ในวันที่อากาศร้อนระอุเหมือนทะเลเพลิงทั้งร่างลุกไหม้ไฟท่วมเกรียม ก็มีข้าวแช่เนี่ยล่ะที่เป็นเหมือนอาหารสวรรค์ดับร้อนดับกระหายให้หัวใจชุ่มชื่น ความอรอ่ยของข้าวแช่ไม่ใช่แค่รสสัมผัสที่ปลายลิ้น แต่มันเหมือนเราได้ดูการแสดงที่มาครบทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง
แค่สำหรับข้าวแช่มาวางตรงหน้ากลิ่นหอมของลอยดอกไม้อบควันเทียนก็ลอยฟุ้งสัมผัสปลายจมูก หอมอวนละมุนฟุ้งชวนฝัน พระเอกของสำหรับที่สะดุดตาที่สุดแน่นอนคือ “พริกหยวกยัดไส้ห่อหรุ่ม” ไข่ที่ถูกบรรจงค่อยค่อยๆหยอดลงกระทะที่ร้อนฉ่าเรียงตัวสวยกรอบทีละเส้นพันห่อพริกหยวกอ่อนสีเขียวใสยัดไส้ด้วยหมูปรุงรส มันเหมือนเป็นงานแกะสลักเครื่องประดับทองคำแค่มองดูก็เหมือนได้ชมงานศิลปะ กลิ่นเครื่องเคียงน้อยใหญ่ทั้งลูกกะปิทอด หอมใหญ่ยัดใส่ทอด หมูหวาน ไชโป้วหวาน กลิ่นพริก กลิ่นมะม่วง มันช่างยั่วให้น้ำลายสอจนแทบทนไม่ไหว
บางคนอาจรอกินของที่สวยที่สุดเป็นสิ่งสุดท้ายแต่เราเลือกกินก่อน เรารู้สึกผิดที่ต้องเอาช้อนตัดหรุ่มที่ถูกตั้งใจทำ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำลายงานศิลปะ ฉันอยากชื่นชมเธอต่อแต่ฉันก็จำเป็นต้องกินเธอ ช้อมค่อยๆตัดผ่านหรุ่มกรอบละเอียดผ่าพริกหยวกและหมูเนื้ออ่อนนุ่ม ยังไม่ได้สัมผัสด้วยปากแต่ก็เดาได้แล้วว่าอร่อยแน่ และไม่ผิดคาด
ความกรอบละเอียดของหรุ่มทำได้สมบูรณ์แบบส่วนผสมของแป้งและไข่ต้องพอดีต้องทอดในกระทะต้องใจเย็นแล้วก็ต้องกินใหม่ๆหลังทำเสร็จไม่นาน หากไม่กินร้านไม่ค่อยอร่อยหรุ่มเหี่ยวชุ่มน้ำมันไม่กรอบเด้งตึงแค่ดูก็เสียอรรถรส เนื้อพริกหยวกเผ็ดแค่เบาบางพอให้หอมได้รสชาติเคล็ดลับคือพริกต้องอ่อนถ้าเอาพริกแก่มามันก็จะเผ็ดเกินพอดี หมูปรุงรสติดหวานหน่อยๆ อร่อยเข้ากันดีกับข้าวแช่จริงๆ
ต่อมาเป็นเครื่องที่เราชอบที่สุด “ลูกกะปิทอด” เครื่องที่หน้าตาธรรมดาที่สุดแต่เป็นตัวชี้เป็นชี้ตายของสำหรับข้าวแช่ เหมือนจะทำง่ายแค่ขยำๆกะปิรวมกับเครื่อง ชุบแป้งทอดก็เสร็จ แต่ความเรียบง่ายนั่นแหละคือสิ่งที่ยากที่สุด การชิมและการปรุงรสคือหัวใจสำคัญที่สุดของอาหารไทย วัตถุดิบบ้านเรารสมันไม่คงที่ทำทุกสิ่งด้วยอัตราส่วนเท่าเดิมก็ใช่ว่าจะได้รสเดิม แค่รสคลาดไปเล็กน้อยความนัวก็หายไป เราค่อยๆเอาลูกกะปิเข้าปากลิ้มแล้วกัดมันอย่างช้าๆ แป้งกรอบบางค่อยๆแตกออกผลิรสวิเศษของลูกกะปิที่เราไม่เคยเจอที่ไหนตีความแบบร้านนี้
ปกติลูกกะปิทุกคนก็ย่อมคิดว่ากะปิต้องนำเด่นทุกสิ่งคือตัวประกอบ แต่ร้านนี้กะปิรสอ่อนและเครื่องสนุมไพรช่างสอดรับเข้าหากันได้ลงตัว กะปิเด่นแต่ไม่แย่งซีน ปกติเราก็สัมผัสได้แค่กลิ่นของกะปิ แต่ร้านนี้มันมีความซับซ้อนมากมายตะไคร้ หอมแดง กระเทียม รากผักชี มะพร้าว และที่สำคัญรสหวานต้องมาจากน้ำตาลปี๊ป ใครจะคิดว่าแค่คำแรกก็พิเศษขนาดนี้แล้ว นี่สินะรสชาววังที่แท้จริง แม้แต่คุณพ่อเราที่ปกติเหม็นกลิ่นกะปิก็สามารถทานลูกกะปิของที่นี่ได้ ทานคู่กับกระชายรสซ่าและกลิ่นขึ้นจมูกช่างผสมเข้ากันดี จากนั้นทานข้าวแช่พร้อมน้ำอบควันเทียนความใสเย็นบริสุทธิ์ของน้ำช่วยปิดรสด้วยความนุ่มละมุน
