พี่สาวของดิฉัน หลังจากแต่งงานก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านของสามี (พี่เขย)
แต่งงานมาได้ 15 ปีแล้ว มีลูกสองคนสามีไม่ค่อยจะใส่ใจเท่าไหร่ แต่ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร
เพียงแต่สนใจแต่งาน อยากได้ตำแหน่งสูงขึ้น ติดสังคมเพื่อนฝูง
จ่ายเงินให้พี่เดือนละเกือบครึ่งแสนทุกเดือน
เพื่อให้พี่สาวทำหน้าที่เลี้ยงลูกและดูแลเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับลูกทั้งหมด
พี่สาวเองก็ทำงานประจำ บ.เอกชน เงินเดือน 4 หมื่นกว่าๆ ทางบ้านไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน
แต่จะมีปัญหาเรื่องการกระทบกระทั่งเสมอ กับแม่ของสามีที่รักลูกชายเขามาก
เมื่อมีเรื่องอะไร แม่สามีก็จะด่าว่าพี่สาวด้วยคำเหน็บแนม และเห็นว่าลูกของเขาทำทุกเสมอ
สามีเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเผด็จการและจะตัดสินใจทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องลูก เรื่องอื่นๆ
โดยไม่รับฟังความเห็นของคนอื่น และหากมีปัญหาผิดพลาด
มักจะโทษว่าเป็นความผิดของพี่สาวเสมอๆ โดยมีแม่สามีคอยกล่าวย้ำซ้ำเติม
พี่สาวจึงต้องทนอยู่ในความกดดันแบบนี้มาตลอด 15 ปี
ที่อยู่ได้ก็เพียงเพราะความรักที่มีต่อลูกทั้งสองคน
เมื่อก่อนที่จะแต่งงาน พี่สาวจะเป็นคนที่ชอบทำทาน
ใจเย็น เป็นคนไม่พูดคำหยาบเลย อารมณ์ดีสนุกสนาน
สนใจธรรมะในด้านการทำทาน รักษาศีลบ้าง
หลังจากแต่งงานมาหลายปี พี่เปลี่ยนเป็นคนซึมเศร้าง่าย
นานทีบางครั้งก็ใจร้อนเกรี้ยวกราด แล้วก็จะมารู้สึกผิดเสียใจกับการกระทำที่ทำลงไปเสมอ
เวลาที่มีเหตุการณ์อะไรที่มีความผิดพลาด
ก็มักจะชอบคิดอยู่คนเดียวว่าความผิดพลาดมาจากตนเอง
เริ่มเป็นคนท้อแท้ง่าย แต่ไม่ได้ถึงกับเป็นคนซึมเศร้า
เพราะก็ยังทำงานต่างๆ ได้ และดูแลเลี้ยงลูกได้ปกติไม่บกพร่อง
แต่อาจเป็นคนเก็บตัวมากขึ้นจากที่เคยร่าเริง
หากเมื่อกลับมาบ้านก็จะมีแต่ความหดหู่ ร้องไห้ง่ายๆ กับเรื่องราวเล็กน้อย
แต่ภายนอกที่แสดงออกกับคนอื่น จะเหมือนดูเข้มแข็ง
หลังๆ ดิฉันต้องคุยกันเกือบทุกวันเพราะเป็นห่วงจิตใจ
จะชวนให้ไปปฏิบัติธรรมก็เป็นไปได้ยากเพราะมีลูกยังติดอยู่สองคน
ดิฉันเองก็อยู่ห่างไกลและมักจะใช้เวลาอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ ก็ไม่สะดวก
ปัจจุบันพี่ก็ใช้การอ่านหนังสือธรรมะเล็กน้อยบ้างก่อนนอน
แต่บางครั้ง พออ่านไปบางเรื่องเช่นกฏแห่งกรรม
แกก็มักจะรู้สึกผิดขึ้นมาอีกว่า ที่มาเจอแบบนี้ก็คงเพราะตนเองทำกรรมไว้มาก
เลยอยากถามท่านที่เคยผ่านช่วงเวลาแบบนี้
หรือมีประสบการณ์กับคนใกล้ตัวแบบนี้
ช่วยแนะนำหนังสือหรือสื่อ และเทคนิคใดๆ
ที่พอจะช่วยปรับทัศนคติมุมมอง ให้ในกรณีแบบนี้ได้บ้างคะ
(ที่เห็นว่าหนังสือยังพอช่วยได้ เพราะพี่เขาเป็นคนชอบอ่าน ชอบศึกษาอยู่บ้างค่ะ)
ขอบคุณค่ะ
