ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด
ตอนที่ 8 ไปเยี่ยมชมร่องรอยและรำลึกถึงผู้ประสบภัย Tsunami ที่ Sendai - Matsushima
นั่งรอรถไฟที่สถานี Hirosaki ตั้งแต่ 18.00-19.10 น. ดูที่จอเห็นมีรถ Local และมีคนเข้า-ออก เบาบาง ด้วยความสงสัยจึงเอาตั๋วไปให้จนท.ดู โชคดีมีจนท.สาวสื่อสารได้ เธอบอกว่า รถขบวนที่อยู่ในตั๋วไม่มีแล้ว ต้องไปขอตั๋วใหม่ เราก็ไม่เข้าใจ ส่วนเธอก็อธิบายไม่ได้ เธอคุยกับจนท.อาวุโส เขาเอาตั๋วจากป้าไป ป้าถามว่าต้องตามไปมั้ย เธอบอกไม่ต้อง จนท.ที่เอาตั๋วไปเปลี่ยนให้กลับมา จนท.สาวบอกว่า รถจะออกที่สถานี Shin Aomori เท่านั้น
เราต้องขึ้นรถท้องถิ่นเวลา 19.23 น. ไปเปลี่ยนรถที่ Shin Aomori ป้าจึงเข้าใจ ตอนนั้นเวลา 19.19 น. รีบลากแขนลุงลงบันไดไปที่ชานชาลาที่ 1 ขึ้นไปถามคนที่อยู่บนรถเธอบอกว่าใช่ เราคิดว่ารถไปสุดปลายทางที่ Shin Aomori แต่ยังไม่ปักใจซะทีเดียว คอยฟังประกาศ จนกระทั่งป้าได้ยินคลับคล้ายคลับคลาจึงมองหาชื่อสถานี คนอื่นลงหมดแล้ว สาวที่ตอบคำถามตอนแรกจ้องเราอยู่ เธอบอกว่า ถึง Shin Aomori แล้ว ลุงยังงงอยู่ ป้าจึงลากแขนลุงลงรถ มองหาบันได ขึ้น-ลง ไม่เจอแต่มีลิฟต์อยู่ตรงหน้า เดาเอาว่าต้องกดขึ้น เพราะชั้นที่เราอยู่ไม่มีใต้ดิน จึงกดขึ้นมีแค่ชั้นเดียว
เห็นจนท.ยืนอยู่ตรงหัวขบวน ป้ารีบวิ่งไปถาม เขาบอกว่า Shinkansen ชานชาลาที่ 11 เราจึงเสี่ยงขึ้นไป ถ้าอากาศเย็นจัดจะกลับลงไปรอข้างล่างเพราะตอนนั้นเพิ่ง 20.00 น. พอขึ้นไปจึงเห็นว่ามีห้องนั่งรอ เปิดฮีทเตออุ่นสบาย มีสาวๆ นั่งรออยู่ 3 คน คุยกันเบาๆ ตามสไตล์คนญี่ปุ่น ถึงจะหัวเราะกันบ้าง แต่น้ำเสียงก็ยังไม่วิดวิ่วเหมือนสาวจีน
จนกระทั่งเวลา 20.25 น. ได้ยินเสียงประกาศแต่ฟังไม่รู้เรื่อง พวกสาวๆ เก็บของลุกไปจากห้อง ชายหนุ่มยังคงนั่งกินอาหารต่อ มีชายวัยกลางคนกำลังรื้อของ ล็อคถัดไปมีหญิงสูงวัยนั่งอยู่นิ่งๆ ป้าบอกลุงว่า มันเงียบผิดปกติ น่ากลัวตกรถ เราน่าจะขึ้นไปดู รถจอดรออยู่แล้ว เราขึ้นตู้รองสุดท้ายเป็นตู้ที่ 9 ในตู้มีคน 2 คน รวมเราด้วยเป็น 4 พอรถจอดสถานีที่ 3 ก็เหลือเราแค่ 2 คน
เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นรถ Shinkansen ในญี่ปุ่นจอดหลายสถานี ต่างจากรถไฟความเร็วสูงที่เทียนจินไปปักกิ่ง จีน วิ่งจากต้นทางถึงปลายทางไม่จอดที่ไหนเลย รางรถชิงกันเซนยกระดับ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ในเมืองใหญ่รางรถท้องถิ่นอยู่ใต้ดิน เมื่อออกนอกเมืองจึงโผล่ขึ้นบนดิน ส่วนรางรถระหว่างเมืองอยู่บนดินตลอด
