ฉันโดนขโมยเงินเกือบแสนบนเครื่องบิน…ต้องจับคนร้ายให้ได้ก่อนแลนดิ้ง
เรื่องจากคุณ ไพรส์ อำไพ ปัญจอุดมทรัพย์
ไพรส์ อำไพ ปัญจอุดมทรัพย์ 32 ปี, กราฟฟิคดีไซเนอร์ เล่าว่า…
หลับไปแว๊บเดียว ตื่นมากระเป๋าตังค์ก็หายไป
“ไฟลท์ขากลับจากเที่ยวญี่ปุ่น เรากับแฟนเหนื่อยกันมาก กินอาหารเสร็จก็หลับไป แฟนตื่นมาบอกว่ากระเป๋าคาดเอวหายไป ในนั้นมีกระเป๋าสตางค์ใส่เงินสดสองแสนเยน โทรศัพท์มือถือ และบัตรเครดิตต่างๆ เราช่วยแฟนหากระเป๋าทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่เจอ ตอนนั้นรู้เลยว่า น่าจะโดนขโมยแล้วแน่ๆ ดูเวลาแล้วตัดสินใจทันว่า เราต้องหาตัวคนร้ายให้ได้ภายใน 2 ชั่วโมงนี้เท่านั้น ก่อนที่เครื่องบินจะลงจอด
2 ชั่วโมงก่อนเครื่องลงต้องหาคนร้ายให้เจอ
“ตอนนั้นวาดภาพแผนที่นั่งในหัวขึ้นมาเลย โชคดีว่าเราจำได้ตอนเดินขึ้นเครื่องมา เราและแฟนนั่งแถวรองสุดท้ายก่อนถึงห้องน้ำในชั้น Economy โซน 2 ถัดจากชั้น Business แถวหลังเราเป็นผู้ชายหัวฟูๆ ใส่แจ๊คเก็ตลายภาษาญี่ปุ่น เขานอนยาวสามเบาะตั้งแต่เราเดินขึ้นเครื่องมา ส่วนแถวหน้าเป็นคู่ฝรั่งคุณแม่กับลูกเล็กประมาณ 2 ขวบ เบาะข้างซ้ายของผู้ชายนอนยาวเป็นวัยรุ่นสาวไทยสองคน ส่วนเบาะข้างซ้ายของเรา เป็นกลุ่มคุณป้าคนไทยเพื่อนกันสามคน” พอคิดได้อย่างนี้ปุ๊บ เราหันไปเช็ครอบข้าง ปรากฎว่าทุกคนยังนั่งอยู่ที่เดิม ยกเว้น…ผู้ชายหัวฟูที่เบาะหลังเรา!!
รวบรวมพยานเบาะรอบข้าง…เริ่ม!
“ทันทีที่เราบอกแอร์ เขาก็ถามเราเลยว่าสงสัยใคร แน่นอน เราสงสัยผู้ชายที่นอนข้างหลังว่าหายไปไหน เลยหันไปถามกลุ่มคุณป้า และน้องผู้หญิงวัยรุ่นที่นั่งอยู่ข้างๆ ทุกคนตอบตรงกันว่า ไม่เห็นเลยว่าผู้ชายคนนี้ย้ายไปไหนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ทุกคนช่วยกันบอกสิ่งที่จำได้มาว่า…
กลุ่มคุณป้า: “ป้าเห็นผู้ชายคนนั้นใส่รองเท้า Crocs สีขาว”
น้องวัยรุ่น: “ปกพาสปอร์ตเขาสีแดง หนูเห็นตอนเขากรอกใบเข้าประเทศ”
กลุ่มคุณป้า: “ก่อนเครื่องขึ้นป้าเห็นเขาไปขอถ่ายรูปคู่แอร์ด้วย”
นักสืบจากหลายโซน ทำให้เราใกล้เจอความจริง
ระหว่างที่พวกเราและพยานที่ให้เบาะแสเริ่มออกเดินหาชายต้องสงสัย เข้าค้นดูในห้องน้ำเผื่อมีอะไรจะแกะรอยได้ ก็ทำให้เราได้เบาะแสเพิ่มอีก เช่น มีคนจำได้ว่า “เขาใส่หูฟังสีฟ้า” “สวมแจ็คเก็ตสีฟ้าอ่อนๆ” “เขาใส่กางเกงแนวชาวเขา” แต่เดินหาทั้งโซนเราก็ไม่เจอผู้ชายคนนั้นอีกเลย จนกระทั่ง…คุณยายจากโซน 3 มาถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอเราเล่าให้ฟัง คุณยายก็บอกทันทีว่า “ยายว่าต้องเป็นผู้ชายคนที่หิ้วของพะรุงพะรังแน่เลย เขาเดินไปเดินมาหลายครั้ง และทุกครั้งที่เดินจะมีเสียงกรุ๊งกริ๊งด้วย เนี่ยเขาไม่ได้เดินกลับมาข้างหน้าแน่นอน หนูลองไปเดินหาดูข้างหลังนะ” ข้อมูลนี้ของยายเป็นประโยชน์มาก ทำให้พวกเราแน่ใจว่า คนร้ายต้องแฝงตัวอยู่ในชั้นประหยัดโซน 3 นี่ล่ะ พวกเราจึงเดินตามหากันอีกโดยสังเกตจากร้อง เท้า Crocs
คนร้ายปลอมตัวแทบจำไม่ได้!!
