ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด
ตอนที่ 14 เกาะไข่มุก Toba และ Iseshi
กลับจากชมภูเขาไฟ Fuji ถึงโตเกียว ขอตั๋ว Shinkansen ไป Nagoya ได้ปลายทาง Okayama ใช้เวลา 2 ชม.(15.03-17.09) คนที่นั่งข้างหน้าเราเป็นชายสูงวัย เขาขึ้นทีหลังเรา พอเขาไปถึงที่นั่งเขาโค้งแล้วขออนุญาตปรับเบาะเอน เราเพิ่งเห็นที่นี่แหละที่ผู้คนสุภาพมาก ไม่แปลกใจว่า คนที่ไปญี่ปุ่นทำไมไปแล้วอยากไปอีก
ทางรถ Shinkansen สายโตเกียว-โอกายาม่า เป็นทางยกระดับเหมือนสายอื่นแต่เมื่อผ่านภูเขาก็มีการเจาะอุโมงค์เหมือนกับทางรถไฟธรรมดา ถึงนาโงย่า ตามเวลา เป็นชุมชนเมืองและเกษตรกรรมสลับกัน
ได้ตั๋วที่นั่งไป Iseshi (คนไทยเรียกว่าเมือง อิเซะ) เวลา 17.37-19.10 น. เพื่อต่อรถท้องถิ่น เวลา 19.17 ไป Toba ฟรี แต่ต้องจ่ายเพิ่มบนรถคนละ 510 ไม่รู้ค่าอะไรเพราะจนท.ไม่พูดภาษาอังกฤษ เขากดตัวเลขให้เราดู จ่ายเงินแล้วออกตั๋วให้
ถึง Iseshi ช้ากว่าเวลาเล็ก น้อย รถท้องถิ่นจอดรออยู่แล้ว มี 2 ตู้ คนขับอยู่หัวกับอยู่ท้าย เป็นทั้งคนขับและนายท้าย เป็นรถที่จัดไว้สำหรับรับส่งคนจากสถานี Iseshi ไปยังสถานีท้องถิ่น 4 สถานีก่อนข้ามไปเกาะ Toba เกาะที่เพาะไข่มุกเทียมและมีผลิตภัณฑ์จากไข่มุกมากมายให้เลือกซื้อ
เราถึงที่นั่นเวลา 19.36 น. ศูนย์การค้าปิดหมดแล้ว เมืองเงียบเชียบ มองไปรอบบริเวณที่เป็นย่านสถานีดูสวยงาม มีท่าเรือ หอนาฬิกา สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า รถประจำทางหยุดวิ่งไปแล้ว ท่าเรือก็ปิดทำการ เรือจอดอยู่ในความมืด คงมีแต่รถไฟท้องถิ่นของเกาะที่ยังวิ่งอยู่ สถานีใหญ่มาก อยู่อีกด้านหนึ่งของสถานี JR มองออกไปไม่มีชุมชน ดูวังเวงมาก
เราเดินไปท่าเรือ หอนาฬิกา สวนสาธารณะ มองเห็นห้างสรรพสินค้าอยู่ใกล้ๆ
เรากลับรถขบวนที่เรานั่งไป มีหนุ่มๆ ท่าทางเป็นนักศึกษาไปเที่ยว 4 คน ลงที่สถานีที่ 2 หลังจากข้ามเกาะ พอพวกเขาลงไปก็ มีหนุ่มอีก 4 คนแต่งชุดเครื่องแบบขึ้นมา มีนิโกรด้วย เมื่อถึง Iseshi เราเจอนักศึกษาสาวจากมหาวิทยาลัย KO 3 คนกำลังจะเดินทาง คนหนึ่งแยกไปรถไฟ ส่วนอีก 2 คนจะไปรถบัส 1 ใน 2 คน ชื่อ Chika Komine เคยไปอเมริกากับฝรั่งเศสแล้ว
Chika Komine เป็นคนคล่องมากพอรู้ว่าเรากำลังหาโรงแรม เธอรีบเปิดกูเกิลแม็พและบอกที่ตั้ง หาราคาและโทรให้ เธอบอกว่าเราไปทางเดียวกัน พอไปถึงรถ คนขับรถบัสรู้ว่าเธอจะไปส่งเรา เขาบอกให้เธอไปได้ เขาจะรอ