เวลา 23.01 น. รถถึงปลายทางที่เซนได คืนวันเสาร์ นักท่องเที่ยวเยอะ หาที่นอนไม่ได้ หลังจากเดินวนหาโรงแรมผ่านไปแล้ว 2 ชม. เราติดอยู่ที่ป้อมตำรวจครึ่งชม. เพราะเจ้าหนุ่มหวังดีที่เราถามหา City hall โทรไปหารร.ให้เรา พอช่วยไม่ได้เห็นเราเข้าไปหาตำรวจก็เดินกลับมาฝากฝังตำรวจให้ดูแลเรา ตำรวจก็โทรเช็คให้ทั้งๆ ที่เราบอกว่า เราไปมาทุกที่แล้ว แต่พวกเขาแทบจะไม่รู้ภาษาอังกฤษเลย จึงทำให้เราเสียเวลาเป็นชั่วโมง ก็ยังหาโรงแรมว่างไม่ได้
คนญี่ปุ่นมีน้ำใจ และสุภาพมาก เราเดินกลับไปที่สถานีที่มีการซ่อมสร้างรอบดึก เขาไม่ให้เข้าสถานี เราจึงเอาเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวมาใส่ครบชุด เพราะนั่งกลางแจ้งหน้าสถานีทำให้ไม่อุ่น คนเดินผ่านไปมาตลอด ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวใช้เวลาคืนวันเสาร์ให้เต็มที่ แล้วพักผ่อนวันอาทิตย์ มีหนุ่มคนหนึ่งเมามาก เดิยมายืนคอตกอยู่ตรงหน้าป้า ซิปกางเกงก็ไม่รูด ทำท่าจะอ้วกใส่ ลุงจูงให้ไปนั่งที่อื่นก็ไม่ไป เราจึงต้องย้ายหนี เพราะกลัวโดนหางเลข
ครึ่งชม.ต่อมา เขาก็ไปนั่งหลับตรงที่พวกช่างวางเครื่องทำความร้อนไว้ ตอนตีสามครึ่งย้ายไปยืนหลับตรงขอบบันได ใกล้ๆ ตีสี่ไม่รู้หายไปไหน ส่วนเราก็ย้ายที่ เดินไปหลบอยู่ใต้หลังคาของอาคารพาณิชย์ข้างถนนใหญ่
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2559 ใกล้ตีห้าก็กลับไปเข้าห้องน้ำที่สถานี แล้วไปขอตั๋วไปอ่าว Matsushima เป็นรถท้องถิ่นไม่ต้องจองที่นั่งปลายทาง Ishinomaki
ตอนแรกถามสาวที่นั่งรอรถก่อนเรา ว่ามันเป็นสถานีปลายทางที่เราจะลงใช่มั้ย เธอทำหน้างง แล้วก็ตอบว่าใช่ แต่เราไม่ไว้ใจ เราจึงถามหนุ่มที่นั่งตรงข้าม เขาบอกว่า เราต้องลงที่ Matsushimakaigan ซึ่งเป็นทางลงไปที่อ่าว Matsushima ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที พอลงรถจึงเห็นว่าฝนเพิ่งหยุดก่อนที่เราจะไปถึง เพราะพื้นเปียก
เมื่อหลายปีก่อน สึนามิถล่มเซนได กวาดเอาผู้คนล้มตายไปกว่า 20,000 คน และสูญหายไปกว่า 5,000 คน เรายืนก้มรำลึกถึงคนที่ประสบภัยครั้งใหญ่ตรงหน้าอ่าวที่สวยงาม มีคนมาวิ่งออกกำลังกาย มีเรือยอร์ชจอดอยู่หลายลำ มองออกไปจากอ่าว มีเกาะเล็กๆ หลายเกาะ ทะเลสวยงามมาก ต้นไม้หลายต้นที่สวนหน้าอ่าว นำสายอะไรมาพันไว้ดูแปลกตา สวยงาม
ขากลับจากอ่าว Matsushima ขณะที่เราเดินไปเกือบถึงสถานีได้ยินเสียงรถไฟ เรารีบวิ่งขึ้นเนินไป แต่ก็ไม่คิดว่าจะทัน นายท้ายรถไฟเห็นเราวิ่งมา เขายังไม่ปล่อยรถ ลุงวิ่งขึ้นขึ้นไปก่อน พอป้ามาถึงหมดแรงขาแทบหกล้ม เขาขอดูตั๋ว ป้าส่งพาสให้ดู เขาบอกอาริกาโตะ เราจึงได้นั่งรถไฟ Local กลับ Sendai