ในระหว่างที่เดินกันอยู่นั้น ผู้ชายคนนึงสะกิดแฟนเรา และบอกว่า “น้องเห็นคนข้างหลังมั้ย คนนั้นลูกสาวผม ถัดไปอีกสองเบาะน้องจะเห็นผู้ชายคนนึงหน้าตี๋ๆ ใส่แว่นผมเรียบ ผมว่าคนนั้นนะ น้องลองไปดู ถ้าใช่…รวบตัวเลย” พอเราหันไปมองปุ๊บ เฮ้ย! นี่ มันคนละคนกับคนที่นอนอยู่ข้างหลังเราเลย ไม่นะ นี่แปลว่า เขาแปลงร่างเหรอเนี่ย ตอนนั้นหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เราเดินอ้อมไปดูว่า…เขาใส่รองเท้า Crocs สีขาวหรือเปล่า? ปรากฏว่า…ใช่เลย! ผู้ชายอีกคนที่นั่งด้านหลังยังยืนยันกับเราอีกว่า “น้องๆ ผู้ชายข้างหน้าผม เขามานั่งตรงนี้หลังจากทานข้าวเสร็จ ถือของพะรุงพะรัง เดินไปเดินมาหลายรอบ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า และมีเสียงกรุ๊งกริ๊งด้วย” เราเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด ทันใดนั้นเหมือนว่าเขาไหวตัวทันลุกขึ้นจะเข้าห้องน้ำ!
คุณป้าฮีโร่เข้าไปชาร์จตัวคนร้าย
ทันทีที่คนร้ายลุกขึ้น ในมือหอบกระเป๋าผ้า เหมือนจะเข้าไปทิ้งหลักฐานในห้องน้ำ จังหวะนั้นคุณป้าคนหนึ่งตะโกนว่า “เฮ้ย มันจะเข้าห้องน้ำ” ว่าแล้วป้าเข้าไปชาร์จกระชากกระเป๋าผ้ามา ท่ามกลางความชุลมุน คุณป้าก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋า ปรากฎว่าเจอเสื้อแจ็คเก็ตสีฟ้าที่เขาใส่ตั้งแต่แรก หยิบผ้าอีกกองหนึ่งมา เจอโทรศัพทของแฟนเราถูกห่อไว้ พวกเราไปหยิบกระเป๋าเป้เขามาค้นแต่ปรากฏว่าไม่เจออะไร นาทีนั้นแฟนเราจึงอ้างว่าเป็นตำรวจแล้วขอค้นตัวเขา บอกเขาว่าให้เอาของคืนมาทุกอย่าง แล้วจะไม่เอาเรื่อง เขาก็เริ่มอ่อนลง
เราได้คืนทุกอย่างแบบไม่น่าเชื่อ
แฟนเราเริ่มจากล้วงไปที่กางเกงของขโมย ปรากฏว่าเขาใส่กางเกงถึง 3 ชั้น และนำเงินที่ขโมยแยกใส่กระเป๋าสตางค์ของเขาเอง อีกข้างของกระเป๋ากางเกงเราเจอแบตเตอรี่มือถือของเรา ส่วนกระเป๋าสตางค์เปล่าๆ เขาเอาไปซ่อนไว้ที่ใต้ฝ่าเท้าซ้าย ส่วนใต้ฝ่าเท้าขวาเป็นที่ซ่อนบัตรเครดิตต่างๆ กระเป๋าคาดเอวสีส้มที่เราตามหา เขาผูกไว้ตรงก้นระหว่างกางเกงในกับกางเกงชั้นที่ 2!! ซิปที่ติดกับกระเป๋าคาดเอวถูกแกะออกไปใส่ไว้ในกระเป๋าใส่เหรียญ สรุปว่าของต่างๆ เราได้คืนครบหมด ที่สำคัญคือพอค้นเจอของทั้งหมด โจรญี่ปุ่นคนนี้คุกเข่าก้มหัวขอโทษเราแบบญี่ปุ่นเลย ทันเวลาที่เครื่องจะลงจอดพอดี หลังจากถึงสนามบินเขาก็ถูกนำตัวไปสู่กระบวนการสอบสวนต่อที่สถานีตำรวจ ทำให้เรารู้ว่า ผู้ชายคนนี้เขาคือขโมยแบบมืออาชีพ ที่ลงทุนบินถึง 8 เที่ยวต่อเดือน เพื่อขโมยของบนเครื่องนี่ล่ะ!