โรงแรมแรกชื่อ Dante Front อยู่ขั้น 4 เจ้าของรร.เป็นสตรีสูงวัย เต็มแล้ว เธอยกมือไหว้โค้งแสดงความเสียใจ Chika พาเราเดินไปอีกโรงแรมหนึ่ง ซึ่งต้องใช้เวลาเดินหลายนาที เธอจะไปส่งถึงที่เพราะกลัวว่าเราจะสื่อสารไม่รู้เรื่อง เราให้เธอชี้เพราะไม่อยากให้รถรอเธอนาน แล้วเราก็แยกกัน ปล่อยให้เธอเดินไปขึ้นรถ
เราเดินผ่าน Family Mart เห็นเพื่อนของเธอเดินออกมาจึงบอกธอว่า Chika ขึ้นรถแล้ว เธอจึงวิ่งไป ส่วนเราไปที่โรงแรม Yamamoto Hotel มีป้ายบอกว่า Business Hotel เราคิดว่า ต้องหรูแน่ Front อยู่ชั้น 2 มองเข้าไปเหมือนร้านขายหนังสือ เห็นชายแก่นั่งอยู่ ที่แท้เขาเป็นเจ้าของโรงแรม เขาพูดภาษาอังกฤษแทบจะไม่ได้เลย คำแรก คือ No ให้เราใจเสีย แล้วเขาก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ เขียนราคาให้ดู 9,720 เยน
ลุงให้ดูราคาที่ Chika หามาให้ 8,640 เยน เขาบอกว่าไม่ได้ และหยิบป้ายบอกราคาให้เราดู ราคาต่อคน 4,810 เยน มาดามเดินมารับเงิน และทอนเงินให้ แล้วส่งกุญแจให้พร้อมอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นประกอบท่าทาง ทำให้เรางงไปใหญ่
ห้องไม่ได้หรูหราเท่ากับที่เราเคยนอนมาก่อน มีชุดนอนให้ เราแปลกใจว่าทำไมต้องเขียนว่า Business ด้วย ข้อดีของที่นี่คือซักผ้าแล้วแห้งสนิทจนแทบจะกรอบเลยทีเดียว
พุธที่ 9 มีนาคม 2559 ออกจากโรงแรม Yamamoto เลี้ยวขวา สถานีรถไฟอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 500 เมตร ยืนอยู่หน้าโรงแรม มองไปด้านขวาเห็นทางรถไฟ มีลานกว้างของ Family Mart อยู่ก่อนถึงโรงแรม เราขอตั๋วรถไฟไปนาโงย่า ได้เวลา 07.00-08.50 น. ยังมีเวลาอีก 1 ชม. ดูแผนผังเมือง เห็นมีสวนสาธารณะ 500 เมตร ไปทางขวา เราจึงเดินไป ผ่านโรงพยาบาลก่อนถึงสวนสาธารณะ ตอนเช้าถนนโล่ง ชุมชนสะอาด ป้าเดินผ่านหญิงชราที่กำลังหยิบจับอะไรอยู่หน้าบ้าน เธอโค้งให้แล้วกล่าวสวัสดี
เดินเข้าไป Family Mart พนง.กำลังทำความสะอาดพื้น ไม่เงยหน้าแต่กล่าวทักทาย พอเดินทางลงใต้ดูเหมือนว่า อาหารจะราคาถูกลงกว่าทางเหนือและโตเกียว เท่าที่ผ่านมาอาหารที่สถานี Takao ราคาถูกที่สุด กะว่าขากลับจะแวะซื้ออีก แต่เรากลับรถด่วนที่วิ่งยาวไม่จอดสถานีเล็ก
