จบกันไปแล้วสำหรับSeries "หมอใจพิเศษ"
ที่อบอวลด้วยเรื่องราวของคุณหมอ คนไข้และบุคคลากรแห่งโรงพยาบาลเฉลิมรัตน์
โดยผ่านการเดินเรื่องของหมอโฌน ผู้เป็นแอสเพอร์เกอร์ High Function
กับการฝ่าวิบากกรรมต่างๆกว่าจะได้รับการยอมรับ
เสียงกล่าวขานชื่นชมจากคนดูหลายล้านวิว
คงจะเป็นเครื่องการันตีความพึงพอใจที่คนดูมีต่อ Series หมอเรื่องนี้
เพราะยากมากที่ละครเกี่ยวข้องกับหมอในบ้านเราจะสร้างสรรค์ได้ถึงและดึงดูดความสนใจได้เพียงนี้
เจ้าของกระทู้จะไม่กล่าวถึงความสามารถของตัวแสดงทั้งหลาย
ที่เล่นเป็นทีมงานหมอหรือแม้แต่หมอจริงๆที่มาเป็นนักแสดงรับเชิญ
เพราะหลายๆท่านได้เขียนชมเชยมากมายไปแล้ว
แต่จะหยิบยกบางประเด็นที่ยังไม่ได้กล่าวถึงมาพูดคุยกัน
จากต้นฉบับหมอเกาหลีสู้การแปลงและแปรแบบไทยๆ
ต้องยอมรับว่า ต้นฉบับทำไว้ดีมาก ถึงกับมีการเผยแพร่ดัดแปลงเป็น Version Good Doctor USA
จึงกริ่งเกรงว่าเมื่อมาบ้านเรา จะเนียนหมดจดหรือไม่
เมื่อดูจนจบ จึงเห็นว่ามีการแปลงและแปรออกมาได้ค่อนข้างสมบูรณ์
หัวใจหลักของเรื่องยังดำรงอยู่ แต่บริบทและสภาพแวดล้อมตลอดจนกรณีคนไข้ศึกษาแปรไปตามสถานการณ์
เพื่อให้เหล่าบรรดาคุณหมอได้แสดงศักยภาพในการตัดสินใจช่วยเหลือคนไข้โดยเฉพาะคุณหมอโฌน
บริบทเหล่านี้ ได้แก่
Local Touch สีสันความเป็นท้องถิ่นแบบไทยๆ เรื่องราวความเป็นมาของคนไข้เฉพาะกรณี
เหตุวิบัติต่างๆ โรงงานไฟไหม้ ตึกถล่มและแม้แต่ในเคสการกักขังแรงงานอพยพตอนสุดท้าย
ซึ่งคาดว่าคงเป็นข้อมูลจากทางโรงพยาบาลที่เก็บรักษาไว้
แต่ที่มีเกร็ดน่ารักๆประทับใจก็คือ การใช้กระติกไอติมแทนกระติกน้ำแข็งเพื่อบรรจุอวัยวะที่จะนำไปปลูกถ่าย
เนื่องจากระติกน้ำแข็งเดิมมีรอยรั่ว เก็บรักษาความเย็นไม่ได้ (ในสถานการณ์จริงแล้ว จะมีกระติกสำรองเสมอ)
ทั้งนี้เพื่อจะฉายภาพไหวพริบของหมอโฌนกับการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เร่งด่วน
ฉากเมืองประมงติดชายทะเล บ้านเกิดของหมอโฌน แม้จะไม่ไกลจากกรุงเทพนัก
แต่ความลำบากตรากตรำของชาวบ้านห่างไกลจากมาตรฐานความอยู่ดี กินดีนัก
จึงไม่แปลกใจที่ เด็กบุคลิกผิดปกติอย่างเด็กชายโฌน จึงเป็นเหมือนหนามตำใจพ่อ แม่
ทำให้ช่วงชีวิตเริ่มต้นของหมอไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า
Team Spirit
ต้นฉบับของเกาหลี บรรดาหมอๆมีการแข่งขันกันสูงมาก จึงมีแนวโน้มของการแก่งแย่งชิงดี
ตลอดจนมีการเมืองเรื่องผลประโยชน์ธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง (ขาย ควบรวมธุรกิจ)