Safety Tips on board
ขึ้นเครื่องต้องระวัง!!
– ขโมยจะฉกของเราจากข้างหน้าต่างและริมทางเดิน ดังนั้น เก็บเงินไว้กับกระเป๋ากางเกงเท่านั้น เมื่อจะหลับ
– เมื่อนั่งแล้ว ลองหันไปจดจำลักษณะคนรอบข้างเอาไว้
– ถ้าจะย้ายที่นั่ง ต้องแจ้งแอร์เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของเรา เผื่อโชคร้ายที่เราอาจต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัย
– พยายามใส่ของไว้บนเคบินฝั่งตรงข้ามเรา จะได้มองเห็นว่ามีใครมาเปิดเคบินบ้าง
– ขโมยมืออาชีพไม่ค่อยมีกระเป๋าที่ต้องโหลด และจะไม่ทิ้งของไว้บนเครื่องบิน เพราะเป็นหลักฐานสำคัญ ·
– ถ้าพกเงินสดเป็นปึก ให้ทำสัญลักษณ์ไว้ เช่น เอาตัวปั๊มมาปั๊มด้านสันปึก หรือป้ายปากกาไฮไลท์ แล้วถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน
ที่มา
https://www.facebook.com/tammishot/posts/10209247939056222
ฉันโดนขโมยเงินเกือบแสนบนเครื่องบิน…ต้องจับคนร้ายให้ได้ก่อนแลนดิ้ง
เรื่องจากคุณ ไพรส์ อำไพ ปัญจอุดมทรัพย์
ไพรส์ อำไพ ปัญจอุดมทรัพย์ 32 ปี, กราฟฟิคดีไซเนอร์ เล่าว่า…
หลับไปแว๊บเดียว ตื่นมากระเป๋าตังค์ก็หายไป
“ไฟลท์ขากลับจากเที่ยวญี่ปุ่น เรากับแฟนเหนื่อยกันมาก กินอาหารเสร็จก็หลับไป แฟนตื่นมาบอกว่ากระเป๋าคาดเอวหายไป ในนั้นมีกระเป๋าสตางค์ใส่เงินสดสองแสนเยน โทรศัพท์มือถือ และบัตรเครดิตต่างๆ เราช่วยแฟนหากระเป๋าทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่เจอ ตอนนั้นรู้เลยว่า น่าจะโดนขโมยแล้วแน่ๆ ดูเวลาแล้วตัดสินใจทันว่า เราต้องหาตัวคนร้ายให้ได้ภายใน 2 ชั่วโมงนี้เท่านั้น ก่อนที่เครื่องบินจะลงจอด
2 ชั่วโมงก่อนเครื่องลงต้องหาคนร้ายให้เจอ
“ตอนนั้นวาดภาพแผนที่นั่งในหัวขึ้นมาเลย โชคดีว่าเราจำได้ตอนเดินขึ้นเครื่องมา เราและแฟนนั่งแถวรองสุดท้ายก่อนถึงห้องน้ำในชั้น Economy โซน 2 ถัดจากชั้น Business แถวหลังเราเป็นผู้ชายหัวฟูๆ ใส่แจ๊คเก็ตลายภาษาญี่ปุ่น เขานอนยาวสามเบาะตั้งแต่เราเดินขึ้นเครื่องมา ส่วนแถวหน้าเป็นคู่ฝรั่งคุณแม่กับลูกเล็กประมาณ 2 ขวบ เบาะข้างซ้ายของผู้ชายนอนยาวเป็นวัยรุ่นสาวไทยสองคน ส่วนเบาะข้างซ้ายของเรา เป็นกลุ่มคุณป้าคนไทยเพื่อนกันสามคน” พอคิดได้อย่างนี้ปุ๊บ เราหันไปเช็ครอบข้าง ปรากฎว่าทุกคนยังนั่งอยู่ที่เดิม ยกเว้น…ผู้ชายหัวฟูที่เบาะหลังเรา!!
