ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด
ตอนที่ 27 เบปปุ เมืองภูเขาไฟ น้ำพุร้อน บ่อน้ำแร่
จาก Matsue นั่งรถไฟท้องถิ่นไปสถานี Masuda ทางรถไฟเลียบริมทะเล มองเห็นท่าเรือ และโรงงานอุตสาหกรรมเป็นระยะ ผ่านซอกเขาเตี้ยๆ ต้นไม้ในป่าไม่น่าจะเอาทำอะไรได้ นอกจากตะเกียบใช้แล้วทิ้ง ยกเว้นไม้สนกับไม้ไผ่ที่ไม่ได้ขึ้นเป็นกอ
มีทะเลโผล่มาให้เห็นเป็นระยะไม่มีหาด ทะเลสวย น้ำใส เพราะมีหินเป็นพื้นทะเล กับสาหร่าย รถเร็วท้องถิ่นแล่นด้วยความเร็วสูง จอดเป็นบางสถานี มี 2 ตู้ เขามีวิธีประหยัดโดยการเปิดให้ผู้โดยสารขึ้นแค่ตู้เดียว อีกตู้น่าจะเปิดในเวลาเร่งด่วน หรือเมื่อคำนวณด้วยสายตาแล้วเห็นว่าล้นแน่
ฝั่งทะเลเป็นหิน ที่แทบจะไม่เห็นชายหาด บางครั้งรถต้องค่อยๆไต่ขึ้นภูเขา เมื่อใกล้จะถึงปลายทาง ตอนที่ออกจากสถานี Hasada ไปประมาณ 50 กม. ก่อนถึงสถานีเล็กๆ ที่รถไม่จอดราว 10 กม. มีหาดเล็กๆ 2 หาด ดูน่าลงเล่น แต่น้ำคงเย็นมากเพราะอากาศเย็นมาก แถวๆ นั้นเป็นชุมชนประมง มีรถไฟท้องถิ่นที่มีรูปหน้าของใครก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า น่ากลัว กับรูปคนตกปลา เป็นสัญลักษณ์ของชุมชนประมง
พอไปถึง Masuda ถามข้อมูลการต่อรถไป Higashi-hagi ต้องรอรถนานกว่า 2 ชม.ในเมืองที่อยู่ไกลทะเลและไม่มีอะไรเลย ลุงจึงเปลี่ยนแผนไปเที่ยว Beppu ก่อน ต้องนั่งรถ 3 ช่วง ช่วงแรกนั่งรถท้องถิ่นไป Sin- Yamaguchi ช่วงที่ 2 นั่งรถ Shinkansen จาก Shin- Yamaguchi ไป Koburo ต่อรถจาก Koburo ไป Beppu เป็นทางรถไฟสายน้ำแร่
ช่วงนี้วัยรุ่นญี่ปุ่นไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มๆ บางคนก็ไปคนเดียว บางคนก็ไปกับแฟน พวกเขาดูรับผิดชอบในตัวเอง การเดินทางโดยรถไฟเป็นที่นิยมมาก แทบไม่มีใครใช้รถส่วนตัวกันเลย ทำให้การจราจรบนท้องถนนโล่ง รประจำทางวิ่งสบาย แม้กระนั้นก็ไม่มีใครขับรถด้วยความเร็วสูง หรือ เร่งจนน่ากลัว
รถไปไม่ถึงชินยามากุจิ เพราะสุดสายที่ Yamaguchi ลุงบอกให้ป้าไปเข้าห้องน้ำ พออกจากห้องน้ำลุงก็เอาเป้มาให้แล้ว รีบลงรถขึ้นขบวนใหม่ ลุงลืมหยิบร่มใสที่ได้จากสถานี Ueno วางไว้บนเบาะ พอป้าถามถึง ก็กลับไปเอาไม่ได้แล้ว เพราะรถขบวนเก่าปิดประตูตาย คนขับลงไปแล้ว รอเวลาให้รถขบวนใหม่ออกเพื่อไปสถานี Shin- yamaguchi มีเวลาเปลี่ยนรถแค่ 8 นาที วิ่งจากรางรถธรรมดาลงไปเช็คตั๋วที่ทางออก แล้ววิ่งต่อขึ้นไปที่ชานชาลารถชิงกันเซ็นไป Beppu
