อาจารย์สุมาลีเป็นอาจารย์แพทย์ศิริราชที่มีความสามารถและมีความรู้สูงมาก น่าเสียดายอายุสั้น...อาจารย์เสียชีวิตไปหลายปีแล้วอย่างสงบจริงๆ
ตอนจากไปอาจารย์ยังได้เป็นตัวอย่างและสอนเรื่องสุดท้ายเพื่อเป็นวิธีจากโลกไปอย่างสงบ..."ร่างกาย และ จิตใจ ในภาวะใกล้ตาย"
"ความเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย"
เมื่อใกล้ตาย ความอ่อนเพลียเป็นสิ่งที่ควรยอมรับ
ไม่จำเป็นต้องให้การรักษาใดๆ สำหรับความอ่อนเพลียที่เกิดขึ้นเพราะจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีควรให้ผู้ป่วยในระยะนี้ได้พักผ่อนให้เต็มที่
คนใกล้ตาย จะเบื่ออาหาร และกินอาหารน้อยลงจากการศึกษาพบว่า ความเบื่ออาหารที่เกิดขึ้นเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะทำให้มีสารคีโตนในร่างกายเพิ่มขึ้นสารคีโตนจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นและบรรเทาอาการเจ็บปวดได้คนใกล้ตาย จะดื่มน้ำน้อยลง หรืองดดื่มเลย
ภาวะขาดน้ำที่เกิดขึ้นเมื่อใกล้ตายไม่ทำให้ผู้ป่วยทรมานมากขึ้นตรงกันข้ามกลับกระตุ้น
ให้มีการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น
หากปาก ริมฝีปากแห้ง จมูกแห้ง และตาแห้ง
ให้หมั่นทำความสะอาด และรักษาความชื้นไว้
โดยอาจใช้สำลีหรือผ้าสะอาดชุบน้ำแตะที่ปาก
ริมฝีปาก หรือใช้สีผึ้งทาริมฝีปาก
สำหรับตาก็ให้หยอดน้ำตาเทียม
คนใกล้ตาย จะรู้สึกง่วงและอาจนอนหลับตลอดเวลาผู้ดูแลควรให้ผู้ป่วยหลับ ไม่ควรพยายามปลุกให้ตื่น
เมื่อคนใกล้ตายไม่รู้สึกตัวไม่ควรคิดว่าเขาไม่สามารถรับรู้หรือได้ยินสิ่งที่มีคนพูดกันอยู่ข้างๆ
เพราะเขาอาจจะยังได้ยินและรับรู้ได้ แต่ไม่สามารถสื่อสารให้ผู้อื่นทราบได้
จึงไม่ควรพูดคุยกันในสิ่งที่จะทำให้เขาไม่สบายใจหรือเป็นกังวล
การร้องครวญคราง หรือมีหน้าตาบิดเบี้ยวอาจไม่ได้เกิดความเจ็บปวดเสมอไป
แต่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางสมองซึ่งแพทย์สามารถให้ยาระงับอาการเหล่านี้ได้
คนใกล้ตาย อาจมีเสมหะมากควรให้ยาลดเสมหะแทนการดูดเสมหะ
ซึ่งนอกจากไม่ได้ผลแล้วยังทำให้ผู้ป่วยรู้สึกทรมานเพิ่มขึ้นด้วย
(เฉพาะคนที่ใกล้ตายเท่านั้นไม่รวมถึงผู้ป่วยอื่นๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการดูดเสมหะ)
"ความเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจ"
โดยทั่วไปเมื่อกายป่วย ใจจะป่วยด้วยเสมอ
ยิ่งคนที่ป่วยหนักใกล้ตายด้วยแล้ว ยิ่งต้องการการดูแลประคับประคองใจอย่างมาก
สิ่งที่คนใกล้ตายกลัวที่สุด คือการถูกทอดทิ้ง การอยู่โดดเดี่ยวและสิ่งที่คนใกล้ตายต้องการ คือ
ใครสักคนที่เข้าใจและอยู่ข้างๆ เขาเมื่อเขาต้องการ
แต่ละคนก็อาจมีความรู้สึกและความต้องการต่างกันไปฉะนั้นผู้ที่อยู่ใกล้ชิด ก็ควรให้โอกาสคนใกล้ตาย
ได้แสดงความรู้สึกและความต้องการโดยการพูดคุยและเป็นผู้รับฟังที่ดีและควรปฏิบัติตามความต้องการของคนใกล้ตาย
ซึ่งหมายรวมถึงความต้องการในด้านการรักษาต้องประเมินก่อนว่าความต้องการนั้นเกิดจากการตัดสินใจบนพื้นฐานใด
หากเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของอารมณ์ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงก็ควรชะลอการปฏิบัติไว้ก่อน
และควรให้การประคับประคองใจจนสบายใจขึ้นกับทั้งให้โอกาสผู้ใกล้ตายเปลี่ยนความต้องการ และความตั้งใจได้เสมอ
ความตายได้กลายเป็นปัญหาสังคมขึ้นแล้ววิวัฒนาการทางเทคโนโลยีด้านการแพทย์ทำให้มนุษย์มีโอกาสตายตาม ธรรมชาติได้น้อยลง
ความตายอย่างสงบจึงไม่เกิดขึ้นไม่มีโอกาสได้ตายอย่างสงบที่บ้าน
แต่ตายอย่างโดดเดี่ยวและทรมานในโรงพยาบาล
โดยตายกับสายระโยงระยางที่เข้า-ออกจากร่างกาย และเครื่องมืออุปกรณ์ที่อยู่รอบตัว
