที่เป็นความทรงจำของฉันกับ..ต่อ
จากที่เคยเศร้า เคยเหงา เคยอ้างว้าง
ความรู้สึกเหล่านั้นมันหายไปหลังใจได้ลองไปอยู่ในที่นั้นกับทำนองและคำร้องที่เหมือนจะโอบอุ้มตัวฉันและความรู้สึกโดดเดี่ยวต่างๆที่เกิดขึ้นเอาไว้
ถ้าหากตอนนี้ในชีวิตของฉันไม่มีเขา ไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา
ฉันจะเป็นอย่างไรนะ ...ยังคิดไม่ออก
วันต่อมาเธออยู่เวรห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลประจำอำเภอซึ่งห่างจากตัวจังหวัดไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“คุณหมอคะ คนไข้หมดสติค่ะ”
เปลของคนไข้ที่เป็นผู้ชายอายุประมาณ 70 ญาติพบว่าหมดสติที่บ้านถูกเข็นเข้ามาห้องฉุกเฉิน
พยาบาลทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองยืนประจำตำแหน่ง
แทงเส้นเลือดให้สารน้ำคนหนึ่ง ช่วยติดที่วัดคลื่นหัวใจคนนึง อีกคนเตรียมท่อช่วยหายใจ
“ขอท่อช่วยหายใจมาเลยค่ะ”
พราวนภาใส่ท่อช่วยหายใจด้วยความเชี่ยวชาญ
ตั้งแต่เป็นแพทย์ใช้ทุนมาไม่รู้ว่าทำแบบนี้ไปไม่รู้กี่ครั้ง มีคนไข้หนักแบบนี้ผ่านมือเธอไปแล้วกี่คน
เธอไม่ได้รู้สึกเหมือนหลายๆคนที่ทำบุญด้วยการจ่ายเงินเยอะๆ แล้วมีชื่อตัวใหญ่ๆอยู่ตามป้ายต่างๆ
สิ่งที่เธอทำอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง
แต่พราวนภากลับรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
เธอไม่ได้ภูมิใจคิดว่าตัวเองเก่ง แต่แค่รู้สึกดีเสมอเมื่อทำให้คนอื่นมีชีวิตรอด
เธอจึงพยายามเต็มที่ให้คนไข้อาการดีขึ้น
ที่พราวนภาเรียนแพทย์ไม่ใช่เพราะว่าอยากจะช่วยเหลือผู้อื่น...แบบคำตอบของนางงาม
เธอจำได้ลางๆว่าตอนนั้นตัวเองรู้สึกว่าต้องเรียนหมอเท่านั้น
...ไม่รู้สาเหตุมาจากไหนเธอนึกไม่ออก
มีอะไรบางอย่างมาดลใจหรืออย่างไร?
แต่ไม่ว่าตอนแรกจะเข้ามาด้วยเหตุผลใด พอเป็นหมอจริงๆแล้วความรู้สึกว่าจะต้องช่วยเหลือผู้อื่นจะตามมาเอง
เช้าวันต่อไปหลังจากอยู่เวรห้องฉุกเฉินมาทั้งคืน
พราวนภาเดินซัดๆเซๆแล้วขึ้นขับรถไปยังหอพักของเธอ
อาบน้ำ ล้างหน้า ทาครีม พรมน้ำหอม ก่อนล้มตัวนอนบนเตียงที่มีผ้าปูลายเจ้าหญิงดิสนีย์ที่ซื้อมาจากตลาดนัด
เมื่อหลับตาลง...พราวนภารู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างถูกดูดผ่านช่องแคบๆ
เมื่อรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมนิ่งสงบดีแล้ว เธอจึงลืมตา
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะหลับตาลงด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าจนตาแทบปิด
แต่พอลืมตาครั้งนี้กลับกระจ่างใสไร้วี่แววของคนที่ง่วงด้วยความเหนื่อยล้า
“แม่จินดา”
พราวนภารู้สึกว่าเธอกำลังพูดกับใครคนหนึ่ง
“มีกระไรรือคะคุณพี่”
พราวนภาหันหน้าไปตามร่างที่เธออยู่ตอนนี้ เธอได้เห็นผู้หญิงอายุประมาณไม่ถึงยี่สิบดี
หญิงไทย ผิวขาวนวลส่งยิ้มมาให้ ใบหน้านั้นทำให้พราวนภาชะงัก
เพราะหน้าของเธอคนนั้นมีหน้าของต่อ ผู้ชายที่เพิ่งทอดทิ้งเธอซ้อนทับอยู่
พราวนภาในตอนนั้นรู้แต่ว่าตัวเองถูกเรียกว่า ‘คุณพี่เทพ’
เธอ...ซึ่งร่างในตอนนั้นเป็นผู้ชายรูปร่างสูง ผิวสองสี หน้าตาเข้มคม กำลังจับมือเล็กๆของหญิงสาวที่ถูกเธอเรียกว่า ‘แม่จินดา’
“แม่จินดา พี่ไปครานี้ น่าจะกินเวลาหลายเดือน แม่จินดาไม่ต้องห่วงพี่ ...พี่จะกลับมา”
ลมแรงๆทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเลือนทั้งร่างของผู้หญิงตรงหน้าและร่างของตัวเองด้วย
“คุณพี่ คุณพี่ไม่กลับมา...”
คราวนี้เธอไม่ได้เป็นใคร พราวนภารู้สึกว่าตัวเองเป็นเงารางๆกำลังมองผู้หญิงที่ชื่อจินดาร่ำไห้วันแล้ววันเล่า
รอชายที่รักกลับมาหา แต่แล้ว...เขาก็ไม่กลับมา
พราวนภารับรู้ถึงความอ้างว้าง โดดเดี่ยว และความรู้สึกผิดหวังของคนที่ถูกทิ้ง
หญิงสาวชื่อจินดาผู้นี้กำลังรู้สึกเหมือนที่เธอรู้สึกตอนที่ต่อตัดความสัมพันธ์
‘เรามีแฟนแล้ว เราไม่อยากให้เขาคิดมาก’
โอ...กระแสแห่งกรรมมีจริง
เธอรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงถูกตัดรอนจากชายที่ชื่อต่อ...จากผู้หญิงที่เคยมีชื่อว่าจินดา
นั่นเป็นเพราะว่า เธอนั่นเองแหละเคยปล่อยให้เขารออยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง
พราวนภายังไม่ทันได้หาคำตอบว่าทำไมตอนนั้นเธอ...คุณเทพ ไปไหน
ลมแรงมาฉุดเธอออกจากที่นั่นอีกครั้ง
ตอนนั้นเองพราวนภาพบว่าเธอกำลังนอนอยู่บนที่นอนอ่อนนุ่มที่หอพักของเธอ
เธอกำมือแน่น ร่ำไห้...
น้ำตาจากการที่ได้ตระหนักแล้วว่า เธอนั้นเองเป็นคนทำผิดก่อนเธอจึงต้องมาผิดหวัง โดดเดี่ยว เหงา เศร้าในตอนนี้
เหมือนกับแม่จินดาคนนั้น... คนที่เธอเองเป็นคนทิ้งเขามา
น้ำตาไหลอาบสองแก้มพราวนภายังหลับตา
เธอตั้งสมาธิขออโหสิกรรมให้ ‘ต่อ’ เพื่อเธอและเขาจะได้หลุดพ้นจากพันธนาการ...