มหาบัณฑิต มศก.เซ็นให้เพิกถอนปริญญาบัตรแล้ว หลังเจ้าของวิทยานิพนธ์ร้องออกสื่อ

น.ส.จตุพร ดอนโสม อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) บุรีรัมย์ อดีตนักศึกษาปริญญาโท คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท ถูกคัดลอกโดยอดีตนักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยศิลปากร (มศก.) เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2553 แต่เพิ่งเจอในปี 2558 ว่า ความจริงการสอบสวนเกี่ยวกับการตรวจสอบการคัดลอกผลงานวิทยานิพนธ์นั้น ได้รับแจ้งจากหัวหน้าภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มศก.เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2558 โดยจดหมายระบุว่าตามที่ภาควิชามานุษยวิทยา ได้รับจดหมายจากอาจารย์จตุพร ดอนโสม ลงวันที่ 10 เมษายน 2558 เรื่องขอให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องการคัดลอกผลงานวิทยานิพนธ์ ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาสังคมวิทยาการพัฒนา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มข.เมื่อปี 2551 ด้วยวิทยานิพนธ์หัวข้อเรื่อง “การสร้างอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ของคนไทยเชื้อสายเวียดนามบ้านนาจอก ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม” ซึ่งเมื่อวันที่ 4 เมษยน 2558 ที่ผ่านมา ได้ทราบว่าวิทยานิพนธ์ของข้าพเจ้าถูกคัดลอกผลงานโดยนางสาว ว.(นามสมมติ) ที่ได้รับอนุมัติจบจากบัณฑิวิทยาลัยเมื่อปี 2553 ด้วยวิทยานิพนธ์หัวข้อเรื่อง “ทุนทางสังคมและวัฒนธรรมกับการปรับตัวธุรกิจร้านอาหารของคนไทยเชื้อสายเวียดนามในเขตเทศบาลเมืองนครพนม” ทางภาควิชาฯ จึงตรวจสอบเรื่องดังกล่าว พบว่าคัดลอกงานวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจริงในระดับขั้น “รุนแรง” และมีมติเบื้องต้นว่าขอให้เพิกถอนปริญญาบัตรแก่นางสาว ว. ส่วนการดำเนินการเพิกถอนขอให้เป็นไปตามกระบวนการของมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุนี้ภาควิชาฯ จึงประสงค์แจ้งผลการดำเนินการสอบสวนดังกล่าวมายังอาจารย์จตุพร ดอนโสม เพื่อรับทราบ และท้ายสุดภาควิชาฯ ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอโทษต่อการกระทำดังกล่าวมา ณ โอกาสนี้”

น.ส.จตุพรกล่าวต่อว่า พร้อมกันนั้นทาง มศก.ได้แจ้งด้วยว่า ถ้าจะต้องเพิกถอนปริญญาบัตร ต้องให้ มข.ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ เป็นผู้ร้องขอให้เพิกถอน ตนจึงได้แจ้งอธิการบดี มข.เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งอธิการบดี มข.ได้ทำหนังสือถึงอธิการบดี มศก.ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2558 ตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม จนถึงวันนี้เรื่องยังคงเงียบ ตนจึงได้เผยแพร่ผ่านออนไลน์ รวมถึง ออกสื่อ เพราะคิดว่าน่าจะทำให้เรื่องคืบหน้าไปได้บ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เคยติดต่อไปยังผู้คัดลอกวิทยานิพนธ์บ้างหรือไม่ น.ส.จตุพร กล่าวว่า เคยติดต่อไปที่คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มศก.โดยตรง ว่าขอให้คนคัดลอกติดต่อตนเพื่อขอโทษ แต่เรื่องก็เงียบ ตนจึงโทร.ไปที่บัณฑิตวิทยาลัยเป็นครั้งที่ 2 แจ้งว่าถ้ายังไม่ขอโทษ ตนจะเปิดเผยเรื่องนี้กับสื่อ จนได้รับการติดต่อกลับจากผู้ที่คัดลอกเมื่อเดือนมิถุนายน 2558 โดยนางสาว ว. ได้โทร.มาขอโทษ เมื่อตนสอบถามว่าได้จ้างทำวิทยานิพนธ์หรือไม่ เพราะคนรับจ้างอาจคัดลอกวิทยานิพนธ์ของตนโดยที่คนว่าจ้างไม่รู้ก็ได้ แต่ไม่ได้คำตอบชัดเจน ตนจึงหยุดการติดต่อกับคนคัดลอก เพราะไม่มีประโยชน์ เนื่องจากเป้าหมายของตนคือการเพิกถอนปริญญาบัตร ดังนั้น จึงได้โทร.สอบถามบัณฑิตวิทยาลัยถึงความคืบหน้าของการเพิกถอนปริญญาบัตรของผู้คัดลอก แต่บัณฑิตวิทยาลัย มศก.ตอบกลับมาเหมือนทุกครั้งว่ากำลังจะเอาเข้าที่ประชุมสภา มศก.แต่ก็ยังไม่มีการนำเข้าที่ประชุมสภา มศก.เลยจนถึงตอนนี้ ตนจำได้ว่าบอกทางบัณฑิตวิทยาลัยไปว่าถ้าเพิกถอนปริญญาบัตรแล้ว ขอหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย ทางบัณฑิตวิทยาลัยยังตอบกลับมาว่าถ้าต้องการ จะทำให้

“ดิฉันคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างเมื่อระบบราชการปกติไม่สามารถทำอะไรได้ เดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็เลยไปสอบถามทาง มข.ว่าทาง มศก.ติดต่อกลับมาบ้างหรือไม่ ได้รับคำตอบว่าไม่ได้รับการติดต่อใดๆ กลับมาจาก มศก.เลย จึงตัดสินใจเผยแพร่เรื่องนี้ทางออนไลน์ และสื่อ” น.ส.จตุพรกล่าว

นางสาว ว. (นามสมมติ) อดีตนักวิจัยอิสระ อดีตนักศึกษาคณะโบราณคดี มศก.ที่ถูกกล่าวหาว่าคัดลอกวิทยานิพนธ์ กล่าวว่า หลังจบปริญญาโท ตนไปเป็นนักวิจัยอิสระอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ จากนั้นป่วยด้วยโรคลูคีเมียเมื่อปี 2555-2556 จึงลาออกไปพักรักษาตัวอยู่ที่ จ.นครพนม ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ในส่วนของวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท ตนทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเทศบาลเมือง ซึ่ง น.ส.จตุพร ทำเกี่ยวกับเทศบาลอีกแห่ง อีกทั้งข้อมูลของ น.ส.จตุพรที่ถูกดึงมาเป็นข้อมูลประวัติศาสตร์ ความจริงไม่ต้องเอามาก็ได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับหัวข้อวิทยานิพนธ์ที่ทำ เพียงแต่เห็นว่าเชื่อมโยงกันเลยดึงมา โดยข้อมูลดังกล่าวตนจ้างเด็กในพื้นที่เก็บข้อมูล และไม่รู้ว่าข้อมูลที่เก็บมาเป็นของ น.ส.จตุพร จึงไม่ได้ใส่ชื่อ ส่วนข้อมูลที่อ้างอิงมาจากคนอื่นๆ ตนใส่ชื่อหมด แต่มารู้ว่าเป็นข้อมูลของ น.ส.จตุพรประมาณเดือนมิถุนายน 2558 เพราะได้รับการติดต่อจากภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มศก.และเมื่อเดินทางไปที่มหาวิทยาลัย เห็นเอกสารข้อมูลรีวิวว่าเหมือนวิทยานิพนธ์ของ น.ส.จตุพร ก็ตกใจมาก เพราะตอนจ้างเก็บข้อมูล ผู้รับจ้างไม่ได้บอกว่าเอามาจากของคนอื่น ซึ่งอาจารย์ภาควิชาบอกว่าเหมือนถึง 60% แต่ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะเวลาผ่านมา 5-6 ปี ตนรู้สึกเสียใจ เพราะแก้ไขอะไรไม่ได้ ถ้ารู้ตั้งแต่ตอนที่ยังเรียนอยู่ อาจารย์คงปรับตกแล้วให้ทำเรื่องใหม่ อย่างไรก็ตาม ตนได้รับผิดชอบในส่วนที่ทำผิดพลาด โดยได้เซ็นยินยอมกับทางภาควิชาฯ ว่าให้เพิกถอนปริญญาบัตร และไม่เผยแพร่วิทยานิพนธ์ดังกล่าว เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาอีก พร้อมกันนี้ได้ฝากขอโทษไปยัง น.ส.จตุพรอีกครั้ง