Cr : ศ.พญ.สุมาลี นิมมานนิตย์
คนใกล้ตาย...เป็นไง? ยังไม่คิดอยากจะตาย...ก็ควรรู้ไว้
ตอนจากไปอาจารย์ยังได้เป็นตัวอย่างและสอนเรื่องสุดท้ายเพื่อเป็นวิธีจากโลกไปอย่างสงบ..."ร่างกาย และ จิตใจ ในภาวะใกล้ตาย"
"ความเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย"
เมื่อใกล้ตาย ความอ่อนเพลียเป็นสิ่งที่ควรยอมรับ
ไม่จำเป็นต้องให้การรักษาใดๆ สำหรับความอ่อนเพลียที่เกิดขึ้นเพราะจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีควรให้ผู้ป่วยในระยะนี้ได้พักผ่อนให้เต็มที่
คนใกล้ตาย จะเบื่ออาหาร และกินอาหารน้อยลงจากการศึกษาพบว่า ความเบื่ออาหารที่เกิดขึ้นเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะทำให้มีสารคีโตนในร่างกายเพิ่มขึ้นสารคีโตนจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นและบรรเทาอาการเจ็บปวดได้คนใกล้ตาย จะดื่มน้ำน้อยลง หรืองดดื่มเลย
ภาวะขาดน้ำที่เกิดขึ้นเมื่อใกล้ตายไม่ทำให้ผู้ป่วยทรมานมากขึ้นตรงกันข้ามกลับกระตุ้น
ให้มีการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น
หากปาก ริมฝีปากแห้ง จมูกแห้ง และตาแห้ง
ให้หมั่นทำความสะอาด และรักษาความชื้นไว้
โดยอาจใช้สำลีหรือผ้าสะอาดชุบน้ำแตะที่ปาก
ริมฝีปาก หรือใช้สีผึ้งทาริมฝีปาก
สำหรับตาก็ให้หยอดน้ำตาเทียม
คนใกล้ตาย จะรู้สึกง่วงและอาจนอนหลับตลอดเวลาผู้ดูแลควรให้ผู้ป่วยหลับ ไม่ควรพยายามปลุกให้ตื่น
เมื่อคนใกล้ตายไม่รู้สึกตัวไม่ควรคิดว่าเขาไม่สามารถรับรู้หรือได้ยินสิ่งที่มีคนพูดกันอยู่ข้างๆ
เพราะเขาอาจจะยังได้ยินและรับรู้ได้ แต่ไม่สามารถสื่อสารให้ผู้อื่นทราบได้
จึงไม่ควรพูดคุยกันในสิ่งที่จะทำให้เขาไม่สบายใจหรือเป็นกังวล
การร้องครวญคราง หรือมีหน้าตาบิดเบี้ยวอาจไม่ได้เกิดความเจ็บปวดเสมอไป
แต่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางสมองซึ่งแพทย์สามารถให้ยาระงับอาการเหล่านี้ได้
คนใกล้ตาย อาจมีเสมหะมากควรให้ยาลดเสมหะแทนการดูดเสมหะ
ซึ่งนอกจากไม่ได้ผลแล้วยังทำให้ผู้ป่วยรู้สึกทรมานเพิ่มขึ้นด้วย
(เฉพาะคนที่ใกล้ตายเท่านั้นไม่รวมถึงผู้ป่วยอื่นๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการดูดเสมหะ)
"ความเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจ"
โดยทั่วไปเมื่อกายป่วย ใจจะป่วยด้วยเสมอ
ยิ่งคนที่ป่วยหนักใกล้ตายด้วยแล้ว ยิ่งต้องการการดูแลประคับประคองใจอย่างมาก
สิ่งที่คนใกล้ตายกลัวที่สุด คือการถูกทอดทิ้ง การอยู่โดดเดี่ยวและสิ่งที่คนใกล้ตายต้องการ คือ
ใครสักคนที่เข้าใจและอยู่ข้างๆ เขาเมื่อเขาต้องการ
แต่ละคนก็อาจมีความรู้สึกและความต้องการต่างกันไปฉะนั้นผู้ที่อยู่ใกล้ชิด ก็ควรให้โอกาสคนใกล้ตาย
ได้แสดงความรู้สึกและความต้องการโดยการพูดคุยและเป็นผู้รับฟังที่ดีและควรปฏิบัติตามความต้องการของคนใกล้ตาย
ซึ่งหมายรวมถึงความต้องการในด้านการรักษาต้องประเมินก่อนว่าความต้องการนั้นเกิดจากการตัดสินใจบนพื้นฐานใด
หากเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของอารมณ์ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงก็ควรชะลอการปฏิบัติไว้ก่อน
และควรให้การประคับประคองใจจนสบายใจขึ้นกับทั้งให้โอกาสผู้ใกล้ตายเปลี่ยนความต้องการ และความตั้งใจได้เสมอ
ความตายได้กลายเป็นปัญหาสังคมขึ้นแล้ววิวัฒนาการทางเทคโนโลยีด้านการแพทย์ทำให้มนุษย์มีโอกาสตายตาม ธรรมชาติได้น้อยลง
ความตายอย่างสงบจึงไม่เกิดขึ้นไม่มีโอกาสได้ตายอย่างสงบที่บ้าน
แต่ตายอย่างโดดเดี่ยวและทรมานในโรงพยาบาล
โดยตายกับสายระโยงระยางที่เข้า-ออกจากร่างกาย และเครื่องมืออุปกรณ์ที่อยู่รอบตัว
Cr : ศ.พญ.สุมาลี นิมมานนิตย์