"ไม่เคยคิดเลย...ว่าสาวน้อยร้อยโลเศษอย่างฉัน...จะมีวันนี้"
เชื่อเรื่องโชคชะตาหรือเปล่า โคราชกับเชียงใหม่ ไกลกันมากเลยใช่ไหม และเป็นไปได้ยากมากที่คนสองคนจะมาพบกันโดยบังเอิญ ผ่านเว็บไซต์หนึ่ง แต่จุดเริ่มต้นของฉัน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตฉันก็มาจากเว็บไซต์นี้
กลางเดือนมกราคม ฉันสาวอ้วนน้ำหนัก 106 กิโลกรัม ที่มีทัศนคติการใช้ชีวิตคือ
"ต้องอ้วนเข้าไว้จะได้เรียนจบ ไม่มีผู้ชายมอง เพราะเราขี้เหร่ จบแล้วค่อยว่ากัน 555" ฉันคิดแบบนี้มาตลอดจนถึงปีสุดท้ายที่กำลังฝึกงาน ด้วยความเหงา ฉันจึงอยากหาเพื่อนคุยที่แบบไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จนไปเจอเว็บไซต์หนึ่ง
แต่ละคน...จะบอกถึงความเป็นตัวเองและสเปคที่ตัวเองต้องการ...ดูไปเรื่อยๆ...จนสะดุดกับ...ประโยคหนึ่งที่ว่า
"...ขอคนที่ลืมคนเก่าได้ ลืมอดีตได้..." ทำไมฉันถึงสะดุดกับประโยคนี้...เพราะฉันเองก็เคยเป็นคนที่ยึดติดกับอดีตมากๆคนหนึ่ง..แต่ตอนนี้ฉันหายดีแล้ว ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจแอดไลน์ไป จุดประสงค์ตอนนั้น ฉันต้องการเป็นเพื่อนและแบ่งปันประสบการณ์การรับมือกับอดีต
ในที่สุด...เขาก็รับแอดไลน์ ประโยคสนทนาแนะนำตัวก็เริ่มขึ้น เราคุยกันไปสักพัก ฉันจึงถามเรื่องราวในอดีตของเขาว่า เกิดอะไรขึ้น เขาเล่าเรื่องราวของเขา แต่ทำไม ฉันรู้สึกว่าเหมือนฉันกำลังเจอคนที่มีอะไรคล้ายกัน "ยิ่งรับรู้เรื่องราว ก็รู้ว่าเขากับฉันคงไม่ต่างกัน เป็นคนที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับความรัก และคนที่รักเหมือนๆกัน" แต่สิ่งที่รู้สึกได้ต่อมาคือ "กำแพง" ที่เขาสร้างขึ้น ฉันตอนนั้นทำได้เพียงรับฟัง ช่วยอะไรเขามากกว่านี้ไม่ได้เลย
ทุกวันฉันจะส่งไลน์ปลุกเขาบ้าง ถามเขาบ้าง ด้วยประโยค พื้นฐาน ทานข้าวยัง เป็นไงบ้าง ยิ่งคุยกันไปเรื่อยๆ ก็ทำให้ฉันรับรู้ความถึงสิ่งดีๆ ที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา อันที่จริง ฉันเคยเป็นคนที่มอง ทุกอย่างในชีวิตเป็นลบตลอด แปลกเหมือนกันที่พอเจอเขา ฉันกลับรู้สึกว่า ทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ มันเริ่มสวยงามและเป็นสิ่งดีๆ
ฉันกับเขาคุยกันได้นานพอสมควร จนมีช่วงเวลาหนึ่งที่เราห่างกันไปสักพัก ความรู้สึกของฉันเริ่มเปลี่ยนไป รู้สึกคิดถึงคนที่ไม่เคยเจอหน้า ห่วงเขาว่าเขาจะรับมือกับความคิดตัวเองไหวไหม มากกว่านั้น ฉันไม่ได้ต้องการเป็นเพื่อนของเขาบนโลกออนไลน์อีกแล้ว "ไม่ต้องการเป็นแค่เพื่อนอีกแล้ว"