รวบรวมพยานเบาะรอบข้าง…เริ่ม!
“ทันทีที่เราบอกแอร์ เขาก็ถามเราเลยว่าสงสัยใคร แน่นอน เราสงสัยผู้ชายที่นอนข้างหลังว่าหายไปไหน เลยหันไปถามกลุ่มคุณป้า และน้องผู้หญิงวัยรุ่นที่นั่งอยู่ข้างๆ ทุกคนตอบตรงกันว่า ไม่เห็นเลยว่าผู้ชายคนนี้ย้ายไปไหนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ทุกคนช่วยกันบอกสิ่งที่จำได้มาว่า…
กลุ่มคุณป้า: “ป้าเห็นผู้ชายคนนั้นใส่รองเท้า Crocs สีขาว”
น้องวัยรุ่น: “ปกพาสปอร์ตเขาสีแดง หนูเห็นตอนเขากรอกใบเข้าประเทศ”
กลุ่มคุณป้า: “ก่อนเครื่องขึ้นป้าเห็นเขาไปขอถ่ายรูปคู่แอร์ด้วย”
นักสืบจากหลายโซน ทำให้เราใกล้เจอความจริง
ระหว่างที่พวกเราและพยานที่ให้เบาะแสเริ่มออกเดินหาชายต้องสงสัย เข้าค้นดูในห้องน้ำเผื่อมีอะไรจะแกะรอยได้ ก็ทำให้เราได้เบาะแสเพิ่มอีก เช่น มีคนจำได้ว่า “เขาใส่หูฟังสีฟ้า” “สวมแจ็คเก็ตสีฟ้าอ่อนๆ” “เขาใส่กางเกงแนวชาวเขา” แต่เดินหาทั้งโซนเราก็ไม่เจอผู้ชายคนนั้นอีกเลย จนกระทั่ง…คุณยายจากโซน 3 มาถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอเราเล่าให้ฟัง คุณยายก็บอกทันทีว่า “ยายว่าต้องเป็นผู้ชายคนที่หิ้วของพะรุงพะรังแน่เลย เขาเดินไปเดินมาหลายครั้ง และทุกครั้งที่เดินจะมีเสียงกรุ๊งกริ๊งด้วย เนี่ยเขาไม่ได้เดินกลับมาข้างหน้าแน่นอน หนูลองไปเดินหาดูข้างหลังนะ” ข้อมูลนี้ของยายเป็นประโยชน์มาก ทำให้พวกเราแน่ใจว่า คนร้ายต้องแฝงตัวอยู่ในชั้นประหยัดโซน 3 นี่ล่ะ พวกเราจึงเดินตามหากันอีกโดยสังเกตจากร้อง เท้า Crocs
คนร้ายปลอมตัวแทบจำไม่ได้!!
ในระหว่างที่เดินกันอยู่นั้น ผู้ชายคนนึงสะกิดแฟนเรา และบอกว่า “น้องเห็นคนข้างหลังมั้ย คนนั้นลูกสาวผม ถัดไปอีกสองเบาะน้องจะเห็นผู้ชายคนนึงหน้าตี๋ๆ ใส่แว่นผมเรียบ ผมว่าคนนั้นนะ น้องลองไปดู ถ้าใช่…รวบตัวเลย” พอเราหันไปมองปุ๊บ เฮ้ย! นี่ มันคนละคนกับคนที่นอนอยู่ข้างหลังเราเลย ไม่นะ นี่แปลว่า เขาแปลงร่างเหรอเนี่ย ตอนนั้นหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เราเดินอ้อมไปดูว่า…เขาใส่รองเท้า Crocs สีขาวหรือเปล่า? ปรากฏว่า…ใช่เลย! ผู้ชายอีกคนที่นั่งด้านหลังยังยืนยันกับเราอีกว่า “น้องๆ ผู้ชายข้างหน้าผม เขามานั่งตรงนี้หลังจากทานข้าวเสร็จ ถือของพะรุงพะรัง เดินไปเดินมาหลายรอบ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า และมีเสียงกรุ๊งกริ๊งด้วย” เราเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด ทันใดนั้นเหมือนว่าเขาไหวตัวทันลุกขึ้นจะเข้าห้องน้ำ!