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 14 เกาะไขมุก Toba และ Iseshi
ตอนที่ 14 เกาะไข่มุก Toba และ Iseshi
กลับจากชมภูเขาไฟ Fuji ถึงโตเกียว ขอตั๋ว Shinkansen ไป Nagoya ได้ปลายทาง Okayama ใช้เวลา 2 ชม.(15.03-17.09) คนที่นั่งข้างหน้าเราเป็นชายสูงวัย เขาขึ้นทีหลังเรา พอเขาไปถึงที่นั่งเขาโค้งแล้วขออนุญาตปรับเบาะเอน เราเพิ่งเห็นที่นี่แหละที่ผู้คนสุภาพมาก ไม่แปลกใจว่า คนที่ไปญี่ปุ่นทำไมไปแล้วอยากไปอีก
ทางรถ Shinkansen สายโตเกียว-โอกายาม่า เป็นทางยกระดับเหมือนสายอื่นแต่เมื่อผ่านภูเขาก็มีการเจาะอุโมงค์เหมือนกับทางรถไฟธรรมดา ถึงนาโงย่า ตามเวลา เป็นชุมชนเมืองและเกษตรกรรมสลับกัน
ได้ตั๋วที่นั่งไป Iseshi (คนไทยเรียกว่าเมือง อิเซะ) เวลา 17.37-19.10 น. เพื่อต่อรถท้องถิ่น เวลา 19.17 ไป Toba ฟรี แต่ต้องจ่ายเพิ่มบนรถคนละ 510 ไม่รู้ค่าอะไรเพราะจนท.ไม่พูดภาษาอังกฤษ เขากดตัวเลขให้เราดู จ่ายเงินแล้วออกตั๋วให้
ถึง Iseshi ช้ากว่าเวลาเล็ก น้อย รถท้องถิ่นจอดรออยู่แล้ว มี 2 ตู้ คนขับอยู่หัวกับอยู่ท้าย เป็นทั้งคนขับและนายท้าย เป็นรถที่จัดไว้สำหรับรับส่งคนจากสถานี Iseshi ไปยังสถานีท้องถิ่น 4 สถานีก่อนข้ามไปเกาะ Toba เกาะที่เพาะไข่มุกเทียมและมีผลิตภัณฑ์จากไข่มุกมากมายให้เลือกซื้อ
เราถึงที่นั่นเวลา 19.36 น. ศูนย์การค้าปิดหมดแล้ว เมืองเงียบเชียบ มองไปรอบบริเวณที่เป็นย่านสถานีดูสวยงาม มีท่าเรือ หอนาฬิกา สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า รถประจำทางหยุดวิ่งไปแล้ว ท่าเรือก็ปิดทำการ เรือจอดอยู่ในความมืด คงมีแต่รถไฟท้องถิ่นของเกาะที่ยังวิ่งอยู่ สถานีใหญ่มาก อยู่อีกด้านหนึ่งของสถานี JR มองออกไปไม่มีชุมชน ดูวังเวงมาก
เราเดินไปท่าเรือ หอนาฬิกา สวนสาธารณะ มองเห็นห้างสรรพสินค้าอยู่ใกล้ๆ
เรากลับรถขบวนที่เรานั่งไป มีหนุ่มๆ ท่าทางเป็นนักศึกษาไปเที่ยว 4 คน ลงที่สถานีที่ 2 หลังจากข้ามเกาะ พอพวกเขาลงไปก็ มีหนุ่มอีก 4 คนแต่งชุดเครื่องแบบขึ้นมา มีนิโกรด้วย เมื่อถึง Iseshi เราเจอนักศึกษาสาวจากมหาวิทยาลัย KO 3 คนกำลังจะเดินทาง คนหนึ่งแยกไปรถไฟ ส่วนอีก 2 คนจะไปรถบัส 1 ใน 2 คน ชื่อ Chika Komine เคยไปอเมริกากับฝรั่งเศสแล้ว
Chika Komine เป็นคนคล่องมากพอรู้ว่าเรากำลังหาโรงแรม เธอรีบเปิดกูเกิลแม็พและบอกที่ตั้ง หาราคาและโทรให้ เธอบอกว่าเราไปทางเดียวกัน พอไปถึงรถ คนขับรถบัสรู้ว่าเธอจะไปส่งเรา เขาบอกให้เธอไปได้ เขาจะรอ