" ความรักสำหรับฉัน ไม่ได้จำกัดด้วยเพศ อายุ ฐานะ การศึกษา รูปร่าง หน้าตา ชาติตระกูล หรือแม้แต่เวลา หากแต่ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกของหัวใจ ที่ไม่ต้องผ่านการหาเหตุผลโดยการใช้ตรรกะของสมอง ความรู้สึก ก็พอ รักก็คือรัก องค์ประกอบภายนอกก็แค่สิ่งปรุงแต่ง ไม่ได้มีอิทธิพลกับการตัดสินใจจะรักใครของฉันเลย"
กลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเวลาแล้ว ที่ฉันต้องบอกเขา ว่า ฉัน "รัก" เขา เข้าแล้ว เป็นอย่างที่คาดไว้ เขายังไม่พร้อมจะมีใคร ฉันคิดไว้แต่แรก เพราะ เขาเป็นแบบนี้ มั่นคงกับความรักที่เคยมีแบบนี้ ฉันจึงได้คำตอบว่า ทำไมฉันถึงรักเขา แล้วฉันก็เลือกแล้วที่จะรอและตั้งใจที่จะใช้ความพยายาม เพื่อดึงเขาออกมาจากกำแพงให้ได้ ฉันต้องทำให้ได้
ในที่สุด บททดสอบสำคัญก็มาถึง ไม่มีใครเคยตั้งโจทย์กับฉัน ถือว่าเป็นครั้งแรก ครั้งแรกจริงๆ เขาตั้งโจทย์ให้ฉันว่า " อีกเก้าเดือน ถ้าเธอลดน้ำหนักเหลือ 60 กิโลได้ มารับคำตอบจากเขาที่เชียงใหม่ได้เลย " ฉันดีใจมาก ที่ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเอง เอาละ " ไอ้อ้วนถึงเวลาปฏิวัติตัวเองแล้ว"
" เฮ้ย ลงจริงอ่ะ 105.8 เหลือ 102.3 จริงดิ เฮ้ยทำได้อ่ะ "
สัปดาห์แรก ความมุ่งมั่นมาเต็ม ตื่นตีห้า วิ่งตอนเช้า ถึง 6.45 ซิทอัพ 30 ครั้งแกว่งแขน 300 สิ่งที่ยากที่สุดของสัปดาห์นี้คือ การเลิกทานของโปรดหลายๆ อย่าง อันได้แก่ โกโก้เย็น กะเพราเนื้อ เค้กช็อกโกแลต ของมัน ของทอดนี่ ออกไปให้ไกลๆจากชีวิตฉันเลย ตอนเย็นก็ออกกำลังกายเหมือนตอนเช้า แต่ข้าวก็ทานน้อยลงมาก จาก สองถึงสามจานต่อมื้อ เหลือ 2 ทัพพี หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป วันอาทิตย์ต้องชั่งน้ำหนักเพื่อรายงานผลกับเขา พระเจ้า
แทบกรี๊ด 102.3 เฮ้ย ลดได้จริงอ่ะ เหมือนฝัน ความรู้สึกภูมิใจในตัวเองยิ่งกระตุ้นให้อยากลดลงอีก เขาก็มีการเสริมแรงว่า "จะรีบไปไหน ลดเร็วขนาดนี้ไม่ถึงเก้าเดือนหรอกมั้ง คงได้มาหาเขาที่เชียงใหม่แน่ รีบมาเอาคำตอบขนาดนั้น"
"ลงอีกแล้ว คราวนี้ใครจะเรียกฉันสาวน้อยร้อยโลไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้ ฉันหนัก 99.4 กิโล"
สัปดาห์ที่ 2 ความมุ่งมั่นเพิ่มมากขึ้น เป้าหมายสัปดาห์นี้ อยากเห็นหน้าเลขสองหลัก ซึ่งห่างหายหน้ากันไปเกือบปีครึ่ง สัปดาห์นี้สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือ ฉันได้เล่นฟิตเนสตอนเย็นเป็นเวลา 1- 2 ชั่วโมง รู้สึกว่าร่างกายเริ่มสนุกกับการออกกำลังกาย มันเหนื่อยแต่รู้สึกสดชื่น ส่วนเรื่องอาหาร ฉันทาน 3 มื้อ เหมือนปกติแต่ลดปริมาณลงมากและควบคุมอาหารที่มีไขมัน แป้ง น้ำตาลสูงๆ ไม่แตะเลยทีเดียว วันอาทิตย์ต้องลุ้นระทึกอีกแล้ว
ผลปรากฏว่าพอชั่ง 99.4 กิโล เฮลั่นร้านเลย ดีใจมากอ่ะ ส่งภาพไปบอกเขา เขาเลยแซวว่า "ท่าทางเอาจริงนะเนี๊ยะ" เลยตอบกลับไปว่า "แน่นอน จะพยายามให้ถึงที่สุดจนกว่าจะสำเร็จ" แล้วก็รอดไปอีกสัปดาห์