คุณป้าฮีโร่เข้าไปชาร์จตัวคนร้าย
ทันทีที่คนร้ายลุกขึ้น ในมือหอบกระเป๋าผ้า เหมือนจะเข้าไปทิ้งหลักฐานในห้องน้ำ จังหวะนั้นคุณป้าคนหนึ่งตะโกนว่า “เฮ้ย มันจะเข้าห้องน้ำ” ว่าแล้วป้าเข้าไปชาร์จกระชากกระเป๋าผ้ามา ท่ามกลางความชุลมุน คุณป้าก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋า ปรากฎว่าเจอเสื้อแจ็คเก็ตสีฟ้าที่เขาใส่ตั้งแต่แรก หยิบผ้าอีกกองหนึ่งมา เจอโทรศัพทของแฟนเราถูกห่อไว้ พวกเราไปหยิบกระเป๋าเป้เขามาค้นแต่ปรากฏว่าไม่เจออะไร นาทีนั้นแฟนเราจึงอ้างว่าเป็นตำรวจแล้วขอค้นตัวเขา บอกเขาว่าให้เอาของคืนมาทุกอย่าง แล้วจะไม่เอาเรื่อง เขาก็เริ่มอ่อนลง
เราได้คืนทุกอย่างแบบไม่น่าเชื่อ
แฟนเราเริ่มจากล้วงไปที่กางเกงของขโมย ปรากฏว่าเขาใส่กางเกงถึง 3 ชั้น และนำเงินที่ขโมยแยกใส่กระเป๋าสตางค์ของเขาเอง อีกข้างของกระเป๋ากางเกงเราเจอแบตเตอรี่มือถือของเรา ส่วนกระเป๋าสตางค์เปล่าๆ เขาเอาไปซ่อนไว้ที่ใต้ฝ่าเท้าซ้าย ส่วนใต้ฝ่าเท้าขวาเป็นที่ซ่อนบัตรเครดิตต่างๆ กระเป๋าคาดเอวสีส้มที่เราตามหา เขาผูกไว้ตรงก้นระหว่างกางเกงในกับกางเกงชั้นที่ 2!! ซิปที่ติดกับกระเป๋าคาดเอวถูกแกะออกไปใส่ไว้ในกระเป๋าใส่เหรียญ สรุปว่าของต่างๆ เราได้คืนครบหมด ที่สำคัญคือพอค้นเจอของทั้งหมด โจรญี่ปุ่นคนนี้คุกเข่าก้มหัวขอโทษเราแบบญี่ปุ่นเลย ทันเวลาที่เครื่องจะลงจอดพอดี หลังจากถึงสนามบินเขาก็ถูกนำตัวไปสู่กระบวนการสอบสวนต่อที่สถานีตำรวจ ทำให้เรารู้ว่า ผู้ชายคนนี้เขาคือขโมยแบบมืออาชีพ ที่ลงทุนบินถึง 8 เที่ยวต่อเดือน เพื่อขโมยของบนเครื่องนี่ล่ะ!
Safety Tips on board
ขึ้นเครื่องต้องระวัง!!
– ขโมยจะฉกของเราจากข้างหน้าต่างและริมทางเดิน ดังนั้น เก็บเงินไว้กับกระเป๋ากางเกงเท่านั้น เมื่อจะหลับ
– เมื่อนั่งแล้ว ลองหันไปจดจำลักษณะคนรอบข้างเอาไว้
– ถ้าจะย้ายที่นั่ง ต้องแจ้งแอร์เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของเรา เผื่อโชคร้ายที่เราอาจต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัย
– พยายามใส่ของไว้บนเคบินฝั่งตรงข้ามเรา จะได้มองเห็นว่ามีใครมาเปิดเคบินบ้าง
– ขโมยมืออาชีพไม่ค่อยมีกระเป๋าที่ต้องโหลด และจะไม่ทิ้งของไว้บนเครื่องบิน เพราะเป็นหลักฐานสำคัญ ·
– ถ้าพกเงินสดเป็นปึก ให้ทำสัญลักษณ์ไว้ เช่น เอาตัวปั๊มมาปั๊มด้านสันปึก หรือป้ายปากกาไฮไลท์ แล้วถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน
ที่มา https://www.facebook.com/tammishot/posts/10209247939056222