เส้นทางสายนี้ดีกว่าที่ผ่านมาในวันแรกๆ มาก บ้านเรือนดูมีสุนทรียภาพ มีพื้นที่สำหรับเกษตรกรรม มีโรงงานอุตสาหกรรมบ้างประปราย รถแล่นเร็วจนเราไม่รู้ว่า เราข้ามเกาะตอนไหน พอถามสาวๆ ที่นั่งข้างหลัง พวกเธอพูดไม่คล่องจึงเอาแผนที่มากางให้ดู จึงรู้ว่า ข้ามเกาะโดยการลอดอุโมงค์ใต้ทะเล กินเวลา 2 นาที คาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 10 กม. ช่วงก่อนถึง Beppu
เวลา 16.26 น.ถึงเบ๊ปปุเมืองน้ำแร่ แวะขอข้อมูลโรงแรมราคาถูก พอเราบอกจนท.ปชส.ว่าเราไม่ได้จองไว้ เขาทำหน้าเหมือนว่าเราจะหาได้มั้ยน้อ....แล้วก็ให้มา 2 ชื่อ คือ Sea Wave กับ..... จำไม่ได้พอขาดร่มก็เจอฝนทันที จดชื่อไว้ในแผนที่ ตอนกางแผนที่บอกเส้นทางไปท่าเรือ Takihara Yacht Harbor กระดาษถูกฝนยุ่ยหมดต้องทิ้ง
แต่ก่อนจะไปเที่ยว เราออกจากสถานี ป้ามองไปทางซ้ายมือเห็นป้ายโรงแรม The Business Hotel จึงชวนลุงเข้าไปถาม ลุงไม่กล้า ป้าบอกว่า จำได้ว่า ยามาโมโต้ ที่อิเซชิ ก็มีสร้อยว่า Business Hotel แบบนี้แหละ ดูป้ายโรงแรม ตัว S กับ I หายไปยังไม่ได้ซ่อม และป้าบังเอิญเห็นราคา 3,500 & 7,000 จึงเดินเข้าไปถาม ว่าราคาตามนั้นใช่ หรือ ไม่ เขาบอกว่าใช่ พอป้าถามว่ามีอาหารเช้าไหม เขาบอกว่า ไม่มีอะไรเลย ถ้าจะเอาอาหารเช้าด้วยก็ต้องไปที่ Sea Wave แล้วก็เขียนใส่กระดาษให้ บอกทางเสร็จสรรพ
ป้าจึงบอกว่า ไม่ได้ติดใจเรื่องอาหารเช้าอยู่แล้ว เพราะเราจะไปแต่เช้า เขาพูดอะไรวนไปวนมามากมาย จนทำให้เราไขว้เขว คิดว่า เช็คอินที่นั่นแล้วไปนอนที่ Sea Wave แต่ไม่ใช่ ก็นอนที่นั่นแหละ อยู่ชั้น 5 เราจึงรับกุญแจ เอาของขึ้นลิฟต์ไปเก็บ แล้วก็ไปเดินเที่ยวกัน
เป็นเส้นทางที่เดินตรงลงไปจากสถานี ผ่านถนนคนเดิน สุดถนนเจอออุโมงค์ลอดใต้ดิน ก่อนขึ้นอุโมงค์มีป้ายบอก เลี้ยวซ้ายไป Spa Beach เลี้ยวขวาไปท่าเรือยอร์ช Takihara Yacht Harbor เราเลือกทางไปท่าเรือ เดินผ่านโรงแรมหรู มีพนง.กางร่มออกมารับแขก และวิ่งตรงมาที่เราด้วย ป้ารีบจูงมือลุงวิ่งออกไปให้พ้นรัศมี