โรงแรมแรกชื่อ Dante Front อยู่ขั้น 4 เจ้าของรร.เป็นสตรีสูงวัย เต็มแล้ว เธอยกมือไหว้โค้งแสดงความเสียใจ Chika พาเราเดินไปอีกโรงแรมหนึ่ง ซึ่งต้องใช้เวลาเดินหลายนาที เธอจะไปส่งถึงที่เพราะกลัวว่าเราจะสื่อสารไม่รู้เรื่อง เราให้เธอชี้เพราะไม่อยากให้รถรอเธอนาน แล้วเราก็แยกกัน ปล่อยให้เธอเดินไปขึ้นรถ
เราเดินผ่าน Family Mart เห็นเพื่อนของเธอเดินออกมาจึงบอกธอว่า Chika ขึ้นรถแล้ว เธอจึงวิ่งไป ส่วนเราไปที่โรงแรม Yamamoto Hotel มีป้ายบอกว่า Business Hotel เราคิดว่า ต้องหรูแน่ Front อยู่ชั้น 2 มองเข้าไปเหมือนร้านขายหนังสือ เห็นชายแก่นั่งอยู่ ที่แท้เขาเป็นเจ้าของโรงแรม เขาพูดภาษาอังกฤษแทบจะไม่ได้เลย คำแรก คือ No ให้เราใจเสีย แล้วเขาก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ เขียนราคาให้ดู 9,720 เยน
ลุงให้ดูราคาที่ Chika หามาให้ 8,640 เยน เขาบอกว่าไม่ได้ และหยิบป้ายบอกราคาให้เราดู ราคาต่อคน 4,810 เยน มาดามเดินมารับเงิน และทอนเงินให้ แล้วส่งกุญแจให้พร้อมอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นประกอบท่าทาง ทำให้เรางงไปใหญ่
ห้องไม่ได้หรูหราเท่ากับที่เราเคยนอนมาก่อน มีชุดนอนให้ เราแปลกใจว่าทำไมต้องเขียนว่า Business ด้วย ข้อดีของที่นี่คือซักผ้าแล้วแห้งสนิทจนแทบจะกรอบเลยทีเดียว
พุธที่ 9 มีนาคม 2559 ออกจากโรงแรม Yamamoto เลี้ยวขวา สถานีรถไฟอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 500 เมตร ยืนอยู่หน้าโรงแรม มองไปด้านขวาเห็นทางรถไฟ มีลานกว้างของ Family Mart อยู่ก่อนถึงโรงแรม เราขอตั๋วรถไฟไปนาโงย่า ได้เวลา 07.00-08.50 น. ยังมีเวลาอีก 1 ชม. ดูแผนผังเมือง เห็นมีสวนสาธารณะ 500 เมตร ไปทางขวา เราจึงเดินไป ผ่านโรงพยาบาลก่อนถึงสวนสาธารณะ ตอนเช้าถนนโล่ง ชุมชนสะอาด ป้าเดินผ่านหญิงชราที่กำลังหยิบจับอะไรอยู่หน้าบ้าน เธอโค้งให้แล้วกล่าวสวัสดี
เดินเข้าไป Family Mart พนง.กำลังทำความสะอาดพื้น ไม่เงยหน้าแต่กล่าวทักทาย พอเดินทางลงใต้ดูเหมือนว่า อาหารจะราคาถูกลงกว่าทางเหนือและโตเกียว เท่าที่ผ่านมาอาหารที่สถานี Takao ราคาถูกที่สุด กะว่าขากลับจะแวะซื้ออีก แต่เรากลับรถด่วนที่วิ่งยาวไม่จอดสถานีเล็ก
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น