เป็นข้อเขียนของพี่ที่รู้จักครับ ชื่อ วาด รวี แกเขียนในเฟสบุ๊คครับ ผมว่าพี่เค้าเขียนได้น่าสนใจมาก เลยขอเอามาเผยแพร่ครับ
ปัญหาทักษิณเป็นเรื่องที่ฝ่ายต่อต้านทักษิณผิดตั้งแต่ “กลัดกระดุมเม็ดแรก” แล้ว และก็ยังทำผิดต่อ ๆ มา
เรียกร้องพระราชอำนาจ, รัฐประหารตั้งรัฐบาลสุรยุทธ์, ปลดสมัครทำกับข้าว, ปิดสนามบินไล่สมชาย, ตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ในค่ายทหาร, ไม่ยุบสภา-ล้อมปราบ 52-53 กระทั่งมาจนถึง ไล่ยิ่งลักษณ์-ไม่เอาเลือกตั้ง ในปัจจุบัน
ผิดแล้วผิดอีก ผิดซ้ำ ๆ ซาก ๆ ด้วยการพยายามต่อต้านทักษิณโดยการทำลายประชาธิปไตย
ส่งผลให้ปัญหาทักษิณกลายเป็นสิ่งที่ฝังลึก แนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกับปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตย ทำให้การต้านทักษิณกลายเป็นการต้านประชาธิปไตย ด้วยการปฏิเสธและทำลายกลไกประชาธิปไตยมาเรื่อย ๆ
ปัญหาการต้านทักษิณ จน ต้าน-ทำลายประชาธิปไตย กระทั่งทำลายหลักการพื้นฐาน จนถึงกับปฏิเสธการเลือกตั้งอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ นอกจากจะไม่มีวันทำลายปีกค่ายทางการเมืองฝ่ายทักษิณแล้ว ยังมีแต่จะทำให้การเมืองของประเทศถอยหลังไปเรื่อย ๆ และบีบให้การสนับสนุนทักษิณกับการสนับสนุนประชาธิปไตยกลายเป็นเรื่องเดียวกัน
จริง ๆ แล้วปัญหาทักษิณนั้น “แยกไม่ออก” จากปัญหาเรื่องบทบาทและสถานภาพของสถาบันกษัตริย์ในโลกสมัยใหม่
ถ้าฝ่ายต้านทักษิณยังดันทุรังจะใช้วิธีการเดิม ๆ ไม่ต่างกับครั้งแรกที่เสนอเรื่องพระราชอำนาจ ในเวลาที่เสถียรภาพของสถาบันกษัตริย์กำลังเปลี่ยนแปลงแล้ว อนาคตก็มีแต่จะพินาศไปด้วยกันทั้งหมด
การเรียกร้องพระราชอำนาจก็ดี เรียกหารัฐประหารก็ดี หรือแม้แต่ความรู้สึกที่มีต่อศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระทั้งหลายของฝ่ายต้านทักษิณ ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกทางการเมืองแบบ “ต่ำต้อย” ที่ไม่รู้จักคุณค่าของเสรีภาพ และไร้ความสามารถที่จะ “กำหนดตัวเอง” ซึ่งเป็นคุณค่าพื้นฐานของการเมืองสมัยใหม่
การเมืองที่ฝ่ายนี้ขึ้นมามีอำนาจ ก็จะไม่สามารถ “ปฏิรูป” ให้เกิดอะไรใหม่ได้ นอกจากเป็นเพียงการสถาปนา “ยุคสมัยแห่งอำมาตย์ยุคที่ 2” ซึ่งก็อาจจะยืดระยะเวลาของการเมืองแบบอุปถัมภ์ไปได้ในระยะเวลาหนึ่ง
แต่ถ้ามองว่าปัญหาที่เกี่ยวกับสถานภาพและบทบาทของสถาบันกษัตริย์ ปัญหาทักษิณ ปัญหาอำมาตย์ ปัญหาระบบอุปถัมภ์ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเดียวกัน และทั้งหมดนี้ต้องแก้ไขด้วยการสร้างระบบคุณค่าที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย
การแก้ปัญหาเรื่องทักษิณก็จะแยกไม่ออกจากการสร้างกระบวนการทางการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย
ต่อให้วันนี้ไม่มีกลไกจากเสียงข้างมากมาเอื้ออำนวย ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องหวั่นเกรงตราบใดที่ฐานความชอบธรรมของเสียงข้างมากยังเป็นกลไกประชาธิปไตย
ตรงกันข้าม การต้านทักษิณด้วยหลักประชาธิปไตยที่แท้ กลับจะยิ่งทำให้กระบวนประชาธิปไตยเติบโตขึ้นอย่างทั่วถึง ผ่านการโต้แย้งกันในกรณีต่าง ๆ
คุณจะต้องเป็นประชาธิปไตยกว่าทักษิณเพื่อที่จะต่อต้านและขจัดส่วนที่ไม่เป็นประชาธิปไตยของทักษิณ ไม่ใช่ทำตัวไม่เป็นประชาธิปไตยยิ่งกว่าทักษิณเพื่อจะกำจัดทั้งส่วนที่เป็นและไม่เป็นประชาธิปไตยของทักษิณออกไปทั้งหมดโดยไม่แยกแยะ