สัปดาห์ที่ 3 เป้าหมายสัปดาห์นี้ ต้องเหลือ 97 กิโล เป็นอย่างน้อย กิจวัตรทุกอย่างเริ่มลงตัว เช้าตื่น ตีห้า ดื่มน้ำแล้วเริ่มวอร์มร่างกายก่อนวิ่ง เพิ่มระยะทางจาก 2 กิโลเมตรเป็น 2.5 - 3 กิโลเมตร อาหารก็เริ่มชินไม่หิว หรือต้องหักห้ามใจมากเหมือนช่วงแรกๆ อารมย์ดี มีความสุข ชอบมากคือตอนที่ออกกำลังกายแล้วเหงื่อออกท่วมตัว เหมือนระบบในร่างกายทำงานอย่างเต็มที สดชื่นเลือดสูบฉีด พอถึงวันอาทิตย์ เช่นเดิม ลุ้นเหมือนเดิมเพราะว่าถ้าลดได้ น้ำหนักครั้งนี้จะเท่ากับเมื่อปีครึ่งที่แล้วก่อนมาแตะหลักร้อยโล
ผลชั่งออกมา 97.4 กิโลกรัม โห โล่งทำได้อีกแล้ว เหมือนผ่านด่านในเกมส์ได้ความรู้สึกเดียวกันเลย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีความอดทนหรือพยายามได้ขนาดนี้ ส่งไปบอกเขาเหมือนเดิม เขาก็คำนวนให้เลยว่าไม่เกิน 5 เดือนถ้าเธอลดได้สัปดาห์ละ 2 กิโล คงได้มาเชียงใหม่เร็วกว่ากำหนดแน่ ฉันได้แต่บอกเขาว่า "จะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ จะทำให้ได้ รอนะคะ อีกไม่นาน รับรอง"
สัปดาห์ที่ 4 เป้าหมายสัปดาห์นี้ ต้องเหลือ 95 กิโลเป็นอย่างน้อย ฉันยังดำเนินกิจวัตรเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือฝึกแพลง และหาข้อมูลเกี่ยวกับการลดน้ำหนักจากคนมีประสบการณ์ พี่ที่รู้จักบอกว่า ลดเร็วก็ระวังผลข้างเคียงด้วยนะ แต่ตอนนี้ถ้าลดได้เร็วก็ต้องรีบเพราะมันจะมีช่วงน้ำหนักหยุด พอได้ฟัง ฉันก็รู้สึกว่าการลดน้ำหนักมันมีรายละเอียดที่ต้องรู้อีกมาก ก็กังวลว่า จะมีผลข้างเคียง แต่ฉันก็ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้เต็มที่ มันต้องได้สิ ต้องทำได้สิ ฉันปลุกใจตัวเองทุกวัน ยิ้มทุกครั้งที่คิดถึงว่า อีกเก้าเดือน ฉันก็จะได้เจอเขาแล้ว ถึงวันอาทิตย์ ได้เวลาลุ้นอีกเช่นเคย
ผลชั่งออกมา 95.6 กิโลกรัม รอดตัวไปอีกหนึ่งสัปดาห์ หลักกิโลเมตรต่อไป คือ 93 กิโลกรัม
"ถึงช่วงวิกฤตจนได้ ทั้งภาวะความเครียด น้ำหนักทรงตัว แล้วฉันจะทำได้ไหม"
สัปดาห์ที่ 5 ถึง 6 เป้าหมายสัปดาห์นี้ คือหลักกิโลที่ 93 และแล้วก็ถึงช่วงวิกฤตของฉัน เพราะมีเรื่องราวที่ทำให้เกิดความเครียด นอนไม่หลับ กิจวัตรบางช่วงเริ่มร่วน แต่ฉันก็กัดฟัน สู้อีกครั้ง น้ำหนักทรงตัว 2 สัปดาห์ ไม่ได้การฉันจึงขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ เขาก็แนะนำมา 2-3 วิธี และวิธีที่ฉันเลือกคือการรวมกันของสองวิธี ได้แก่ลดปริมาณอาหารลงอีก และ ออกกำลังกายหนักกว่าเดิม ตั้งใจว่า สัปดาห์ที่ 7 จะต้องทำให้ได้
" เพราะเขาคือจุดเริ่มต้นสำคัญของฉันถึงแม้วันนี้...เขาจะไม่มีคำตอบไว้สำหรับฉันอีกแล้ว"