เมื่อแปรเป็นไทย มีกลิ่นอายเล็กๆน้อยๆ เกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจกันในตอนแรกๆ
ด้วยบุคลิกลักษณะของหมอโฌน พูดตรง พูดแทรกด้วยตัวเลขอ้างอิงจึงทำให้หมอร่วมทีมจึ๊กจั๊กขัดอกขัดใจ
แต่เมื่อยอมรับความพิเศษของหมอน้องใหม่สมองอัจฉริยะที่ช่วยท้วง ช่วยเตือน
การรักษาคนไข้จึงเป็นไปได้ดีหรือสามารถแก้ไขได้
อย่างไรก็ตาม หากหมอโฌนจะโมีวุฒิภาวะกว่านี้ อาจจะต้องสงบปากสงบคำมากขึ้น
โดยเฉพาะไม่พูดแทรกหักหน้าหมออาวุโสทั้งหลาย
ซึ่งแทนที่จะเอ็นดูจะกลายเป็นหมั่นไส้ภายหลัง
Climax Shock
บริบทนี้คงคุยกันยาวตอนแปรจากต้นฉบับ
เพราะทั้ง Version เกาหลีและอเมริกัน จบด้วย Good Feeling
แต่ของไทยมีการ Shock คนดูด้วยการตายของอาจารย์หมอ อาชวินทร์ ผู้มีอิทธิพลและผูกพันกับหมอโฌน
การแปรบทตรงนี้เพื่อสร้างความท้าทายให้จิตใจของตัวละคร
มีภูมิต้านทานกฏธรรมชาติของอาชีพหมอไปอีกขั้นว่า
หมอก็คือ คนธรรมดา จะพิเศษแค่ไหน ก็ไม่สามารถช่วยคนไข้ได้ทุกกรณี
เป็นบททดสอบที่หมออาชีพทุกคนต้องเผชิญและข้ามพ้นไปให้ได้
การที่หมอโฌน เสียศูนย์จนเกือบสูญเสียปณิธานที่จะเป็นหมอต่อไป
คือก้าวแรกที่ได้สัมผัสโลกของความจริงที่ไม่มีการจัดระเบียบแบบแผนอยู่ในสมอง
เป็นตอนเดียวที่เห็นน้ำตาแสดงความรู้สึกของหมอออกมาจากหัวใจ
หมอที่ดี ดีที่ไหน
คือคำถามของอาจารย์หมออาวุโสท่านหนึ่งพูดไว้ตอนกล่าวปัจฉิมนิเทศก์แก่ Residence ตอนสุดท้าย
"จงยอมรับเถอะว่า หมอก็คือมนุษย์ธรรมดา ไม่ได้มีความสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด
ทุกคนควรเป็นหมอที่ดีได้ในแบบของตัวเอง ที่ไม่ต้องเหมือนใคร"
เจ้าของกระทู้ขอพูดถึงหมอปลื้ม หมอเรซิเด้นท์ปี 2 ผู้น้อยอกน้อยใจนิดๆว่าตัวเองเก่งสู้คนอื่นๆไม่ได้
แต่ก็มีน้ำใจสร้างเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆได้เสมอ
หมอปลื้มเป็นคนเปลี่ยนบรรยากาศชั่วโมงพักในห้องแคบๆไปสู่ดาดฟ้า
วิวพาโนราม่า พร้อมเต้นท์นอนข้ามคืน
(ไหนๆก็หาเวลาว่างเข้าป่าไม่ได้ ก็นอนบนป่าคอนกรีตแทนนี่แหละ)
อีกทั้งเป็นสไตลิสต์ให้หมอโฌนในงานแต่งงาน ว่างๆหมอปลื้มก็ทำคลิปวีดิโอหมอง่ายๆให้แฟนคลับได้อ่านได้เห็น
และสิ่งสำคัญคือ หมอปลื้มให้โอกาสพูดคุยกับคนไข้หญิงที่มีอาการอัลไซเมอร์
ลงไปนั่งฟังเธอเล่าเรื่องเกี่ยวกับลูกชาย(ซึ่งตายไปแล้ว)อย่างเข้าใจ ไม่คัดค้าน หรือถอนใจเบื่อหน่าย
ทำให้อดนึกถึงคำพูดของ วิลเลียม ออสเลอร์ ( 1849-1919)
คุณหมอชาวแคนาเดียน หนี่งในผู้บุกเบิกศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ว่า
“ฟังผู้ป่วยของคุณ เขากำลังบอกการวินิจฉัยโรคแก่คุณ.”
