หลังจากที่เรารู้จักมิเอะจากกระทู้ก่อนกันไปแล้ว >>
https://ppantip.com/topic/37347784 กระทู้นี้เราก็จะพาไปเที่ยวกันค่ะ
เมื่อเดินทางมาถึงจังหวัดมิเอะแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดที่จะมาแนะนำคือ
ศาลเจ้าอิเสะ-จิงกุ (Ise Jingu)
เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโตที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งชาวญี่ปุ่นถือกันว่าเป็นศาลเจ้าที่ต้องไปสักการะให้ได้ในครั้งหนึ่งของชีวิต ตามความเชื่อโบราณศาลเจ้าอิเสะ เป็นที่สถิตย์ของเทพีแห่งพระอาทิตย์อะมะเทระสุ (Amaterasu) ที่เชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดของราชวงศ์ญี่ปุ่นและชาวญี่ปุ่น จึงถือเป็นเทพที่คนญีปุ่นให้ความเคารพยกย่องสูงสุด และเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ จึงมีประเพณีทำการย้ายที่ตั้งทุก 20 ปี อิเสะ (Ise Jingu) ได้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ศาลเจ้านอก (Geku) และ ศาลเจ้าใน (Naiku) โดยจากศาลเจ้านอกและศาลเจ้าในค่อนข้างห่างกันพอสมควร เราสามารถนั่ง Bus มาลงที่ศาลเจ้าในได้ค่ะ
ศาลเจ้านอก (Geku)
เดินทางจากสถานีรถไฟ TSU ด้วยรถไฟKintetsuด้วย Kintetsu Rail Pass ไปลงที่สถานี Ise-shi 30นาที (เพิ่มค่ารถไฟด่วน510เยน) เดินต่อจากสถานีประมาณ 5นาที
ศาลเจ้าใน (Naiku)
เดินทางจากสถานีรถไฟ TSU ด้วยรถไฟKintetsuด้วย Kintetsu Rail Pass ไปลงที่สถานีUjiyamada 35นาที (เพิ่มค่ารถไฟด่วน900เยน) นั่งบัสต่อจากสถานีประมาณ 10นาที
ถนนโอคาเกะโยโคะโจ okageyokocho
เมื่อไหว้สักการะที่ศาลเจ้าอิเสะแล้ว ก็เดินมาเที่ยวถนนโอคาเกะโคะโจกันต่อ ถนนแห่งนี้สร้างจากเมืองในสมัยเอโดะ และเมจิ มีร้านค้า ร้ายขายของที่ระลึก และร้านอาหารมากมาย และมี พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเมืองอิเสะด้วย เรียกว่าโอคาเงะซะ (Okageza)
เปิดบริการทุกวันเวลา 9:30 – 16:30
หินแต่งงาน Meoto Iwa
หินแต่งงาน (Meoto Iwa) เป็นหินศักดิ์สิทธิ์ 2 ลูกที่ตั้งอยู่ในทะเล หินก้อนใหญ่เปรียบเสมือนสามีที่มีชื่อว่า อิซานางิ และหินก้อนเล็กนั้นเปรียบเป็นภรรยา อิซานามิ ที่ครองคู่กันโดยมีเชือกชิเมะนะวะ (Shimenawa) คล้องอยู่ โดยจะมีประเพณีในการเปลี่ยนเชือกเส้นนี้ปีละสามครั้ง เป็นประจำทุกปี ผู้คนนิยมเดินทางมาขอพรให้สมหวังเรื่องความรัก ตอนเช้าสามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงกลางระหว่างหิน 2 ลูกนี้ ที่สำคัญเป็นจุดชมวิวพระจันทร์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และในวันที่ฟ้าใส เราสามารถเห็นภุเขาไฟฟูจิจากที่นี่ได้อีกด้วย
การเดินทาง : ซื้อตั๋ว Michikusa Pass 1 Day 1000 เยน ที่สถานี Iseshi นั่ง CAN Bus จากสถานี Iseshi หรือศาลเจ้าอิเสะ (Naiku) ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที ลงรถบัสที่ Futami Sea Paradise ทางเข้าหินแต่งงานจะอยู่ด้านหลัง Futami plaza หรือ นั่งรถไฟจากสถานี Iseshi ลงที่สถานี Futaminoura และเดินต่อประมาณ 15 นาที
เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ (Mikimoto Pearl Island)
เป็นเกาะที่โคคิจิ มิกิโมโตะ (Kokichi Mikimoto) เพาะไข่มุกประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลกเมื่อปี ค.ศ. 1983 และพัฒนาจนเกิดเป็นอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงระดับโลก นอกจากนั้นยังได้สร้างพิพิธภัณฑ์ไข่มุก ซึ่งเปิดให้เข้าชมในปี ค.ศ. 1951 ภายในจัดแสดงความเป็นมาและกรรมวิธีในการเลี้ยง รวมถึงเพาะไข่มุก ด้านนอกมีการสาธิตดำน้ำจับหอยมุกใต้ทะเลโดยเหล่าอามะซัง (Amasan) นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากไข่มุกมิกิโมโตะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับและเครื่องสำอางได้อีกด้วย
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ (16 ปี+) 1500 เยน / เด็ก (7-15 ปี) 750 เยน
วันเวลาทำการ : ม.ค. – พ.ย. 8:30 – 17:00 น. / ธ.ค. 9:00 – 16:30 น.