สัปดาห์ที่ 7 เอาละ เริ่มใหม่ ฉันพยายามอีกครั้ง ทานน้อยลง และออกกำลังกายหนักขึ้น และแล้วก่อนวันสงกรานต์ 2 วัน ฉันก็ต้องพบกับความผิดหวัง ใช่ เขาขอเลิกกับฉัน ส่วนเหตุผลอะไร "ถ้าฉันไม่คิดเขาข้างตัวเองมากไป ฉันเชื่อว่าที่เขาต้องทำแบบนี้ ก็เพื่ออนาคตของฉัน" ความสัมพันธ์ การติดต่อทุกอย่าง ถูกยุติลง หลังจากวันนั้น ส่วนฉัน คงได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่า จะเอายังไงกับโจทย์ที่เขาให้ไว้
"ขอบคุณนะคะที่เดินเข้ามา เปลี่ยนแปลงชีวิตฉันในครั้งนี้ คุณมีอิทธิพลกับฉันแค่ไหน วันนี้คุณคงเห็นแล้ว...ถึงความสุขของคุณจะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะฉัน...แต่ความสุขของฉันมีจุดเริ่มต้นมาจากคุณนะคะ"
วันต่อมา ฉันชั่งน้ำหนักอีกครั้ง ผลการชั่งทำให้ฉันได้รับคำตอบว่าฉันจะทำยังไงกับโจทย์นี้ดี
ฉันชั่งน้ำหนักได้ 92.6 กิโลกรัม ฉันดีใจมาก คงเป็นความดีใจในรอบวันหลังจากเศร้าและสับสนกับตัวเอง ฉันได้คำตอบแล้วว่า ฉันจะทำโจทย์ให้สำเร็จให้ได้ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อสุขภาพฉันเอง เหมือนที่เขาเคยบอกว่า "ถ้าเธอทำได้ มันก็เป็นผลดีกับตัวเอง เธอเป็นผู้หญิง ต่อไปต้องเข้าสู่โหมดมนุษย์เงินเดือน เธอต้องมีหน้าที่การงานที่ดี รู้ไหม"
วันนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการลดน้ำหนักของฉันที่ทำให้ฉันประสบความสำเร็จมีอยู่ สองสิ่ง
สิ่งแรก คือ หัวใจฉัน ที่มีความมุ่งมั่น พยายาม เข้มแข็งและมีเป้าหมายที่ชัดเจน
สิ่งที่สองคือ เขา คนสำสำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้น แรงบันดาลใจ กำลังใจ และมีอิทธิพลกับหญิงอ้วนอย่างฉัน ฉันเชื่อในอานุภาพความรักนะ ฉันถึงพยายามนำความรักมาใช้ในทางที่ถูก หวังว่าเรื่องราวของฉัน คงเป็นข้อคิดและแรงบันดาลใจให้คนที่อยากลดน้ำหนักได้ ขนาดฉันที่ไม่เคยคิดจะลดน้ำหนัก แค่ได้รักเขา ฉันก็พยายามมาได้ถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าวันนี้ บทความของฉันสามารถส่งถึงเขาได้ ฉันมีเรื่องอยากจะบอกเขาว่า
" ขอบคุณที่คุณไม่รังเกียจคนอ้วนอย่างฉัน ขอบคุณสำหรับความสุขที่ฉันได้รับตลอดเวลา โอกาสในการพิสูจน์ตัวเอง กำลังใจ คำแนะนำ ความห่วงใย ฉันจะทำโจทย์นี้ต่อไป จะพยายามทำให้สำเร็จ ถึงวันนี้จะไม่มีคุณคอยดูความสำเร็จและเตรียมคำตอบไว้ให้ฉัน แต่สำหรับฉัน คำตอบของฉันจากวันนั้น จนถึงวันนี้ ก็ยังเหมือนเดิม ฉันรักและเลือกจะรอคุณต่อไป มันจะเป็นคำตอบของวันต่อๆ ไปสำหรับฉัน ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ หวังว่าสักวัน เราคงได้พบกัน"
"...รักนะคะ...คนทางนั้น..."
