จากที่นี่ครับ
http://www.matichon.co.th/news/95994
แม้จะเป็นเพียงตอนหนึ่งก็ตาม ผมก็รู้สึกเห็นด้วยกับคุณธีรยุทธเกือบทั้งหมด แต่ก็มีหลายเรื่องที่แม้จะเป็นแก่นของปัญหา คุณธีรยุทธกลับไม่กล้าพูดหรือพูดก็พูดเพียงด้านเดียว ผมจึงคิดว่า ผมอยากจะเติมเต็มอีกด้าน เพื่อให้ข้อมูลของคุณธีรยุทธมีค่ามากกว่าที่ควรเป็น
คุณธีรยุทธครับ ผมเข้าใจดีครับ คุณธีรยุทธในวันนี้ ไม่ใช่คุณธีรยุทธเมื่อ 43 ปีก่อน คุณธีรยุทธคนนั้นเป็นเด็กหนุ่มที่เปี่ยมด้วยอุดมการณ์ ต้องการทวงคืนรัฐธรรมนูญจากเผด็จการ จนยอมแม้กระทั่งเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางอย่างไม่เกรงกลัว
แต่คุณธีรยุทธในวันนี้ อาจเป็นเพราะวัยที่เปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะฐานะที่เปลี่ยนไปหรืออาจกำลังมีความสุขกับระบบอุปถัมภ์ที่ค้ำจุน จนยกสถานะเป็นอภิสิทธิ์ชนหรือเปล่า ผมไม่รู้
แต่ที่ผมรู้ก็คือ คุณธีรยุทธคนนี้ได้เลือกข้างจากฝ่ายที่ต้องการประชาธิปไตยมากลายเป็นความต้องการสนับสนุนระบบอื่นแทน ดังนั้นความคิดเห็นของคุณธีรยุทธจึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเอนเอียง เพราะคุณธีรยุทธได้เลือกข้างไปแล้วนั่นเอง
คุณธีรยุทธครับ เมื่อความรู้สึกเปลี่ยนไป มุมมองก็เปลี่ยนตามไปด้วย ดังนั้นคุณธีรยุทธจึงมองเห็นแค่ความอยุติธรรมที่เกิดในสมัยทักษิณ มองเห็นแต่การโกงกินแบบตบตาชาวบ้าน แล้วสรุปเองว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ที่เกลียดหรือไม่เกลียดทักษิณ
คุณธีรยุทธครับ ไม่ว่าจะเป็นไม่เจตนาหรือความคับแคบในมุมมองก็ตาม แต่ในฐานะนักวิชาการ การจะพูดอะไรก็ต้องพูดตามหลักวิชาการที่ครอบคลุมทุกด้าน จึงจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะนะครับ ไม่ใช่พูดเอามันอย่างพวกแกนนำบนเวที
คุณธีรยุทธครับ การชุมนุมที่ขับไล่ทักษิณนั้น มันไม่ใช่เหตุผลหลักอย่างที่คุณธีรยุทธกล่าวอ้างหรอกครับ เพราะถ้าเป็นเรื่องของความอยุติธรรม เป็นเรื่องของการโกงกิน ไม่ใช่แค่ยุคทักษิณ แต่เป็นมาแล้วทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าอดีต ปัจจุบันหรือแม้กระทั่งอนาคตก็จะยังคงมีสิ่งเหล่านี้คงอยู่ต่อไป แล้วอะไรเล่าครับ จึงเป็นสาเหตุจริงของการชุมนุมขับไล่?