“เมื่อเดือนมิถุนายน 2558 ทาง มศก.ต่อสายให้คุยกับ น.ส.จตุพร ซึ่งหนูได้ขอโทษ น.ส.จตุพรไปแล้ว และอยากฝากบอก น.ส.จตุพรอีกครั้งว่าหนูจะเร่ง มศก.ให้นำเรื่องนี้เข้าสภาฯ เพื่อพิจารณาเพิกถอนปริญญาบัตร เพราะหนูเองก็อยากเรื่องยุติโดยเร็ว นับแต่เกิดเรื่อง ส่งผลกระทบต่อตัวเอง และครอบครัวมาโดยตลอด เกิดความเครียด จึงอยากให้เรื่องนี้ยุติ ความจริงที่ผ่านมาก็รอการติดต่อจาก มศก.มาโดยตลอด แต่เรื่องก็เงียบ และความจริงไม่อยากให้เป็นข่าว เพราะที่ผ่านมาก็ได้รับผิดชอบในส่วนที่ตัวเองทำผิดพลาดไปแล้ว ด้วยการเซ็นยินยอมให้เพิกถอนปริญญาบัตร แต่จู่ๆ เป็นข่าวขึ้น ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”นางสาว ว.กล่าว

นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เห็นด้วยกับการถอดถอนปริญญาบัตรของนักศึกษาที่ลอกวิทยานิพนธ์ เพราะถ้า มศก.ไม่มีบทลงโทษ เท่ากับสมรู้ร่วมคิด และทำให้เสียชื่อเสียงมหาวิทยาลัยได้ กรณีนี้จะเป็นกรณีศึกษาที่ทำให้อุดมการณ์ทางสังคมตื่นเสียที ส่วนสาเหตุที่ทำให้การลอกวิทยานิพนธ์หลุดออกมาเรื่อยๆ เพราะปัจจุบันทำธุรกิจอุดมศึกษาเยอะ เน้นแต่ปริมาณ ไม่เน้นคุณภาพ ทำให้คณะกรรมการขาดความพิถีพิถัน และหละหลวมในการตรวจสอบวิทยานิพนธ์ โดยในอนาคตจะมีแนวโน้มลอกวิทยานิพนธ์เพิ่มมากขึ้น

“หัวข้อธีซิสในปัจจุบันมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก ดังนั้น ควรมีโปรแกรมตรวจสอบหัวข้อธีซิส ในอดีตหากตรวจสอบพบว่าลอกธีซิส ถ้าลอกเล็ก คือลอกบางส่วน แค่ตักเตือน แต่ถ้าลอกใหญ่ คือลอก 90% ต้องถอดถอนปริญญาบัตร ส่วนปัจจุบันถ้าตรวจสอบพบว่ามีการลอก อาจารย์ที่ปรึกษาทำธีซิสต้องรับผิดชอบด้วย นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ควรต้องออกกฎระเบียบที่มีบทลงโทษเป็นขั้นเป็นตอนชัดเจน ไม่ใช่ให้สภามหาวิทยาลัยรับผิดชอบอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนบทลงโทษนั้น นอกจากถอดถอนปริญญาบัตรแล้ว ต้องขึ้นแบล็คลิสต์ไว้ เพื่อให้มีข้อมูลประกอบในการสัมภาษณ์งานด้วย เพราะถ้าไม่ลงโทษเช่นนี้ต่อไปจะเสียหายร้ายแรง”นายสมพงษ์กล่าว

http://www.matichon.co.th/news/108654
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่