เราทาน ”หัวหอมยัดไส้ทอด” เป็นรายถัดไป เราค่อยๆใช้ช้อนตัดแบ่งครึ่งให้พอดีคำ แล้วก็ต้องแปลกใจที่สูตรร้านนี้มันแตกต่าง ปกติหอมจะถูกคว้านไส้ในออกแล้วยัดหมูก้อนปรุงรสคล้ายกับที่ยัดไส้ในพริกหยวกแต่ร้านนี้หอมกลับเหลืออยู่เกือบทั้งลูกเพิ่มเติมคือหมูปรุงรสสีน้ำตาลเข้มคำน้อยที่แทรกตัวอยู่ รสมันจะเป็นยังไงกันนะ เราค่อยๆเคี้ยวแล้วตีความมัน สัมผัสของแป้งกรอบบาง รสหวานๆอ่อนของหอมสุกเต็มๆคำ หมูรสปรุงรสเข้มข้นที่มาครบทั้งหวานและเค็ม กัดมะม่วงเปรี้ยวนิดๆแซมแก้เลี่ยน
หมูฝอยกับไชโป้วเราว่าธรรมดานะ มีร้านข้าวแช่อื่นๆที่อร่อยกว่า แต่ปกติมันเป็นเครื่องที่เราเฉยๆอยู่และก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็ฟินๆๆๆกับเครื่องที่ได้เล่าไปก่อนหน้านี้แล้ว จะเสียใจก็อย่างเดียวว่าทำไมที่นี่ไม่มีปลาฉีกฝอยผัดหวาน เป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันอรอ่ยมหัศจรรย์มาก รสนัวที่สุด ขอหักหนึ่งคะเเนน ฮืออออ
สำหรับเมนูข้าวแช่ก็ขอปิดการรีวิวเท่านี้นะครับแต่ยังมีเมนูเด็ดอื่นๆอีก จะเขียนเพิ่มเติมตรงคอมเม้นนะครับจะได้ดูง่ายๆ
ถ้าใครอ่านแล้วติดใจอยากอ่านต่อผมขออนุญาติฝากเพจหน่อยนะครับ
https://www.facebook.com/KarnFoodDiary/
ขอบคุณครับ
[CR] อาหารกานต์กิน "ท่านหญิง" สุดยอดข้าวแช่และหมี่กรอบ ตำหรับวังศุโขทัย
แค่สำหรับข้าวแช่มาวางตรงหน้ากลิ่นหอมของลอยดอกไม้อบควันเทียนก็ลอยฟุ้งสัมผัสปลายจมูก หอมอวนละมุนฟุ้งชวนฝัน พระเอกของสำหรับที่สะดุดตาที่สุดแน่นอนคือ “พริกหยวกยัดไส้ห่อหรุ่ม” ไข่ที่ถูกบรรจงค่อยค่อยๆหยอดลงกระทะที่ร้อนฉ่าเรียงตัวสวยกรอบทีละเส้นพันห่อพริกหยวกอ่อนสีเขียวใสยัดไส้ด้วยหมูปรุงรส มันเหมือนเป็นงานแกะสลักเครื่องประดับทองคำแค่มองดูก็เหมือนได้ชมงานศิลปะ กลิ่นเครื่องเคียงน้อยใหญ่ทั้งลูกกะปิทอด หอมใหญ่ยัดใส่ทอด หมูหวาน ไชโป้วหวาน กลิ่นพริก กลิ่นมะม่วง มันช่างยั่วให้น้ำลายสอจนแทบทนไม่ไหว
บางคนอาจรอกินของที่สวยที่สุดเป็นสิ่งสุดท้ายแต่เราเลือกกินก่อน เรารู้สึกผิดที่ต้องเอาช้อนตัดหรุ่มที่ถูกตั้งใจทำ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำลายงานศิลปะ ฉันอยากชื่นชมเธอต่อแต่ฉันก็จำเป็นต้องกินเธอ ช้อมค่อยๆตัดผ่านหรุ่มกรอบละเอียดผ่าพริกหยวกและหมูเนื้ออ่อนนุ่ม ยังไม่ได้สัมผัสด้วยปากแต่ก็เดาได้แล้วว่าอร่อยแน่ และไม่ผิดคาด
ความกรอบละเอียดของหรุ่มทำได้สมบูรณ์แบบส่วนผสมของแป้งและไข่ต้องพอดีต้องทอดในกระทะต้องใจเย็นแล้วก็ต้องกินใหม่ๆหลังทำเสร็จไม่นาน หากไม่กินร้านไม่ค่อยอร่อยหรุ่มเหี่ยวชุ่มน้ำมันไม่กรอบเด้งตึงแค่ดูก็เสียอรรถรส เนื้อพริกหยวกเผ็ดแค่เบาบางพอให้หอมได้รสชาติเคล็ดลับคือพริกต้องอ่อนถ้าเอาพริกแก่มามันก็จะเผ็ดเกินพอดี หมูปรุงรสติดหวานหน่อยๆ อร่อยเข้ากันดีกับข้าวแช่จริงๆ