คุณธีรยุทธถ้าได้ติดตามการเมืองอย่างต่อเนื่องด้วยใจเป็นธรรม ก็จะพบกว่า มวลชนที่ออกมาขับไล่ทักษิณนั้น มันประกอบด้วยมวลชนของพรรคการเมืองที่ไม่มีปัญญาชนะทักษิณได้ด้วยการเลือกตั้ง มันประกอบด้วยเหล่าสูญเสียผลประโยชน์จากนโยบายทักษิณ และยังรวมไปถึงกลุ่มอำนาจเก่าที่หวาดกลัวอำนาจที่ครอบหัวประชาชนมาตลอดจะสูญหายไป
ดังนั้นจึงมีการปลุกระดมด้วยวิธีการมากมาย ทั้งบิดเบือนทั้งใส่ร้าย เพื่อให้มวลชนเกลียดชังไม่ใช่แค่คุณทักษิณ แต่รวมไปถึงครอบครัวที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กอร์ปกับคนต่อต้านเหล่านี้เป็นพวกอภิสิทธิ์ชนที่กฎหมายเอื้อมไม่ถึง จึงเกิดความวุ่นวายจนเป็นเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหารยึดอำนาจในครั้งนั้น (เรื่องอย่างนี้ ถ้าเป็นคุณธีรยุทธเมื่อ 43 ปีก่อน คงจะสำเนียกแล้วเป็นแน่)
เมื่อมองเห็นปัญหาผิดพลาด จึงเป็นที่มาของชาวบ้านต้องหาผู้อุปถัมภ์เพื่อการอยู่รอด ชาวบ้านเลยกลายเป็นของเล่นเชิงนโยบายของรัฐไทยไปโน่น มองเป็นที่มาของการซื้อเสียง นี่จึงเป็นมุมมองด้านเดียวของคุณธีรยุทธอีกเรื่องหนึ่งครับ
คุณธีรยุทธครับ ปัญหาเรื่องการซื้อเสียงมันมีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มันก็มีมาเกือบทุกพรรคนั่นแหละครับ แต่ปัญหาปัจจุบันนั้นมันไม่ใช่แล้วครับ ชาวบ้านเขาไม่ได้ต้องการตัวแทนที่มาจากการชื้อเสียงเพียงอย่างเดียว ไม่เชื่อลองหาข้อเท็จจริงจากการเลือกตั้ง 2 ครั้งหลังที่ผ่านมาสิครับ หรือไม่ก็ลองถามคุณอลงกรณ์แห่ง ปชป.หรือคุณเนวินแห่งภูมิใจไทยได้
และยิ่งคุณธีรยุทธใช้คำว่า อุปถัมภ์กับชาวบ้านนั้น ผมคิดว่าคุณธีรยุทธกำลังดูถูกชาวบ้านกันนะครับ ชาวบ้านคนจนๆเขาเจียมตัว ไม่ต้องการอุปถัมภ์เพื่อให้ได้ประโยชน์กับตัวเอง ชาวบ้านไม่ได้ต้องการอุปถัมภ์เพื่อให้ตัวเองเป็นอภิสิทธิชนเหมือนอย่างคุณธีรยุทธหรอกนะครับ
สิ่งที่ชาวบ้านต้องการนั้น เป็นประชาธิปไตยที่กินได้ต่างหากเล่า แต่ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่กินได้จากการเอื้อเฟื้อของนักการเมือง ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่กินได้จนทำให้ตัวเองเป็นอภิสิทธิ์ชนเฉกเช่นเดียวกับการอุปถัมภ์นะครับคุณธีรยุทธ
แต่ประชาธิปไตยที่กินได้ของชาวบ้าน เพียงต้องการให้แบ่งสรรค์งบประมาณที่มาจากภาษีของพวกเขาให้เท่าเทียมกัน เพียงต้องการปันส่วนทรัพยากรให้โอกาสพวกเขาได้เข้าถึง ไม่ได้ต้องการร่ำรวยเฉกเช่นชนชั้นกลางหรือชั้นสูงหรอกนะครับ พวกเขาขอแค่ยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขาให้ดีกว่าที่ควรเป็น เข้าใจไหมครับคุณธีรยุทธ
ส่วนประเด็นเรื่องการปฏิรูปนั้น ที่คุณธีรยุทธบอกว่า ชัดเจน เพราะคนออกมาสู้กันเป็นแสนเป็นล้าน นี่ยิ่งเป็นความคิดผิดที่ไม่น่าอภัยเลยจริงๆนะครับ