ที่ท่าเรือมีเรือยอร์ชจอดอยู่หลายลำ มีการทำกำแพงกันน้ำเซาะฝั่ง และมีกำแพงบล็อคคอนกรีต มองในระยะห่าง รูปร่างเหมือนลำตัวคนกางขา วางซ้อนกันเป็นกำแพงกั้นคลื่น ข้างๆ ท่าเรือมีห้างสรรพสินค้าด้วย แต่เราไม่ได้เดินเลยไป
เราวกกลับไปทางที่เราลอดอุโมงค์ขึ้นไป แต่คราวนี้ไปทางซ้าย ตรงไป Spa Beach จากสปาบีชยืนหันหลังให้ทะเล ด้านหน้ามองเห็นควันขาวๆ ลอยขึ้นจากภูเขามากมายมัน คือ บ่อน้ำร้อนนั่นเอง ตอนนั้นหมดเวลารถบัสแล้ว แต่ต้องรอให้ถึง 07.25 น. ของวันใหม่จึงจะมีรถบัสเที่ยวแรกมาวิ่งรับ-ส่งคน
ขากลับแวะ 7-11 ซื้ออาหารเย็น ตอนเอาของไปเก็บ ป้าเห็นที่ห้องมีกาต้มน้ำ จึงลองซื้อบะหมี่ญี่ปุ่นไปกิน ซองละ 186 เยน เอารสชาติเด็กๆ มีโชหยุในชามรสชาติเบาๆ กลิ่นเหมือนพะโล้ คือใส่อบเชยนิดๆ ตอนจะนอนจึงรู้ว่า เราได้นอนห้องที่นอนได้ 3 คน ตอนแรกก็สงสัยว่า ทำไมมีชุดนอน ผ้าขนหนู รองเท้า และทุกอย่าง 3 ชุดหมด พอเปิดเตียงจึงรู้ว่ามีเตียงใหญ่ที่นอนได้ 2 คน 1 เตียง อีกเตียงเป็นเตียงเล็กสำหรับนอน 1 คน
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 26 Beppu เมืองภูเขาไฟ น้ำพุร้อน
ตอนที่ 27 เบปปุ เมืองภูเขาไฟ น้ำพุร้อน บ่อน้ำแร่
จาก Matsue นั่งรถไฟท้องถิ่นไปสถานี Masuda ทางรถไฟเลียบริมทะเล มองเห็นท่าเรือ และโรงงานอุตสาหกรรมเป็นระยะ ผ่านซอกเขาเตี้ยๆ ต้นไม้ในป่าไม่น่าจะเอาทำอะไรได้ นอกจากตะเกียบใช้แล้วทิ้ง ยกเว้นไม้สนกับไม้ไผ่ที่ไม่ได้ขึ้นเป็นกอ
มีทะเลโผล่มาให้เห็นเป็นระยะไม่มีหาด ทะเลสวย น้ำใส เพราะมีหินเป็นพื้นทะเล กับสาหร่าย รถเร็วท้องถิ่นแล่นด้วยความเร็วสูง จอดเป็นบางสถานี มี 2 ตู้ เขามีวิธีประหยัดโดยการเปิดให้ผู้โดยสารขึ้นแค่ตู้เดียว อีกตู้น่าจะเปิดในเวลาเร่งด่วน หรือเมื่อคำนวณด้วยสายตาแล้วเห็นว่าล้นแน่
ฝั่งทะเลเป็นหิน ที่แทบจะไม่เห็นชายหาด บางครั้งรถต้องค่อยๆไต่ขึ้นภูเขา เมื่อใกล้จะถึงปลายทาง ตอนที่ออกจากสถานี Hasada ไปประมาณ 50 กม. ก่อนถึงสถานีเล็กๆ ที่รถไม่จอดราว 10 กม. มีหาดเล็กๆ 2 หาด ดูน่าลงเล่น แต่น้ำคงเย็นมากเพราะอากาศเย็นมาก แถวๆ นั้นเป็นชุมชนประมง มีรถไฟท้องถิ่นที่มีรูปหน้าของใครก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า น่ากลัว กับรูปคนตกปลา เป็นสัญลักษณ์ของชุมชนประมง