ปิดให้บริการสามวันตั้งแต่วันอังคารที่สองของเดือนธันวาคม
การเดินทาง : ลงที่สถานี Toba และเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที (500 เมตร)
อามะ (AMA)
อามะเป็นนักดำน้ำผู้หญิง ประกอบอาชีพโดยการงมเก็บหอยและของทะเลอื่นๆ โดยใสแค่แว่นกันน้ำดำลงไป หอยที่อามะงมจะเป็นหอยที่มีราคาเช่นหอยเป๋าฮื้อ หอยเม่น นอกจากนั้นยังได้มีการเปิดกระท่อมของอามะซังที่เรียกว่า อามะโงยะ (กระท่อมอามะ) ซึ่งเป็นที่ที่อามะใช้รักษาความอบอุ่น และพักผ่อนหลังจากดำน้ำ ให้กับประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวได้ไปชื่นชมและอิ่มอร่อยกับปลาและหอยสดๆ โดยเหล่าอามะจะบริการอาหารทะเลในอามะโงยะ พร้อมได้สนทนาและร่วมกิจกรรมกับอามะเหล่านักดำน้ำได้อย่างเป็นกันเอง สามารถนั่งรถบัสบริการฟรีจากสถานีโทบะ(Toba) ใช้เวลานั่งไปเพียง30 นาที
หวังว่าจังหวัดมิเอะจะเป็นเป้าหมายการเดินทางใหม่ของทุกคนในทริปหน้านะคะ
มิเอะ ไม่ไปไม่ได้แล้ว ตอน ไปเที่ยวกัน
เมื่อเดินทางมาถึงจังหวัดมิเอะแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดที่จะมาแนะนำคือ
ศาลเจ้าอิเสะ-จิงกุ (Ise Jingu)
เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโตที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งชาวญี่ปุ่นถือกันว่าเป็นศาลเจ้าที่ต้องไปสักการะให้ได้ในครั้งหนึ่งของชีวิต ตามความเชื่อโบราณศาลเจ้าอิเสะ เป็นที่สถิตย์ของเทพีแห่งพระอาทิตย์อะมะเทระสุ (Amaterasu) ที่เชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดของราชวงศ์ญี่ปุ่นและชาวญี่ปุ่น จึงถือเป็นเทพที่คนญีปุ่นให้ความเคารพยกย่องสูงสุด และเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ จึงมีประเพณีทำการย้ายที่ตั้งทุก 20 ปี อิเสะ (Ise Jingu) ได้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ศาลเจ้านอก (Geku) และ ศาลเจ้าใน (Naiku) โดยจากศาลเจ้านอกและศาลเจ้าในค่อนข้างห่างกันพอสมควร เราสามารถนั่ง Bus มาลงที่ศาลเจ้าในได้ค่ะ
ศาลเจ้านอก (Geku)
เดินทางจากสถานีรถไฟ TSU ด้วยรถไฟKintetsuด้วย Kintetsu Rail Pass ไปลงที่สถานี Ise-shi 30นาที (เพิ่มค่ารถไฟด่วน510เยน) เดินต่อจากสถานีประมาณ 5นาที
ศาลเจ้าใน (Naiku)
เดินทางจากสถานีรถไฟ TSU ด้วยรถไฟKintetsuด้วย Kintetsu Rail Pass ไปลงที่สถานีUjiyamada 35นาที (เพิ่มค่ารถไฟด่วน900เยน) นั่งบัสต่อจากสถานีประมาณ 10นาที
ถนนโอคาเกะโยโคะโจ okageyokocho
เมื่อไหว้สักการะที่ศาลเจ้าอิเสะแล้ว ก็เดินมาเที่ยวถนนโอคาเกะโคะโจกันต่อ ถนนแห่งนี้สร้างจากเมืองในสมัยเอโดะ และเมจิ มีร้านค้า ร้ายขายของที่ระลึก และร้านอาหารมากมาย และมี พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเมืองอิเสะด้วย เรียกว่าโอคาเงะซะ (Okageza)
เปิดบริการทุกวันเวลา 9:30 – 16:30
หินแต่งงาน Meoto Iwa