“Listenten to your patient, he is telling you the diagnosis”
จะไปต่อหรือพอแค่นี้
เสียงเรียกร้องจากบรรดาผู้ชมอยากให้ให้มี Season ต่อไป
ซึ่งหากดำเนินต่อได้ก็น่าจะสมใจชาวคนรักหมอโฌน
แต่เข้าใจดีว่า ต้องใช้สรรพกำลังมหาศาลอีกมากในการผลิตเรื่องราวเกี่ยวกับคุณหมอๆ โดยเฉพาะทีมงานรีเสริช์
การเตรียมข้อมูลมูลทางการแพทย์ กรณีศึกษาต่างๆที่เผยแพร่ได้บ้างไม่ได้บ้าง
ตัวละครต้องเพิ่ม ต้องลดไป บรรดาคุณหมอตัวจริงอาจจะไม่ได้มีเวลาร่วมฉากอีกแล้ว
อีกทั้งถึงเวลานั้นกระแส หมอโฌน ต้องได้รับการจุดติดใหม่จึงจะต่อเนื่อง
ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทีมงาน จะหยุดแค่นี้ก็ไม่ชวนให้ผิดหวังประการใด
การ Rerun อีกครั้งในช่องที่ Mass ขึ้น น่าจะเป็นหนทางที่เป็นไปได้มากกว่า
ท้ายสุด ขอขอบคุณทีมงานและความตั้งใจที่แสนพิเศษอีกครั้งค่ะ
หมอใจพิเศษ : ความพิเศษของคน(อยาก)ธรรมดา
ที่อบอวลด้วยเรื่องราวของคุณหมอ คนไข้และบุคคลากรแห่งโรงพยาบาลเฉลิมรัตน์
โดยผ่านการเดินเรื่องของหมอโฌน ผู้เป็นแอสเพอร์เกอร์ High Function
กับการฝ่าวิบากกรรมต่างๆกว่าจะได้รับการยอมรับ
เสียงกล่าวขานชื่นชมจากคนดูหลายล้านวิว
คงจะเป็นเครื่องการันตีความพึงพอใจที่คนดูมีต่อ Series หมอเรื่องนี้
เพราะยากมากที่ละครเกี่ยวข้องกับหมอในบ้านเราจะสร้างสรรค์ได้ถึงและดึงดูดความสนใจได้เพียงนี้
เจ้าของกระทู้จะไม่กล่าวถึงความสามารถของตัวแสดงทั้งหลาย
ที่เล่นเป็นทีมงานหมอหรือแม้แต่หมอจริงๆที่มาเป็นนักแสดงรับเชิญ
เพราะหลายๆท่านได้เขียนชมเชยมากมายไปแล้ว
แต่จะหยิบยกบางประเด็นที่ยังไม่ได้กล่าวถึงมาพูดคุยกัน
จากต้นฉบับหมอเกาหลีสู้การแปลงและแปรแบบไทยๆ
ต้องยอมรับว่า ต้นฉบับทำไว้ดีมาก ถึงกับมีการเผยแพร่ดัดแปลงเป็น Version Good Doctor USA
จึงกริ่งเกรงว่าเมื่อมาบ้านเรา จะเนียนหมดจดหรือไม่
เมื่อดูจนจบ จึงเห็นว่ามีการแปลงและแปรออกมาได้ค่อนข้างสมบูรณ์
หัวใจหลักของเรื่องยังดำรงอยู่ แต่บริบทและสภาพแวดล้อมตลอดจนกรณีคนไข้ศึกษาแปรไปตามสถานการณ์
เพื่อให้เหล่าบรรดาคุณหมอได้แสดงศักยภาพในการตัดสินใจช่วยเหลือคนไข้โดยเฉพาะคุณหมอโฌน
บริบทเหล่านี้ ได้แก่
Local Touch สีสันความเป็นท้องถิ่นแบบไทยๆ เรื่องราวความเป็นมาของคนไข้เฉพาะกรณี