พอไปถึง Masuda ถามข้อมูลการต่อรถไป Higashi-hagi ต้องรอรถนานกว่า 2 ชม.ในเมืองที่อยู่ไกลทะเลและไม่มีอะไรเลย ลุงจึงเปลี่ยนแผนไปเที่ยว Beppu ก่อน ต้องนั่งรถ 3 ช่วง ช่วงแรกนั่งรถท้องถิ่นไป Sin- Yamaguchi ช่วงที่ 2 นั่งรถ Shinkansen จาก Shin- Yamaguchi ไป Koburo ต่อรถจาก Koburo ไป Beppu เป็นทางรถไฟสายน้ำแร่
ช่วงนี้วัยรุ่นญี่ปุ่นไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มๆ บางคนก็ไปคนเดียว บางคนก็ไปกับแฟน พวกเขาดูรับผิดชอบในตัวเอง การเดินทางโดยรถไฟเป็นที่นิยมมาก แทบไม่มีใครใช้รถส่วนตัวกันเลย ทำให้การจราจรบนท้องถนนโล่ง รประจำทางวิ่งสบาย แม้กระนั้นก็ไม่มีใครขับรถด้วยความเร็วสูง หรือ เร่งจนน่ากลัว
รถไปไม่ถึงชินยามากุจิ เพราะสุดสายที่ Yamaguchi ลุงบอกให้ป้าไปเข้าห้องน้ำ พออกจากห้องน้ำลุงก็เอาเป้มาให้แล้ว รีบลงรถขึ้นขบวนใหม่ ลุงลืมหยิบร่มใสที่ได้จากสถานี Ueno วางไว้บนเบาะ พอป้าถามถึง ก็กลับไปเอาไม่ได้แล้ว เพราะรถขบวนเก่าปิดประตูตาย คนขับลงไปแล้ว รอเวลาให้รถขบวนใหม่ออกเพื่อไปสถานี Shin- yamaguchi มีเวลาเปลี่ยนรถแค่ 8 นาที วิ่งจากรางรถธรรมดาลงไปเช็คตั๋วที่ทางออก แล้ววิ่งต่อขึ้นไปที่ชานชาลารถชิงกันเซ็นไป Beppu
เส้นทางสายนี้ดีกว่าที่ผ่านมาในวันแรกๆ มาก บ้านเรือนดูมีสุนทรียภาพ มีพื้นที่สำหรับเกษตรกรรม มีโรงงานอุตสาหกรรมบ้างประปราย รถแล่นเร็วจนเราไม่รู้ว่า เราข้ามเกาะตอนไหน พอถามสาวๆ ที่นั่งข้างหลัง พวกเธอพูดไม่คล่องจึงเอาแผนที่มากางให้ดู จึงรู้ว่า ข้ามเกาะโดยการลอดอุโมงค์ใต้ทะเล กินเวลา 2 นาที คาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 10 กม. ช่วงก่อนถึง Beppu
เวลา 16.26 น.ถึงเบ๊ปปุเมืองน้ำแร่ แวะขอข้อมูลโรงแรมราคาถูก พอเราบอกจนท.ปชส.ว่าเราไม่ได้จองไว้ เขาทำหน้าเหมือนว่าเราจะหาได้มั้ยน้อ....แล้วก็ให้มา 2 ชื่อ คือ Sea Wave กับ..... จำไม่ได้พอขาดร่มก็เจอฝนทันที จดชื่อไว้ในแผนที่ ตอนกางแผนที่บอกเส้นทางไปท่าเรือ Takihara Yacht Harbor กระดาษถูกฝนยุ่ยหมดต้องทิ้ง