ความรักเปลี่ยนแปลงฉัน หนึ่งเดือนครึ่ง จาก 106 สู่ 92 กิโล
เชื่อเรื่องโชคชะตาหรือเปล่า โคราชกับเชียงใหม่ ไกลกันมากเลยใช่ไหม และเป็นไปได้ยากมากที่คนสองคนจะมาพบกันโดยบังเอิญ ผ่านเว็บไซต์หนึ่ง แต่จุดเริ่มต้นของฉัน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตฉันก็มาจากเว็บไซต์นี้
กลางเดือนมกราคม ฉันสาวอ้วนน้ำหนัก 106 กิโลกรัม ที่มีทัศนคติการใช้ชีวิตคือ "ต้องอ้วนเข้าไว้จะได้เรียนจบ ไม่มีผู้ชายมอง เพราะเราขี้เหร่ จบแล้วค่อยว่ากัน 555" ฉันคิดแบบนี้มาตลอดจนถึงปีสุดท้ายที่กำลังฝึกงาน ด้วยความเหงา ฉันจึงอยากหาเพื่อนคุยที่แบบไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จนไปเจอเว็บไซต์หนึ่ง
แต่ละคน...จะบอกถึงความเป็นตัวเองและสเปคที่ตัวเองต้องการ...ดูไปเรื่อยๆ...จนสะดุดกับ...ประโยคหนึ่งที่ว่า "...ขอคนที่ลืมคนเก่าได้ ลืมอดีตได้..." ทำไมฉันถึงสะดุดกับประโยคนี้...เพราะฉันเองก็เคยเป็นคนที่ยึดติดกับอดีตมากๆคนหนึ่ง..แต่ตอนนี้ฉันหายดีแล้ว ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจแอดไลน์ไป จุดประสงค์ตอนนั้น ฉันต้องการเป็นเพื่อนและแบ่งปันประสบการณ์การรับมือกับอดีต
ในที่สุด...เขาก็รับแอดไลน์ ประโยคสนทนาแนะนำตัวก็เริ่มขึ้น เราคุยกันไปสักพัก ฉันจึงถามเรื่องราวในอดีตของเขาว่า เกิดอะไรขึ้น เขาเล่าเรื่องราวของเขา แต่ทำไม ฉันรู้สึกว่าเหมือนฉันกำลังเจอคนที่มีอะไรคล้ายกัน "ยิ่งรับรู้เรื่องราว ก็รู้ว่าเขากับฉันคงไม่ต่างกัน เป็นคนที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับความรัก และคนที่รักเหมือนๆกัน" แต่สิ่งที่รู้สึกได้ต่อมาคือ "กำแพง" ที่เขาสร้างขึ้น ฉันตอนนั้นทำได้เพียงรับฟัง ช่วยอะไรเขามากกว่านี้ไม่ได้เลย
ทุกวันฉันจะส่งไลน์ปลุกเขาบ้าง ถามเขาบ้าง ด้วยประโยค พื้นฐาน ทานข้าวยัง เป็นไงบ้าง ยิ่งคุยกันไปเรื่อยๆ ก็ทำให้ฉันรับรู้ความถึงสิ่งดีๆ ที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา อันที่จริง ฉันเคยเป็นคนที่มอง ทุกอย่างในชีวิตเป็นลบตลอด แปลกเหมือนกันที่พอเจอเขา ฉันกลับรู้สึกว่า ทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ มันเริ่มสวยงามและเป็นสิ่งดีๆ
ฉันกับเขาคุยกันได้นานพอสมควร จนมีช่วงเวลาหนึ่งที่เราห่างกันไปสักพัก ความรู้สึกของฉันเริ่มเปลี่ยนไป รู้สึกคิดถึงคนที่ไม่เคยเจอหน้า ห่วงเขาว่าเขาจะรับมือกับความคิดตัวเองไหวไหม มากกว่านั้น ฉันไม่ได้ต้องการเป็นเพื่อนของเขาบนโลกออนไลน์อีกแล้ว "ไม่ต้องการเป็นแค่เพื่อนอีกแล้ว"