เหตุวิบัติต่างๆ โรงงานไฟไหม้ ตึกถล่มและแม้แต่ในเคสการกักขังแรงงานอพยพตอนสุดท้าย
ซึ่งคาดว่าคงเป็นข้อมูลจากทางโรงพยาบาลที่เก็บรักษาไว้
แต่ที่มีเกร็ดน่ารักๆประทับใจก็คือ การใช้กระติกไอติมแทนกระติกน้ำแข็งเพื่อบรรจุอวัยวะที่จะนำไปปลูกถ่าย
เนื่องจากระติกน้ำแข็งเดิมมีรอยรั่ว เก็บรักษาความเย็นไม่ได้ (ในสถานการณ์จริงแล้ว จะมีกระติกสำรองเสมอ)
ทั้งนี้เพื่อจะฉายภาพไหวพริบของหมอโฌนกับการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เร่งด่วน
ฉากเมืองประมงติดชายทะเล บ้านเกิดของหมอโฌน แม้จะไม่ไกลจากกรุงเทพนัก
แต่ความลำบากตรากตรำของชาวบ้านห่างไกลจากมาตรฐานความอยู่ดี กินดีนัก
จึงไม่แปลกใจที่ เด็กบุคลิกผิดปกติอย่างเด็กชายโฌน จึงเป็นเหมือนหนามตำใจพ่อ แม่
ทำให้ช่วงชีวิตเริ่มต้นของหมอไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า
Team Spirit
ต้นฉบับของเกาหลี บรรดาหมอๆมีการแข่งขันกันสูงมาก จึงมีแนวโน้มของการแก่งแย่งชิงดี
ตลอดจนมีการเมืองเรื่องผลประโยชน์ธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง (ขาย ควบรวมธุรกิจ)
เมื่อแปรเป็นไทย มีกลิ่นอายเล็กๆน้อยๆ เกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจกันในตอนแรกๆ
ด้วยบุคลิกลักษณะของหมอโฌน พูดตรง พูดแทรกด้วยตัวเลขอ้างอิงจึงทำให้หมอร่วมทีมจึ๊กจั๊กขัดอกขัดใจ
แต่เมื่อยอมรับความพิเศษของหมอน้องใหม่สมองอัจฉริยะที่ช่วยท้วง ช่วยเตือน
การรักษาคนไข้จึงเป็นไปได้ดีหรือสามารถแก้ไขได้
อย่างไรก็ตาม หากหมอโฌนจะโมีวุฒิภาวะกว่านี้ อาจจะต้องสงบปากสงบคำมากขึ้น
โดยเฉพาะไม่พูดแทรกหักหน้าหมออาวุโสทั้งหลาย
ซึ่งแทนที่จะเอ็นดูจะกลายเป็นหมั่นไส้ภายหลัง
Climax Shock
บริบทนี้คงคุยกันยาวตอนแปรจากต้นฉบับ
เพราะทั้ง Version เกาหลีและอเมริกัน จบด้วย Good Feeling
แต่ของไทยมีการ Shock คนดูด้วยการตายของอาจารย์หมอ อาชวินทร์ ผู้มีอิทธิพลและผูกพันกับหมอโฌน
การแปรบทตรงนี้เพื่อสร้างความท้าทายให้จิตใจของตัวละคร
มีภูมิต้านทานกฏธรรมชาติของอาชีพหมอไปอีกขั้นว่า
หมอก็คือ คนธรรมดา จะพิเศษแค่ไหน ก็ไม่สามารถช่วยคนไข้ได้ทุกกรณี
เป็นบททดสอบที่หมออาชีพทุกคนต้องเผชิญและข้ามพ้นไปให้ได้
การที่หมอโฌน เสียศูนย์จนเกือบสูญเสียปณิธานที่จะเป็นหมอต่อไป
คือก้าวแรกที่ได้สัมผัสโลกของความจริงที่ไม่มีการจัดระเบียบแบบแผนอยู่ในสมอง