แต่ก่อนจะไปเที่ยว เราออกจากสถานี ป้ามองไปทางซ้ายมือเห็นป้ายโรงแรม The Business Hotel จึงชวนลุงเข้าไปถาม ลุงไม่กล้า ป้าบอกว่า จำได้ว่า ยามาโมโต้ ที่อิเซชิ ก็มีสร้อยว่า Business Hotel แบบนี้แหละ ดูป้ายโรงแรม ตัว S กับ I หายไปยังไม่ได้ซ่อม และป้าบังเอิญเห็นราคา 3,500 & 7,000 จึงเดินเข้าไปถาม ว่าราคาตามนั้นใช่ หรือ ไม่ เขาบอกว่าใช่ พอป้าถามว่ามีอาหารเช้าไหม เขาบอกว่า ไม่มีอะไรเลย ถ้าจะเอาอาหารเช้าด้วยก็ต้องไปที่ Sea Wave แล้วก็เขียนใส่กระดาษให้ บอกทางเสร็จสรรพ
ป้าจึงบอกว่า ไม่ได้ติดใจเรื่องอาหารเช้าอยู่แล้ว เพราะเราจะไปแต่เช้า เขาพูดอะไรวนไปวนมามากมาย จนทำให้เราไขว้เขว คิดว่า เช็คอินที่นั่นแล้วไปนอนที่ Sea Wave แต่ไม่ใช่ ก็นอนที่นั่นแหละ อยู่ชั้น 5 เราจึงรับกุญแจ เอาของขึ้นลิฟต์ไปเก็บ แล้วก็ไปเดินเที่ยวกัน
เป็นเส้นทางที่เดินตรงลงไปจากสถานี ผ่านถนนคนเดิน สุดถนนเจอออุโมงค์ลอดใต้ดิน ก่อนขึ้นอุโมงค์มีป้ายบอก เลี้ยวซ้ายไป Spa Beach เลี้ยวขวาไปท่าเรือยอร์ช Takihara Yacht Harbor เราเลือกทางไปท่าเรือ เดินผ่านโรงแรมหรู มีพนง.กางร่มออกมารับแขก และวิ่งตรงมาที่เราด้วย ป้ารีบจูงมือลุงวิ่งออกไปให้พ้นรัศมี
ที่ท่าเรือมีเรือยอร์ชจอดอยู่หลายลำ มีการทำกำแพงกันน้ำเซาะฝั่ง และมีกำแพงบล็อคคอนกรีต มองในระยะห่าง รูปร่างเหมือนลำตัวคนกางขา วางซ้อนกันเป็นกำแพงกั้นคลื่น ข้างๆ ท่าเรือมีห้างสรรพสินค้าด้วย แต่เราไม่ได้เดินเลยไป
เราวกกลับไปทางที่เราลอดอุโมงค์ขึ้นไป แต่คราวนี้ไปทางซ้าย ตรงไป Spa Beach จากสปาบีชยืนหันหลังให้ทะเล ด้านหน้ามองเห็นควันขาวๆ ลอยขึ้นจากภูเขามากมายมัน คือ บ่อน้ำร้อนนั่นเอง ตอนนั้นหมดเวลารถบัสแล้ว แต่ต้องรอให้ถึง 07.25 น. ของวันใหม่จึงจะมีรถบัสเที่ยวแรกมาวิ่งรับ-ส่งคน
ขากลับแวะ 7-11 ซื้ออาหารเย็น ตอนเอาของไปเก็บ ป้าเห็นที่ห้องมีกาต้มน้ำ จึงลองซื้อบะหมี่ญี่ปุ่นไปกิน ซองละ 186 เยน เอารสชาติเด็กๆ มีโชหยุในชามรสชาติเบาๆ กลิ่นเหมือนพะโล้ คือใส่อบเชยนิดๆ ตอนจะนอนจึงรู้ว่า เราได้นอนห้องที่นอนได้ 3 คน ตอนแรกก็สงสัยว่า ทำไมมีชุดนอน ผ้าขนหนู รองเท้า และทุกอย่าง 3 ชุดหมด พอเปิดเตียงจึงรู้ว่ามีเตียงใหญ่ที่นอนได้ 2 คน 1 เตียง อีกเตียงเป็นเตียงเล็กสำหรับนอน 1 คน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น