ช่วยแนะนำหนังสือหรือเทคนิคที่จะช่วยเปลี่ยนทัศนคติให้ผู้หญิงที่ท้อแท้ง่าย ชอบโทษตัวเอง มองโลกแง่ลบหน่อยค่ะ
แต่งงานมาได้ 15 ปีแล้ว มีลูกสองคนสามีไม่ค่อยจะใส่ใจเท่าไหร่ แต่ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร
เพียงแต่สนใจแต่งาน อยากได้ตำแหน่งสูงขึ้น ติดสังคมเพื่อนฝูง
จ่ายเงินให้พี่เดือนละเกือบครึ่งแสนทุกเดือน
เพื่อให้พี่สาวทำหน้าที่เลี้ยงลูกและดูแลเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับลูกทั้งหมด
พี่สาวเองก็ทำงานประจำ บ.เอกชน เงินเดือน 4 หมื่นกว่าๆ ทางบ้านไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน
แต่จะมีปัญหาเรื่องการกระทบกระทั่งเสมอ กับแม่ของสามีที่รักลูกชายเขามาก
เมื่อมีเรื่องอะไร แม่สามีก็จะด่าว่าพี่สาวด้วยคำเหน็บแนม และเห็นว่าลูกของเขาทำทุกเสมอ
สามีเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเผด็จการและจะตัดสินใจทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องลูก เรื่องอื่นๆ
โดยไม่รับฟังความเห็นของคนอื่น และหากมีปัญหาผิดพลาด
มักจะโทษว่าเป็นความผิดของพี่สาวเสมอๆ โดยมีแม่สามีคอยกล่าวย้ำซ้ำเติม
พี่สาวจึงต้องทนอยู่ในความกดดันแบบนี้มาตลอด 15 ปี
ที่อยู่ได้ก็เพียงเพราะความรักที่มีต่อลูกทั้งสองคน
เมื่อก่อนที่จะแต่งงาน พี่สาวจะเป็นคนที่ชอบทำทาน
ใจเย็น เป็นคนไม่พูดคำหยาบเลย อารมณ์ดีสนุกสนาน
สนใจธรรมะในด้านการทำทาน รักษาศีลบ้าง
หลังจากแต่งงานมาหลายปี พี่เปลี่ยนเป็นคนซึมเศร้าง่าย
นานทีบางครั้งก็ใจร้อนเกรี้ยวกราด แล้วก็จะมารู้สึกผิดเสียใจกับการกระทำที่ทำลงไปเสมอ
เวลาที่มีเหตุการณ์อะไรที่มีความผิดพลาด
ก็มักจะชอบคิดอยู่คนเดียวว่าความผิดพลาดมาจากตนเอง
เริ่มเป็นคนท้อแท้ง่าย แต่ไม่ได้ถึงกับเป็นคนซึมเศร้า
เพราะก็ยังทำงานต่างๆ ได้ และดูแลเลี้ยงลูกได้ปกติไม่บกพร่อง
แต่อาจเป็นคนเก็บตัวมากขึ้นจากที่เคยร่าเริง
หากเมื่อกลับมาบ้านก็จะมีแต่ความหดหู่ ร้องไห้ง่ายๆ กับเรื่องราวเล็กน้อย
แต่ภายนอกที่แสดงออกกับคนอื่น จะเหมือนดูเข้มแข็ง
หลังๆ ดิฉันต้องคุยกันเกือบทุกวันเพราะเป็นห่วงจิตใจ
จะชวนให้ไปปฏิบัติธรรมก็เป็นไปได้ยากเพราะมีลูกยังติดอยู่สองคน
ดิฉันเองก็อยู่ห่างไกลและมักจะใช้เวลาอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ ก็ไม่สะดวก
ปัจจุบันพี่ก็ใช้การอ่านหนังสือธรรมะเล็กน้อยบ้างก่อนนอน
แต่บางครั้ง พออ่านไปบางเรื่องเช่นกฏแห่งกรรม
แกก็มักจะรู้สึกผิดขึ้นมาอีกว่า ที่มาเจอแบบนี้ก็คงเพราะตนเองทำกรรมไว้มาก
เลยอยากถามท่านที่เคยผ่านช่วงเวลาแบบนี้
หรือมีประสบการณ์กับคนใกล้ตัวแบบนี้
ช่วยแนะนำหนังสือหรือสื่อ และเทคนิคใดๆ
ที่พอจะช่วยปรับทัศนคติมุมมอง ให้ในกรณีแบบนี้ได้บ้างคะ
(ที่เห็นว่าหนังสือยังพอช่วยได้ เพราะพี่เขาเป็นคนชอบอ่าน ชอบศึกษาอยู่บ้างค่ะ)
ขอบคุณค่ะ