" ความรักสำหรับฉัน ไม่ได้จำกัดด้วยเพศ อายุ ฐานะ การศึกษา รูปร่าง หน้าตา ชาติตระกูล หรือแม้แต่เวลา หากแต่ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกของหัวใจ ที่ไม่ต้องผ่านการหาเหตุผลโดยการใช้ตรรกะของสมอง ความรู้สึก ก็พอ รักก็คือรัก องค์ประกอบภายนอกก็แค่สิ่งปรุงแต่ง ไม่ได้มีอิทธิพลกับการตัดสินใจจะรักใครของฉันเลย"
กลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเวลาแล้ว ที่ฉันต้องบอกเขา ว่า ฉัน "รัก" เขา เข้าแล้ว เป็นอย่างที่คาดไว้ เขายังไม่พร้อมจะมีใคร ฉันคิดไว้แต่แรก เพราะ เขาเป็นแบบนี้ มั่นคงกับความรักที่เคยมีแบบนี้ ฉันจึงได้คำตอบว่า ทำไมฉันถึงรักเขา แล้วฉันก็เลือกแล้วที่จะรอและตั้งใจที่จะใช้ความพยายาม เพื่อดึงเขาออกมาจากกำแพงให้ได้ ฉันต้องทำให้ได้
ในที่สุด บททดสอบสำคัญก็มาถึง ไม่มีใครเคยตั้งโจทย์กับฉัน ถือว่าเป็นครั้งแรก ครั้งแรกจริงๆ เขาตั้งโจทย์ให้ฉันว่า " อีกเก้าเดือน ถ้าเธอลดน้ำหนักเหลือ 60 กิโลได้ มารับคำตอบจากเขาที่เชียงใหม่ได้เลย " ฉันดีใจมาก ที่ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเอง เอาละ " ไอ้อ้วนถึงเวลาปฏิวัติตัวเองแล้ว"
" เฮ้ย ลงจริงอ่ะ 105.8 เหลือ 102.3 จริงดิ เฮ้ยทำได้อ่ะ "
สัปดาห์แรก ความมุ่งมั่นมาเต็ม ตื่นตีห้า วิ่งตอนเช้า ถึง 6.45 ซิทอัพ 30 ครั้งแกว่งแขน 300 สิ่งที่ยากที่สุดของสัปดาห์นี้คือ การเลิกทานของโปรดหลายๆ อย่าง อันได้แก่ โกโก้เย็น กะเพราเนื้อ เค้กช็อกโกแลต ของมัน ของทอดนี่ ออกไปให้ไกลๆจากชีวิตฉันเลย ตอนเย็นก็ออกกำลังกายเหมือนตอนเช้า แต่ข้าวก็ทานน้อยลงมาก จาก สองถึงสามจานต่อมื้อ เหลือ 2 ทัพพี หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป วันอาทิตย์ต้องชั่งน้ำหนักเพื่อรายงานผลกับเขา พระเจ้า แทบกรี๊ด 102.3 เฮ้ย ลดได้จริงอ่ะ เหมือนฝัน ความรู้สึกภูมิใจในตัวเองยิ่งกระตุ้นให้อยากลดลงอีก เขาก็มีการเสริมแรงว่า "จะรีบไปไหน ลดเร็วขนาดนี้ไม่ถึงเก้าเดือนหรอกมั้ง คงได้มาหาเขาที่เชียงใหม่แน่ รีบมาเอาคำตอบขนาดนั้น"
"ลงอีกแล้ว คราวนี้ใครจะเรียกฉันสาวน้อยร้อยโลไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้ ฉันหนัก 99.4 กิโล"
สัปดาห์ที่ 2 ความมุ่งมั่นเพิ่มมากขึ้น เป้าหมายสัปดาห์นี้ อยากเห็นหน้าเลขสองหลัก ซึ่งห่างหายหน้ากันไปเกือบปีครึ่ง สัปดาห์นี้สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือ ฉันได้เล่นฟิตเนสตอนเย็นเป็นเวลา 1- 2 ชั่วโมง รู้สึกว่าร่างกายเริ่มสนุกกับการออกกำลังกาย มันเหนื่อยแต่รู้สึกสดชื่น ส่วนเรื่องอาหาร ฉันทาน 3 มื้อ เหมือนปกติแต่ลดปริมาณลงมากและควบคุมอาหารที่มีไขมัน แป้ง น้ำตาลสูงๆ ไม่แตะเลยทีเดียว วันอาทิตย์ต้องลุ้นระทึกอีกแล้ว ผลปรากฏว่าพอชั่ง 99.4 กิโล เฮลั่นร้านเลย ดีใจมากอ่ะ ส่งภาพไปบอกเขา เขาเลยแซวว่า "ท่าทางเอาจริงนะเนี๊ยะ" เลยตอบกลับไปว่า "แน่นอน จะพยายามให้ถึงที่สุดจนกว่าจะสำเร็จ" แล้วก็รอดไปอีกสัปดาห์