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 8 tsunami, Mytsushima, Sendai, Japan
ตอนที่ 8 ไปเยี่ยมชมร่องรอยและรำลึกถึงผู้ประสบภัย Tsunami ที่ Sendai - Matsushima
นั่งรอรถไฟที่สถานี Hirosaki ตั้งแต่ 18.00-19.10 น. ดูที่จอเห็นมีรถ Local และมีคนเข้า-ออก เบาบาง ด้วยความสงสัยจึงเอาตั๋วไปให้จนท.ดู โชคดีมีจนท.สาวสื่อสารได้ เธอบอกว่า รถขบวนที่อยู่ในตั๋วไม่มีแล้ว ต้องไปขอตั๋วใหม่ เราก็ไม่เข้าใจ ส่วนเธอก็อธิบายไม่ได้ เธอคุยกับจนท.อาวุโส เขาเอาตั๋วจากป้าไป ป้าถามว่าต้องตามไปมั้ย เธอบอกไม่ต้อง จนท.ที่เอาตั๋วไปเปลี่ยนให้กลับมา จนท.สาวบอกว่า รถจะออกที่สถานี Shin Aomori เท่านั้น
เราต้องขึ้นรถท้องถิ่นเวลา 19.23 น. ไปเปลี่ยนรถที่ Shin Aomori ป้าจึงเข้าใจ ตอนนั้นเวลา 19.19 น. รีบลากแขนลุงลงบันไดไปที่ชานชาลาที่ 1 ขึ้นไปถามคนที่อยู่บนรถเธอบอกว่าใช่ เราคิดว่ารถไปสุดปลายทางที่ Shin Aomori แต่ยังไม่ปักใจซะทีเดียว คอยฟังประกาศ จนกระทั่งป้าได้ยินคลับคล้ายคลับคลาจึงมองหาชื่อสถานี คนอื่นลงหมดแล้ว สาวที่ตอบคำถามตอนแรกจ้องเราอยู่ เธอบอกว่า ถึง Shin Aomori แล้ว ลุงยังงงอยู่ ป้าจึงลากแขนลุงลงรถ มองหาบันได ขึ้น-ลง ไม่เจอแต่มีลิฟต์อยู่ตรงหน้า เดาเอาว่าต้องกดขึ้น เพราะชั้นที่เราอยู่ไม่มีใต้ดิน จึงกดขึ้นมีแค่ชั้นเดียว
เห็นจนท.ยืนอยู่ตรงหัวขบวน ป้ารีบวิ่งไปถาม เขาบอกว่า Shinkansen ชานชาลาที่ 11 เราจึงเสี่ยงขึ้นไป ถ้าอากาศเย็นจัดจะกลับลงไปรอข้างล่างเพราะตอนนั้นเพิ่ง 20.00 น. พอขึ้นไปจึงเห็นว่ามีห้องนั่งรอ เปิดฮีทเตออุ่นสบาย มีสาวๆ นั่งรออยู่ 3 คน คุยกันเบาๆ ตามสไตล์คนญี่ปุ่น ถึงจะหัวเราะกันบ้าง แต่น้ำเสียงก็ยังไม่วิดวิ่วเหมือนสาวจีน
จนกระทั่งเวลา 20.25 น. ได้ยินเสียงประกาศแต่ฟังไม่รู้เรื่อง พวกสาวๆ เก็บของลุกไปจากห้อง ชายหนุ่มยังคงนั่งกินอาหารต่อ มีชายวัยกลางคนกำลังรื้อของ ล็อคถัดไปมีหญิงสูงวัยนั่งอยู่นิ่งๆ ป้าบอกลุงว่า มันเงียบผิดปกติ น่ากลัวตกรถ เราน่าจะขึ้นไปดู รถจอดรออยู่แล้ว เราขึ้นตู้รองสุดท้ายเป็นตู้ที่ 9 ในตู้มีคน 2 คน รวมเราด้วยเป็น 4 พอรถจอดสถานีที่ 3 ก็เหลือเราแค่ 2 คน
เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นรถ Shinkansen ในญี่ปุ่นจอดหลายสถานี ต่างจากรถไฟความเร็วสูงที่เทียนจินไปปักกิ่ง จีน วิ่งจากต้นทางถึงปลายทางไม่จอดที่ไหนเลย รางรถชิงกันเซนยกระดับ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ในเมืองใหญ่รางรถท้องถิ่นอยู่ใต้ดิน เมื่อออกนอกเมืองจึงโผล่ขึ้นบนดิน ส่วนรางรถระหว่างเมืองอยู่บนดินตลอด