ต่อมาเป็นเครื่องที่เราชอบที่สุด “ลูกกะปิทอด” เครื่องที่หน้าตาธรรมดาที่สุดแต่เป็นตัวชี้เป็นชี้ตายของสำหรับข้าวแช่ เหมือนจะทำง่ายแค่ขยำๆกะปิรวมกับเครื่อง ชุบแป้งทอดก็เสร็จ แต่ความเรียบง่ายนั่นแหละคือสิ่งที่ยากที่สุด การชิมและการปรุงรสคือหัวใจสำคัญที่สุดของอาหารไทย วัตถุดิบบ้านเรารสมันไม่คงที่ทำทุกสิ่งด้วยอัตราส่วนเท่าเดิมก็ใช่ว่าจะได้รสเดิม แค่รสคลาดไปเล็กน้อยความนัวก็หายไป เราค่อยๆเอาลูกกะปิเข้าปากลิ้มแล้วกัดมันอย่างช้าๆ แป้งกรอบบางค่อยๆแตกออกผลิรสวิเศษของลูกกะปิที่เราไม่เคยเจอที่ไหนตีความแบบร้านนี้
ปกติลูกกะปิทุกคนก็ย่อมคิดว่ากะปิต้องนำเด่นทุกสิ่งคือตัวประกอบ แต่ร้านนี้กะปิรสอ่อนและเครื่องสนุมไพรช่างสอดรับเข้าหากันได้ลงตัว กะปิเด่นแต่ไม่แย่งซีน ปกติเราก็สัมผัสได้แค่กลิ่นของกะปิ แต่ร้านนี้มันมีความซับซ้อนมากมายตะไคร้ หอมแดง กระเทียม รากผักชี มะพร้าว และที่สำคัญรสหวานต้องมาจากน้ำตาลปี๊ป ใครจะคิดว่าแค่คำแรกก็พิเศษขนาดนี้แล้ว นี่สินะรสชาววังที่แท้จริง แม้แต่คุณพ่อเราที่ปกติเหม็นกลิ่นกะปิก็สามารถทานลูกกะปิของที่นี่ได้ ทานคู่กับกระชายรสซ่าและกลิ่นขึ้นจมูกช่างผสมเข้ากันดี จากนั้นทานข้าวแช่พร้อมน้ำอบควันเทียนความใสเย็นบริสุทธิ์ของน้ำช่วยปิดรสด้วยความนุ่มละมุน
เราทาน ”หัวหอมยัดไส้ทอด” เป็นรายถัดไป เราค่อยๆใช้ช้อนตัดแบ่งครึ่งให้พอดีคำ แล้วก็ต้องแปลกใจที่สูตรร้านนี้มันแตกต่าง ปกติหอมจะถูกคว้านไส้ในออกแล้วยัดหมูก้อนปรุงรสคล้ายกับที่ยัดไส้ในพริกหยวกแต่ร้านนี้หอมกลับเหลืออยู่เกือบทั้งลูกเพิ่มเติมคือหมูปรุงรสสีน้ำตาลเข้มคำน้อยที่แทรกตัวอยู่ รสมันจะเป็นยังไงกันนะ เราค่อยๆเคี้ยวแล้วตีความมัน สัมผัสของแป้งกรอบบาง รสหวานๆอ่อนของหอมสุกเต็มๆคำ หมูรสปรุงรสเข้มข้นที่มาครบทั้งหวานและเค็ม กัดมะม่วงเปรี้ยวนิดๆแซมแก้เลี่ยน
หมูฝอยกับไชโป้วเราว่าธรรมดานะ มีร้านข้าวแช่อื่นๆที่อร่อยกว่า แต่ปกติมันเป็นเครื่องที่เราเฉยๆอยู่และก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็ฟินๆๆๆกับเครื่องที่ได้เล่าไปก่อนหน้านี้แล้ว จะเสียใจก็อย่างเดียวว่าทำไมที่นี่ไม่มีปลาฉีกฝอยผัดหวาน เป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันอรอ่ยมหัศจรรย์มาก รสนัวที่สุด ขอหักหนึ่งคะเเนน ฮืออออ
สำหรับเมนูข้าวแช่ก็ขอปิดการรีวิวเท่านี้นะครับแต่ยังมีเมนูเด็ดอื่นๆอีก จะเขียนเพิ่มเติมตรงคอมเม้นนะครับจะได้ดูง่ายๆ
ถ้าใครอ่านแล้วติดใจอยากอ่านต่อผมขออนุญาติฝากเพจหน่อยนะครับ
https://www.facebook.com/KarnFoodDiary/
ขอบคุณครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น