สัปดาห์ที่ 3 เป้าหมายสัปดาห์นี้ ต้องเหลือ 97 กิโล เป็นอย่างน้อย กิจวัตรทุกอย่างเริ่มลงตัว เช้าตื่น ตีห้า ดื่มน้ำแล้วเริ่มวอร์มร่างกายก่อนวิ่ง เพิ่มระยะทางจาก 2 กิโลเมตรเป็น 2.5 - 3 กิโลเมตร อาหารก็เริ่มชินไม่หิว หรือต้องหักห้ามใจมากเหมือนช่วงแรกๆ อารมย์ดี มีความสุข ชอบมากคือตอนที่ออกกำลังกายแล้วเหงื่อออกท่วมตัว เหมือนระบบในร่างกายทำงานอย่างเต็มที สดชื่นเลือดสูบฉีด พอถึงวันอาทิตย์ เช่นเดิม ลุ้นเหมือนเดิมเพราะว่าถ้าลดได้ น้ำหนักครั้งนี้จะเท่ากับเมื่อปีครึ่งที่แล้วก่อนมาแตะหลักร้อยโล ผลชั่งออกมา 97.4 กิโลกรัม โห โล่งทำได้อีกแล้ว เหมือนผ่านด่านในเกมส์ได้ความรู้สึกเดียวกันเลย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีความอดทนหรือพยายามได้ขนาดนี้ ส่งไปบอกเขาเหมือนเดิม เขาก็คำนวนให้เลยว่าไม่เกิน 5 เดือนถ้าเธอลดได้สัปดาห์ละ 2 กิโล คงได้มาเชียงใหม่เร็วกว่ากำหนดแน่ ฉันได้แต่บอกเขาว่า "จะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ จะทำให้ได้ รอนะคะ อีกไม่นาน รับรอง"
สัปดาห์ที่ 4 เป้าหมายสัปดาห์นี้ ต้องเหลือ 95 กิโลเป็นอย่างน้อย ฉันยังดำเนินกิจวัตรเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือฝึกแพลง และหาข้อมูลเกี่ยวกับการลดน้ำหนักจากคนมีประสบการณ์ พี่ที่รู้จักบอกว่า ลดเร็วก็ระวังผลข้างเคียงด้วยนะ แต่ตอนนี้ถ้าลดได้เร็วก็ต้องรีบเพราะมันจะมีช่วงน้ำหนักหยุด พอได้ฟัง ฉันก็รู้สึกว่าการลดน้ำหนักมันมีรายละเอียดที่ต้องรู้อีกมาก ก็กังวลว่า จะมีผลข้างเคียง แต่ฉันก็ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้เต็มที่ มันต้องได้สิ ต้องทำได้สิ ฉันปลุกใจตัวเองทุกวัน ยิ้มทุกครั้งที่คิดถึงว่า อีกเก้าเดือน ฉันก็จะได้เจอเขาแล้ว ถึงวันอาทิตย์ ได้เวลาลุ้นอีกเช่นเคย ผลชั่งออกมา 95.6 กิโลกรัม รอดตัวไปอีกหนึ่งสัปดาห์ หลักกิโลเมตรต่อไป คือ 93 กิโลกรัม
"ถึงช่วงวิกฤตจนได้ ทั้งภาวะความเครียด น้ำหนักทรงตัว แล้วฉันจะทำได้ไหม"
สัปดาห์ที่ 5 ถึง 6 เป้าหมายสัปดาห์นี้ คือหลักกิโลที่ 93 และแล้วก็ถึงช่วงวิกฤตของฉัน เพราะมีเรื่องราวที่ทำให้เกิดความเครียด นอนไม่หลับ กิจวัตรบางช่วงเริ่มร่วน แต่ฉันก็กัดฟัน สู้อีกครั้ง น้ำหนักทรงตัว 2 สัปดาห์ ไม่ได้การฉันจึงขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ เขาก็แนะนำมา 2-3 วิธี และวิธีที่ฉันเลือกคือการรวมกันของสองวิธี ได้แก่ลดปริมาณอาหารลงอีก และ ออกกำลังกายหนักกว่าเดิม ตั้งใจว่า สัปดาห์ที่ 7 จะต้องทำให้ได้
" เพราะเขาคือจุดเริ่มต้นสำคัญของฉันถึงแม้วันนี้...เขาจะไม่มีคำตอบไว้สำหรับฉันอีกแล้ว"