หินแต่งงาน (Meoto Iwa) เป็นหินศักดิ์สิทธิ์ 2 ลูกที่ตั้งอยู่ในทะเล หินก้อนใหญ่เปรียบเสมือนสามีที่มีชื่อว่า อิซานางิ และหินก้อนเล็กนั้นเปรียบเป็นภรรยา อิซานามิ ที่ครองคู่กันโดยมีเชือกชิเมะนะวะ (Shimenawa) คล้องอยู่ โดยจะมีประเพณีในการเปลี่ยนเชือกเส้นนี้ปีละสามครั้ง เป็นประจำทุกปี ผู้คนนิยมเดินทางมาขอพรให้สมหวังเรื่องความรัก ตอนเช้าสามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงกลางระหว่างหิน 2 ลูกนี้ ที่สำคัญเป็นจุดชมวิวพระจันทร์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และในวันที่ฟ้าใส เราสามารถเห็นภุเขาไฟฟูจิจากที่นี่ได้อีกด้วย
การเดินทาง : ซื้อตั๋ว Michikusa Pass 1 Day 1000 เยน ที่สถานี Iseshi นั่ง CAN Bus จากสถานี Iseshi หรือศาลเจ้าอิเสะ (Naiku) ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที ลงรถบัสที่ Futami Sea Paradise ทางเข้าหินแต่งงานจะอยู่ด้านหลัง Futami plaza หรือ นั่งรถไฟจากสถานี Iseshi ลงที่สถานี Futaminoura และเดินต่อประมาณ 15 นาที
เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ (Mikimoto Pearl Island)
เป็นเกาะที่โคคิจิ มิกิโมโตะ (Kokichi Mikimoto) เพาะไข่มุกประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลกเมื่อปี ค.ศ. 1983 และพัฒนาจนเกิดเป็นอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงระดับโลก นอกจากนั้นยังได้สร้างพิพิธภัณฑ์ไข่มุก ซึ่งเปิดให้เข้าชมในปี ค.ศ. 1951 ภายในจัดแสดงความเป็นมาและกรรมวิธีในการเลี้ยง รวมถึงเพาะไข่มุก ด้านนอกมีการสาธิตดำน้ำจับหอยมุกใต้ทะเลโดยเหล่าอามะซัง (Amasan) นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากไข่มุกมิกิโมโตะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับและเครื่องสำอางได้อีกด้วย
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ (16 ปี+) 1500 เยน / เด็ก (7-15 ปี) 750 เยน
วันเวลาทำการ : ม.ค. – พ.ย. 8:30 – 17:00 น. / ธ.ค. 9:00 – 16:30 น.
ปิดให้บริการสามวันตั้งแต่วันอังคารที่สองของเดือนธันวาคม
การเดินทาง : ลงที่สถานี Toba และเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที (500 เมตร)
อามะ (AMA)
อามะเป็นนักดำน้ำผู้หญิง ประกอบอาชีพโดยการงมเก็บหอยและของทะเลอื่นๆ โดยใสแค่แว่นกันน้ำดำลงไป หอยที่อามะงมจะเป็นหอยที่มีราคาเช่นหอยเป๋าฮื้อ หอยเม่น นอกจากนั้นยังได้มีการเปิดกระท่อมของอามะซังที่เรียกว่า อามะโงยะ (กระท่อมอามะ) ซึ่งเป็นที่ที่อามะใช้รักษาความอบอุ่น และพักผ่อนหลังจากดำน้ำ ให้กับประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวได้ไปชื่นชมและอิ่มอร่อยกับปลาและหอยสดๆ โดยเหล่าอามะจะบริการอาหารทะเลในอามะโงยะ พร้อมได้สนทนาและร่วมกิจกรรมกับอามะเหล่านักดำน้ำได้อย่างเป็นกันเอง สามารถนั่งรถบัสบริการฟรีจากสถานีโทบะ(Toba) ใช้เวลานั่งไปเพียง30 นาที
หวังว่าจังหวัดมิเอะจะเป็นเป้าหมายการเดินทางใหม่ของทุกคนในทริปหน้านะคะ