ปัญหาทักษิณ
ปัญหาทักษิณเป็นเรื่องที่ฝ่ายต่อต้านทักษิณผิดตั้งแต่ “กลัดกระดุมเม็ดแรก” แล้ว และก็ยังทำผิดต่อ ๆ มา
เรียกร้องพระราชอำนาจ, รัฐประหารตั้งรัฐบาลสุรยุทธ์, ปลดสมัครทำกับข้าว, ปิดสนามบินไล่สมชาย, ตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ในค่ายทหาร, ไม่ยุบสภา-ล้อมปราบ 52-53 กระทั่งมาจนถึง ไล่ยิ่งลักษณ์-ไม่เอาเลือกตั้ง ในปัจจุบัน
ผิดแล้วผิดอีก ผิดซ้ำ ๆ ซาก ๆ ด้วยการพยายามต่อต้านทักษิณโดยการทำลายประชาธิปไตย
ส่งผลให้ปัญหาทักษิณกลายเป็นสิ่งที่ฝังลึก แนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกับปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตย ทำให้การต้านทักษิณกลายเป็นการต้านประชาธิปไตย ด้วยการปฏิเสธและทำลายกลไกประชาธิปไตยมาเรื่อย ๆ
ปัญหาการต้านทักษิณ จน ต้าน-ทำลายประชาธิปไตย กระทั่งทำลายหลักการพื้นฐาน จนถึงกับปฏิเสธการเลือกตั้งอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ นอกจากจะไม่มีวันทำลายปีกค่ายทางการเมืองฝ่ายทักษิณแล้ว ยังมีแต่จะทำให้การเมืองของประเทศถอยหลังไปเรื่อย ๆ และบีบให้การสนับสนุนทักษิณกับการสนับสนุนประชาธิปไตยกลายเป็นเรื่องเดียวกัน
จริง ๆ แล้วปัญหาทักษิณนั้น “แยกไม่ออก” จากปัญหาเรื่องบทบาทและสถานภาพของสถาบันกษัตริย์ในโลกสมัยใหม่
ถ้าฝ่ายต้านทักษิณยังดันทุรังจะใช้วิธีการเดิม ๆ ไม่ต่างกับครั้งแรกที่เสนอเรื่องพระราชอำนาจ ในเวลาที่เสถียรภาพของสถาบันกษัตริย์กำลังเปลี่ยนแปลงแล้ว อนาคตก็มีแต่จะพินาศไปด้วยกันทั้งหมด
การเรียกร้องพระราชอำนาจก็ดี เรียกหารัฐประหารก็ดี หรือแม้แต่ความรู้สึกที่มีต่อศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระทั้งหลายของฝ่ายต้านทักษิณ ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกทางการเมืองแบบ “ต่ำต้อย” ที่ไม่รู้จักคุณค่าของเสรีภาพ และไร้ความสามารถที่จะ “กำหนดตัวเอง” ซึ่งเป็นคุณค่าพื้นฐานของการเมืองสมัยใหม่
การเมืองที่ฝ่ายนี้ขึ้นมามีอำนาจ ก็จะไม่สามารถ “ปฏิรูป” ให้เกิดอะไรใหม่ได้ นอกจากเป็นเพียงการสถาปนา “ยุคสมัยแห่งอำมาตย์ยุคที่ 2” ซึ่งก็อาจจะยืดระยะเวลาของการเมืองแบบอุปถัมภ์ไปได้ในระยะเวลาหนึ่ง
แต่ถ้ามองว่าปัญหาที่เกี่ยวกับสถานภาพและบทบาทของสถาบันกษัตริย์ ปัญหาทักษิณ ปัญหาอำมาตย์ ปัญหาระบบอุปถัมภ์ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเดียวกัน และทั้งหมดนี้ต้องแก้ไขด้วยการสร้างระบบคุณค่าที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย
การแก้ปัญหาเรื่องทักษิณก็จะแยกไม่ออกจากการสร้างกระบวนการทางการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย
ต่อให้วันนี้ไม่มีกลไกจากเสียงข้างมากมาเอื้ออำนวย ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องหวั่นเกรงตราบใดที่ฐานความชอบธรรมของเสียงข้างมากยังเป็นกลไกประชาธิปไตย
ตรงกันข้าม การต้านทักษิณด้วยหลักประชาธิปไตยที่แท้ กลับจะยิ่งทำให้กระบวนประชาธิปไตยเติบโตขึ้นอย่างทั่วถึง ผ่านการโต้แย้งกันในกรณีต่าง ๆ
คุณจะต้องเป็นประชาธิปไตยกว่าทักษิณเพื่อที่จะต่อต้านและขจัดส่วนที่ไม่เป็นประชาธิปไตยของทักษิณ ไม่ใช่ทำตัวไม่เป็นประชาธิปไตยยิ่งกว่าทักษิณเพื่อจะกำจัดทั้งส่วนที่เป็นและไม่เป็นประชาธิปไตยของทักษิณออกไปทั้งหมดโดยไม่แยกแยะ