สัปดาห์ที่ 7 เอาละ เริ่มใหม่ ฉันพยายามอีกครั้ง ทานน้อยลง และออกกำลังกายหนักขึ้น และแล้วก่อนวันสงกรานต์ 2 วัน ฉันก็ต้องพบกับความผิดหวัง ใช่ เขาขอเลิกกับฉัน ส่วนเหตุผลอะไร "ถ้าฉันไม่คิดเขาข้างตัวเองมากไป ฉันเชื่อว่าที่เขาต้องทำแบบนี้ ก็เพื่ออนาคตของฉัน" ความสัมพันธ์ การติดต่อทุกอย่าง ถูกยุติลง หลังจากวันนั้น ส่วนฉัน คงได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่า จะเอายังไงกับโจทย์ที่เขาให้ไว้
"ขอบคุณนะคะที่เดินเข้ามา เปลี่ยนแปลงชีวิตฉันในครั้งนี้ คุณมีอิทธิพลกับฉันแค่ไหน วันนี้คุณคงเห็นแล้ว...ถึงความสุขของคุณจะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะฉัน...แต่ความสุขของฉันมีจุดเริ่มต้นมาจากคุณนะคะ"
วันต่อมา ฉันชั่งน้ำหนักอีกครั้ง ผลการชั่งทำให้ฉันได้รับคำตอบว่าฉันจะทำยังไงกับโจทย์นี้ดี ฉันชั่งน้ำหนักได้ 92.6 กิโลกรัม ฉันดีใจมาก คงเป็นความดีใจในรอบวันหลังจากเศร้าและสับสนกับตัวเอง ฉันได้คำตอบแล้วว่า ฉันจะทำโจทย์ให้สำเร็จให้ได้ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อสุขภาพฉันเอง เหมือนที่เขาเคยบอกว่า "ถ้าเธอทำได้ มันก็เป็นผลดีกับตัวเอง เธอเป็นผู้หญิง ต่อไปต้องเข้าสู่โหมดมนุษย์เงินเดือน เธอต้องมีหน้าที่การงานที่ดี รู้ไหม"
วันนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการลดน้ำหนักของฉันที่ทำให้ฉันประสบความสำเร็จมีอยู่ สองสิ่ง สิ่งแรก คือ หัวใจฉัน ที่มีความมุ่งมั่น พยายาม เข้มแข็งและมีเป้าหมายที่ชัดเจน สิ่งที่สองคือ เขา คนสำสำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้น แรงบันดาลใจ กำลังใจ และมีอิทธิพลกับหญิงอ้วนอย่างฉัน ฉันเชื่อในอานุภาพความรักนะ ฉันถึงพยายามนำความรักมาใช้ในทางที่ถูก หวังว่าเรื่องราวของฉัน คงเป็นข้อคิดและแรงบันดาลใจให้คนที่อยากลดน้ำหนักได้ ขนาดฉันที่ไม่เคยคิดจะลดน้ำหนัก แค่ได้รักเขา ฉันก็พยายามมาได้ถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าวันนี้ บทความของฉันสามารถส่งถึงเขาได้ ฉันมีเรื่องอยากจะบอกเขาว่า
" ขอบคุณที่คุณไม่รังเกียจคนอ้วนอย่างฉัน ขอบคุณสำหรับความสุขที่ฉันได้รับตลอดเวลา โอกาสในการพิสูจน์ตัวเอง กำลังใจ คำแนะนำ ความห่วงใย ฉันจะทำโจทย์นี้ต่อไป จะพยายามทำให้สำเร็จ ถึงวันนี้จะไม่มีคุณคอยดูความสำเร็จและเตรียมคำตอบไว้ให้ฉัน แต่สำหรับฉัน คำตอบของฉันจากวันนั้น จนถึงวันนี้ ก็ยังเหมือนเดิม ฉันรักและเลือกจะรอคุณต่อไป มันจะเป็นคำตอบของวันต่อๆ ไปสำหรับฉัน ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ หวังว่าสักวัน เราคงได้พบกัน"
"...รักนะคะ...คนทางนั้น..."