คุณธีรยุทธครับ คุณไม่รู้เลยเชียวหรือ ที่การออกมาชุมนุมกันเป็นแสนนั้น มันไม่ใช่มีความต้องการปฏิรูปนะครับ แต่เป็นการต่อต้าน พรบ.นิรโทษกรรมต่างหากครับ เมื่อ พรบ.ตกไป พวกต้องการปฏิรูปเหลือสักกี่คนกันล่ะครับ
คุณธีรยุทธครับ ถ้าคนต้องการปฏิรูปมากอย่างที่คิดล่ะก้อ แล้วทำไมต้องขัดขวางการเลือกตั้ง ทำไมตัวเลขคนไปใช้สิทธิจึงมากกว่าคนที่ไม่ไปใช้สิทธิ์ ทำไมพวกอยากปฏิรูปจึงไม่ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สังคมยอมรับกันถ้วนหน้าล่ะครับ
คราวนี้ย้อนกลับมาพูดถึงความอยุติธรรมจากคำพูดของคุณธีรยุทธจากข้างต้น
คนจนทำผิดต้องนอนคุก ก็เพราะไม่ใช่อภิสิทธิชนไงครับ
อภิสิทธิ์ชนขับไล่รัฐบาลได้ แต่ชาวบ้านต่อต้านรัฐบาลต้องแลกกับชีวิตร่วมร้อยบาดเจ็บอีกสองพัน
อภิสิทธิ์ชนขัดขวางการเลือกตั้งได้ ชาวบ้านฉีกบัตรเลือกตั้งติดคุก
อภิสิทธิ์ชนรุกที่ป่าสงวนไม่เจตนา ชาวบ้านรุกที่เพื่อทำมาหากินติดคุก
อภิสิทธิ์ชนหนีทหารเป็นหัวหน้าพรรค ชาวบ้านหนีทหารติดคุก
อภิสิทธิ์ชนชุมนุมกดดันสถานทูตได้ ชาวบ้านนั่งรถไฟติดคุก
หรือแม้แต่ที่คุณธีรยุทธแสดงปาฐกถานั้น ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่ยุติธรรมต่ออีกฝ่ายที่มีความคิดเห็นต่าง คุณธีรยุทธว่าไหม
ดังนั้นการจะปฏิรูปประเทศ สิ่งแรกควรทำจึงน่าจะเป็นการขจัดระบบอุปถัมภ์ค้ำชู เพื่อให้คนทุกคนมีความเท่าเทียมกันในทุกด้าน มีสิทธิ์เท่ากันในทุกประการ นี่จึงเป็นการลดความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริง
ตราบใดที่ไม่มีอภิสิทธิ์ชน กฎหมายก็จะสามารถบังคับใช้ด้วยมาตรฐานเดียวกัน ตราบนั้นความขัดแย้งก็จะได้รับการแก้ไข ความแตกแยกก็จะลดทอนเบาบางลง ประเทศจะได้เดินต่อเสียที นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของผมเองนะครับคุณธีรยุทธ
คุณธีรยุทธครับ ผมมีโอกาสได้อ่านปาฐกถาบางตอนของคุณธีรยุทธ--------------ทวดเอง
http://www.matichon.co.th/news/95994
แม้จะเป็นเพียงตอนหนึ่งก็ตาม ผมก็รู้สึกเห็นด้วยกับคุณธีรยุทธเกือบทั้งหมด แต่ก็มีหลายเรื่องที่แม้จะเป็นแก่นของปัญหา คุณธีรยุทธกลับไม่กล้าพูดหรือพูดก็พูดเพียงด้านเดียว ผมจึงคิดว่า ผมอยากจะเติมเต็มอีกด้าน เพื่อให้ข้อมูลของคุณธีรยุทธมีค่ามากกว่าที่ควรเป็น
คุณธีรยุทธครับ ผมเข้าใจดีครับ คุณธีรยุทธในวันนี้ ไม่ใช่คุณธีรยุทธเมื่อ 43 ปีก่อน คุณธีรยุทธคนนั้นเป็นเด็กหนุ่มที่เปี่ยมด้วยอุดมการณ์ ต้องการทวงคืนรัฐธรรมนูญจากเผด็จการ จนยอมแม้กระทั่งเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางอย่างไม่เกรงกลัว
แต่คุณธีรยุทธในวันนี้ อาจเป็นเพราะวัยที่เปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะฐานะที่เปลี่ยนไปหรืออาจกำลังมีความสุขกับระบบอุปถัมภ์ที่ค้ำจุน จนยกสถานะเป็นอภิสิทธิ์ชนหรือเปล่า ผมไม่รู้
แต่ที่ผมรู้ก็คือ คุณธีรยุทธคนนี้ได้เลือกข้างจากฝ่ายที่ต้องการประชาธิปไตยมากลายเป็นความต้องการสนับสนุนระบบอื่นแทน ดังนั้นความคิดเห็นของคุณธีรยุทธจึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเอนเอียง เพราะคุณธีรยุทธได้เลือกข้างไปแล้วนั่นเอง