เป็นตอนเดียวที่เห็นน้ำตาแสดงความรู้สึกของหมอออกมาจากหัวใจ
หมอที่ดี ดีที่ไหน
คือคำถามของอาจารย์หมออาวุโสท่านหนึ่งพูดไว้ตอนกล่าวปัจฉิมนิเทศก์แก่ Residence ตอนสุดท้าย
"จงยอมรับเถอะว่า หมอก็คือมนุษย์ธรรมดา ไม่ได้มีความสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด
ทุกคนควรเป็นหมอที่ดีได้ในแบบของตัวเอง ที่ไม่ต้องเหมือนใคร"
เจ้าของกระทู้ขอพูดถึงหมอปลื้ม หมอเรซิเด้นท์ปี 2 ผู้น้อยอกน้อยใจนิดๆว่าตัวเองเก่งสู้คนอื่นๆไม่ได้
แต่ก็มีน้ำใจสร้างเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆได้เสมอ
หมอปลื้มเป็นคนเปลี่ยนบรรยากาศชั่วโมงพักในห้องแคบๆไปสู่ดาดฟ้า
วิวพาโนราม่า พร้อมเต้นท์นอนข้ามคืน
(ไหนๆก็หาเวลาว่างเข้าป่าไม่ได้ ก็นอนบนป่าคอนกรีตแทนนี่แหละ)
อีกทั้งเป็นสไตลิสต์ให้หมอโฌนในงานแต่งงาน ว่างๆหมอปลื้มก็ทำคลิปวีดิโอหมอง่ายๆให้แฟนคลับได้อ่านได้เห็น
และสิ่งสำคัญคือ หมอปลื้มให้โอกาสพูดคุยกับคนไข้หญิงที่มีอาการอัลไซเมอร์
ลงไปนั่งฟังเธอเล่าเรื่องเกี่ยวกับลูกชาย(ซึ่งตายไปแล้ว)อย่างเข้าใจ ไม่คัดค้าน หรือถอนใจเบื่อหน่าย
ทำให้อดนึกถึงคำพูดของ วิลเลียม ออสเลอร์ ( 1849-1919)
คุณหมอชาวแคนาเดียน หนี่งในผู้บุกเบิกศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ว่า
“ฟังผู้ป่วยของคุณ เขากำลังบอกการวินิจฉัยโรคแก่คุณ.”
“Listenten to your patient, he is telling you the diagnosis”
จะไปต่อหรือพอแค่นี้
เสียงเรียกร้องจากบรรดาผู้ชมอยากให้ให้มี Season ต่อไป
ซึ่งหากดำเนินต่อได้ก็น่าจะสมใจชาวคนรักหมอโฌน
แต่เข้าใจดีว่า ต้องใช้สรรพกำลังมหาศาลอีกมากในการผลิตเรื่องราวเกี่ยวกับคุณหมอๆ โดยเฉพาะทีมงานรีเสริช์
การเตรียมข้อมูลมูลทางการแพทย์ กรณีศึกษาต่างๆที่เผยแพร่ได้บ้างไม่ได้บ้าง
ตัวละครต้องเพิ่ม ต้องลดไป บรรดาคุณหมอตัวจริงอาจจะไม่ได้มีเวลาร่วมฉากอีกแล้ว
อีกทั้งถึงเวลานั้นกระแส หมอโฌน ต้องได้รับการจุดติดใหม่จึงจะต่อเนื่อง
ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทีมงาน จะหยุดแค่นี้ก็ไม่ชวนให้ผิดหวังประการใด
การ Rerun อีกครั้งในช่องที่ Mass ขึ้น น่าจะเป็นหนทางที่เป็นไปได้มากกว่า
ท้ายสุด ขอขอบคุณทีมงานและความตั้งใจที่แสนพิเศษอีกครั้งค่ะ