เวลา 23.01 น. รถถึงปลายทางที่เซนได คืนวันเสาร์ นักท่องเที่ยวเยอะ หาที่นอนไม่ได้ หลังจากเดินวนหาโรงแรมผ่านไปแล้ว 2 ชม. เราติดอยู่ที่ป้อมตำรวจครึ่งชม. เพราะเจ้าหนุ่มหวังดีที่เราถามหา City hall โทรไปหารร.ให้เรา พอช่วยไม่ได้เห็นเราเข้าไปหาตำรวจก็เดินกลับมาฝากฝังตำรวจให้ดูแลเรา ตำรวจก็โทรเช็คให้ทั้งๆ ที่เราบอกว่า เราไปมาทุกที่แล้ว แต่พวกเขาแทบจะไม่รู้ภาษาอังกฤษเลย จึงทำให้เราเสียเวลาเป็นชั่วโมง ก็ยังหาโรงแรมว่างไม่ได้
คนญี่ปุ่นมีน้ำใจ และสุภาพมาก เราเดินกลับไปที่สถานีที่มีการซ่อมสร้างรอบดึก เขาไม่ให้เข้าสถานี เราจึงเอาเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวมาใส่ครบชุด เพราะนั่งกลางแจ้งหน้าสถานีทำให้ไม่อุ่น คนเดินผ่านไปมาตลอด ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวใช้เวลาคืนวันเสาร์ให้เต็มที่ แล้วพักผ่อนวันอาทิตย์ มีหนุ่มคนหนึ่งเมามาก เดิยมายืนคอตกอยู่ตรงหน้าป้า ซิปกางเกงก็ไม่รูด ทำท่าจะอ้วกใส่ ลุงจูงให้ไปนั่งที่อื่นก็ไม่ไป เราจึงต้องย้ายหนี เพราะกลัวโดนหางเลข
ครึ่งชม.ต่อมา เขาก็ไปนั่งหลับตรงที่พวกช่างวางเครื่องทำความร้อนไว้ ตอนตีสามครึ่งย้ายไปยืนหลับตรงขอบบันได ใกล้ๆ ตีสี่ไม่รู้หายไปไหน ส่วนเราก็ย้ายที่ เดินไปหลบอยู่ใต้หลังคาของอาคารพาณิชย์ข้างถนนใหญ่
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2559 ใกล้ตีห้าก็กลับไปเข้าห้องน้ำที่สถานี แล้วไปขอตั๋วไปอ่าว Matsushima เป็นรถท้องถิ่นไม่ต้องจองที่นั่งปลายทาง Ishinomaki
ตอนแรกถามสาวที่นั่งรอรถก่อนเรา ว่ามันเป็นสถานีปลายทางที่เราจะลงใช่มั้ย เธอทำหน้างง แล้วก็ตอบว่าใช่ แต่เราไม่ไว้ใจ เราจึงถามหนุ่มที่นั่งตรงข้าม เขาบอกว่า เราต้องลงที่ Matsushimakaigan ซึ่งเป็นทางลงไปที่อ่าว Matsushima ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที พอลงรถจึงเห็นว่าฝนเพิ่งหยุดก่อนที่เราจะไปถึง เพราะพื้นเปียก
เมื่อหลายปีก่อน สึนามิถล่มเซนได กวาดเอาผู้คนล้มตายไปกว่า 20,000 คน และสูญหายไปกว่า 5,000 คน เรายืนก้มรำลึกถึงคนที่ประสบภัยครั้งใหญ่ตรงหน้าอ่าวที่สวยงาม มีคนมาวิ่งออกกำลังกาย มีเรือยอร์ชจอดอยู่หลายลำ มองออกไปจากอ่าว มีเกาะเล็กๆ หลายเกาะ ทะเลสวยงามมาก ต้นไม้หลายต้นที่สวนหน้าอ่าว นำสายอะไรมาพันไว้ดูแปลกตา สวยงาม
ขากลับจากอ่าว Matsushima ขณะที่เราเดินไปเกือบถึงสถานีได้ยินเสียงรถไฟ เรารีบวิ่งขึ้นเนินไป แต่ก็ไม่คิดว่าจะทัน นายท้ายรถไฟเห็นเราวิ่งมา เขายังไม่ปล่อยรถ ลุงวิ่งขึ้นขึ้นไปก่อน พอป้ามาถึงหมดแรงขาแทบหกล้ม เขาขอดูตั๋ว ป้าส่งพาสให้ดู เขาบอกอาริกาโตะ เราจึงได้นั่งรถไฟ Local กลับ Sendai
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น