คุณธีรยุทธครับ เมื่อความรู้สึกเปลี่ยนไป มุมมองก็เปลี่ยนตามไปด้วย ดังนั้นคุณธีรยุทธจึงมองเห็นแค่ความอยุติธรรมที่เกิดในสมัยทักษิณ มองเห็นแต่การโกงกินแบบตบตาชาวบ้าน แล้วสรุปเองว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ที่เกลียดหรือไม่เกลียดทักษิณ
คุณธีรยุทธครับ ไม่ว่าจะเป็นไม่เจตนาหรือความคับแคบในมุมมองก็ตาม แต่ในฐานะนักวิชาการ การจะพูดอะไรก็ต้องพูดตามหลักวิชาการที่ครอบคลุมทุกด้าน จึงจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะนะครับ ไม่ใช่พูดเอามันอย่างพวกแกนนำบนเวที
คุณธีรยุทธครับ การชุมนุมที่ขับไล่ทักษิณนั้น มันไม่ใช่เหตุผลหลักอย่างที่คุณธีรยุทธกล่าวอ้างหรอกครับ เพราะถ้าเป็นเรื่องของความอยุติธรรม เป็นเรื่องของการโกงกิน ไม่ใช่แค่ยุคทักษิณ แต่เป็นมาแล้วทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าอดีต ปัจจุบันหรือแม้กระทั่งอนาคตก็จะยังคงมีสิ่งเหล่านี้คงอยู่ต่อไป แล้วอะไรเล่าครับ จึงเป็นสาเหตุจริงของการชุมนุมขับไล่?
คุณธีรยุทธถ้าได้ติดตามการเมืองอย่างต่อเนื่องด้วยใจเป็นธรรม ก็จะพบกว่า มวลชนที่ออกมาขับไล่ทักษิณนั้น มันประกอบด้วยมวลชนของพรรคการเมืองที่ไม่มีปัญญาชนะทักษิณได้ด้วยการเลือกตั้ง มันประกอบด้วยเหล่าสูญเสียผลประโยชน์จากนโยบายทักษิณ และยังรวมไปถึงกลุ่มอำนาจเก่าที่หวาดกลัวอำนาจที่ครอบหัวประชาชนมาตลอดจะสูญหายไป
ดังนั้นจึงมีการปลุกระดมด้วยวิธีการมากมาย ทั้งบิดเบือนทั้งใส่ร้าย เพื่อให้มวลชนเกลียดชังไม่ใช่แค่คุณทักษิณ แต่รวมไปถึงครอบครัวที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กอร์ปกับคนต่อต้านเหล่านี้เป็นพวกอภิสิทธิ์ชนที่กฎหมายเอื้อมไม่ถึง จึงเกิดความวุ่นวายจนเป็นเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหารยึดอำนาจในครั้งนั้น (เรื่องอย่างนี้ ถ้าเป็นคุณธีรยุทธเมื่อ 43 ปีก่อน คงจะสำเนียกแล้วเป็นแน่)
เมื่อมองเห็นปัญหาผิดพลาด จึงเป็นที่มาของชาวบ้านต้องหาผู้อุปถัมภ์เพื่อการอยู่รอด ชาวบ้านเลยกลายเป็นของเล่นเชิงนโยบายของรัฐไทยไปโน่น มองเป็นที่มาของการซื้อเสียง นี่จึงเป็นมุมมองด้านเดียวของคุณธีรยุทธอีกเรื่องหนึ่งครับ
คุณธีรยุทธครับ ปัญหาเรื่องการซื้อเสียงมันมีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มันก็มีมาเกือบทุกพรรคนั่นแหละครับ แต่ปัญหาปัจจุบันนั้นมันไม่ใช่แล้วครับ ชาวบ้านเขาไม่ได้ต้องการตัวแทนที่มาจากการชื้อเสียงเพียงอย่างเดียว ไม่เชื่อลองหาข้อเท็จจริงจากการเลือกตั้ง 2 ครั้งหลังที่ผ่านมาสิครับ หรือไม่ก็ลองถามคุณอลงกรณ์แห่ง ปชป.หรือคุณเนวินแห่งภูมิใจไทยได้
และยิ่งคุณธีรยุทธใช้คำว่า อุปถัมภ์กับชาวบ้านนั้น ผมคิดว่าคุณธีรยุทธกำลังดูถูกชาวบ้านกันนะครับ ชาวบ้านคนจนๆเขาเจียมตัว ไม่ต้องการอุปถัมภ์เพื่อให้ได้ประโยชน์กับตัวเอง ชาวบ้านไม่ได้ต้องการอุปถัมภ์เพื่อให้ตัวเองเป็นอภิสิทธิชนเหมือนอย่างคุณธีรยุทธหรอกนะครับ
สิ่งที่ชาวบ้านต้องการนั้น เป็นประชาธิปไตยที่กินได้ต่างหากเล่า แต่ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่กินได้จากการเอื้อเฟื้อของนักการเมือง ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่กินได้จนทำให้ตัวเองเป็นอภิสิทธิ์ชนเฉกเช่นเดียวกับการอุปถัมภ์นะครับคุณธีรยุทธ
แต่ประชาธิปไตยที่กินได้ของชาวบ้าน เพียงต้องการให้แบ่งสรรค์งบประมาณที่มาจากภาษีของพวกเขาให้เท่าเทียมกัน เพียงต้องการปันส่วนทรัพยากรให้โอกาสพวกเขาได้เข้าถึง ไม่ได้ต้องการร่ำรวยเฉกเช่นชนชั้นกลางหรือชั้นสูงหรอกนะครับ พวกเขาขอแค่ยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขาให้ดีกว่าที่ควรเป็น เข้าใจไหมครับคุณธีรยุทธ
ส่วนประเด็นเรื่องการปฏิรูปนั้น ที่คุณธีรยุทธบอกว่า ชัดเจน เพราะคนออกมาสู้กันเป็นแสนเป็นล้าน นี่ยิ่งเป็นความคิดผิดที่ไม่น่าอภัยเลยจริงๆนะครับ
คุณธีรยุทธครับ คุณไม่รู้เลยเชียวหรือ ที่การออกมาชุมนุมกันเป็นแสนนั้น มันไม่ใช่มีความต้องการปฏิรูปนะครับ แต่เป็นการต่อต้าน พรบ.นิรโทษกรรมต่างหากครับ เมื่อ พรบ.ตกไป พวกต้องการปฏิรูปเหลือสักกี่คนกันล่ะครับ
คุณธีรยุทธครับ ถ้าคนต้องการปฏิรูปมากอย่างที่คิดล่ะก้อ แล้วทำไมต้องขัดขวางการเลือกตั้ง ทำไมตัวเลขคนไปใช้สิทธิจึงมากกว่าคนที่ไม่ไปใช้สิทธิ์ ทำไมพวกอยากปฏิรูปจึงไม่ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สังคมยอมรับกันถ้วนหน้าล่ะครับ
คราวนี้ย้อนกลับมาพูดถึงความอยุติธรรมจากคำพูดของคุณธีรยุทธจากข้างต้น
คนจนทำผิดต้องนอนคุก ก็เพราะไม่ใช่อภิสิทธิชนไงครับ
อภิสิทธิ์ชนขับไล่รัฐบาลได้ แต่ชาวบ้านต่อต้านรัฐบาลต้องแลกกับชีวิตร่วมร้อยบาดเจ็บอีกสองพัน
อภิสิทธิ์ชนขัดขวางการเลือกตั้งได้ ชาวบ้านฉีกบัตรเลือกตั้งติดคุก
อภิสิทธิ์ชนรุกที่ป่าสงวนไม่เจตนา ชาวบ้านรุกที่เพื่อทำมาหากินติดคุก
อภิสิทธิ์ชนหนีทหารเป็นหัวหน้าพรรค ชาวบ้านหนีทหารติดคุก
อภิสิทธิ์ชนชุมนุมกดดันสถานทูตได้ ชาวบ้านนั่งรถไฟติดคุก
หรือแม้แต่ที่คุณธีรยุทธแสดงปาฐกถานั้น ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่ยุติธรรมต่ออีกฝ่ายที่มีความคิดเห็นต่าง คุณธีรยุทธว่าไหม
ดังนั้นการจะปฏิรูปประเทศ สิ่งแรกควรทำจึงน่าจะเป็นการขจัดระบบอุปถัมภ์ค้ำชู เพื่อให้คนทุกคนมีความเท่าเทียมกันในทุกด้าน มีสิทธิ์เท่ากันในทุกประการ นี่จึงเป็นการลดความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริง
ตราบใดที่ไม่มีอภิสิทธิ์ชน กฎหมายก็จะสามารถบังคับใช้ด้วยมาตรฐานเดียวกัน ตราบนั้นความขัดแย้งก็จะได้รับการแก้ไข ความแตกแยกก็จะลดทอนเบาบางลง ประเทศจะได้เดินต่อเสียที นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของผมเองนะครับคุณธีรยุทธ