เราเชื่อว่า หลายๆคน คงอยากเช่ารถขับเที่ยวในยุโรป แต่อาจจะกังวลกับอะไรหลายๆอย่าง ยิ่งโดยเฉพาะ การขับคนละฝั่งกับเมืองไทย เราก็เป็นเหมือนกันค่ะ ยิ่งเราเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียว ขับรถคนเดียว อยู่เมืองไทย ยังชนป้าย ชนถังขยะ ชนนู่น นั่น นี่เป็นประจำ ไปขับรถยุโรปครั้งแรก นี่กังวลมากค่ะ ไหนจะต้องคอยดูป้าย ดูทาง กลัวหลง ดูกฏจราจร หาที่จอดรถ โอ๊ย เยอะแยะ สารพัด แต่พอเราลองได้ขับ เราชอบมากเลยค่ะ มีข้อดีเต็มไปหมด เช่น
1. คล่องตัว สะดวก สบาย สามารถไปไหน เวลาไหน ตามใจเราได้ ไม่ต้องคอยดูรอบเวลารถไฟ รถบัส
2. ไม่เหนื่อย ก็แน่นอนล่ะคะ ไม่ต้องเดินเยอะ ไม่ต้องแบกกระเป๋า เอากระเป๋าใส่รถไปไหน มาไหนได้เลย
3. ปลอดภัยทางร่างกาย สำหรับเรารู้สึกว่าขับรถ ปลอดภัยกว่า การใช้รถไฟ รถใต้ดิน รถบัสทั้งหลาย ไม่ต้องเบียดกับคนอื่น นั่งรถสบายๆ ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาทำร้าย เราเคยนั่งรถไฟ แล้วเกือบโดนลวนลามค่ะ
4. ปลอดภัยทางทรัพย์สิน ไม่ต้องระวังใครมาล้วงกระเป๋าหรือวิ่งราว หลังๆ เวลาอ่านเจอกระทู้คนที่ของหาย ส่วนนึงมาจากโดนล้วงในรถใต้ดินหรือโดนขโมยกระเป๋าในรถใต้ดินค่ะ นอกจากนั้น บางคนอาจจะไม่รู้ว่า ประกันการเดินทาง มักจะไม่ครอบคลุมกรณีกระเป๋าสูญหาย ที่เราเอาไปไว้ใต้รถบัสหรือในช่องเก็บกระเป๋าในรถไฟนะคะ

ข้อเสียก็มีนะคะ
1. ค่าใช้จ่าย คือนอกจากค่าเช่ารถ มันมี hidden cost ค่ะ ค่าประกัน ค่า GPS ค่าน้ำมันและอื่นๆ
2. ที่จอดรถ บางที่ในยุโรปหาที่จอดรถไม่ง่ายนะคะ แถมค่าจอดบางทีก็แพงมากด้วย
3. เขตห้ามขับรถ บางเมือง หรือบางพื้นที่ ห้ามขับรถเข้าไปเด็ดขาดค่ะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางสิ่งแวดล้อม อย่าง Zermatt หรือเหตุผลทางด้านโบราณสถาน เช่น Florence หรือ Matera
4. กฏจราจร ในยุโรป (ยกเว้น UK) จะขับคนละทางกับเมืองไทย เวลาไป กฏการจราจรหรือ speed limit แต่ละที่ก็ต่างกันค่ะ

จากการที่เราเช่ารถขับมาหลายๆที่ เราได้เรียนรู้อะไรมากมาย ที่อย่างเอามาแชร์ค่ะ
1. การเช่ารถ
- เราจะใช้วิธี search หลาย website มากๆค่ะ เพื่อหาดีลที่ดีที่สุด หลักๆก็มี travelsupermarket.com, europcar, easycar, autoeurope, holidaysauto, hertz, avis, alamo, dollar, sixt, budget, enterprise
- เราสามารถเช่าที่นึง แล้วเอาไปคืนอีกที่ได้ เช่น รับรถจาก london แต่ไปคืนที่ edinburgh แต่การเช่าแบบนี้จะเสียค่าเช่าเพิ่มขึ้นค่ะ
- ส่วนใหญ่ยกเลิกได้ฟรี ก่อนเวลารับรถ 24 ชม. ค่ะ แต่ก็ไม่เสมอไปนะคะ
- เวลาเปรียบเทียบราคา อย่าดูแค่ราคาเช่ารถนะคะ ควรจะเปรียบเทียบราคารวมทั้งหมดค่ะ เช่น ภาษี, ค่าเช่า GPS, ค่าเช่า child seat, ค่า excess ต่างๆ หรือค่าประกันที่อยากจ่ายเพิ่มเติม
- อายุคนขับ ถ้าอายุต่ำกว่าที่กำหนด เช่น 25 หรือ 26 แล้วแต่บริษัทจะกำหนด ค่าเช่าจะแพงกว่าปกติค่ะ
- จำนวนคนขับ ปกติการเช่ารถ สามารถขับได้คนเดียวนะคะ ถ้าจะเพิ่มคนขับอีกคน เสียค่าเช่าเพิ่มรายวันค่ะ
- ราคาเช่ารถเป็นระยะเวลานาน จะถูกกว่าเช่าระยะสั้นค่ะ เช่น เช่าแบบรายสัปดาห์อาจจะราคาพอๆกับเช่ารายวัน 4 วัน เป็นต้น
- การเติมน้ำมัน ส่วนใหญ่เป็นแบบ Full-to-full ค่ะ คือ ตอนไปรับรถ จะได้น้ำมันเต็มถึง พอเอามาคืน ก็ต้องเติมน้ำมันคืนให้เต็มถังเช่นกัน ถ้าเติมไม่เต็ม จะโดน charge ค่าน้ำมันต่อลิตร ค่อนข้างแพงค่ะ
- ระยะทาง บางที่ จะจำกัดว่าเช่ารถขับได้กี่กิโลเมตรหรือไมล์ ถ้าเกินต้องจ่ายเพิ่ม ซึ่งแบบนี้จะถูกกว่า เช่าแบบ unlimited แต่หลังๆ ก็เห็นแบบ unlimited  นะคะ

2. สถานที่รับ-คืนรถ
แนะนำให้เช็คเวลาเปิด ปิดดีๆนะคะ ส่วนใหญ่เราเช่าตามสนามบินไม่ก็สถานีรถไฟค่ะ ค่อนข้างสะดวก เพราะที่เหล่านี้จะมีเวลาเปิดที่นานกว่าไปรับในเมืองค่ะ

3. ประกันรถ
ปกติ ค่าเช่ารถจะรวมประกันพื้นฐานมาให้แล้ว เช่น Collision Damage Waiver (CDW) และ Theft Protection (TP) ซึ่งถ้าเกิดอะไรขึ้น เรายังต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกอยู่แล้วแต่ว่า ค่า excess ระบุไว้เท่าไหร่ อาจจะ 500-2000 ปอนด์/ยูโร แต่เราสามารถซื้อประกันประเภท Excess Waiver เพิ่มได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น เราไม่ต้องจ่ายค่า excess ส่วนแรกก่อน เวลาซื้อก็ดูให้ดีแล้วกันค่ะ ว่าจะจ่ายเพิ่มเพื่อความสบายใจมั้ย

4. ประเภทรถ
ถ้าจะจองเกียร์ออโต้ ควรจะจองล่วงหน้านานซักหน่อย ในยุโรป เกียร์ออโต้ไม่ค่อยเป็นที่นิยม รถจะน้อยค่ะ จองช้าอาจหมดได้ ถ้าไปกันหลายคน อย่าลืมเผื่อที่ในรถไว้สำหรับใส่กระเป๋าเดินทางด้วยนะคะ หรือถ้าจะจองรถใหญ่ หลายที่นั่ง พวกรถตู้ทั้งหลาย ก็ควรจองล่วงหน้านานหน่อยค่ะ

5. ใบขับขี่ระหว่างประเทศหรือใบขับขี่สากล
ถ้ามีใบขับขี่อยู่แล้ว สามารถไปทำใบขับขี่สากล ที่กรมการขนส่งได้เลยค่ะ เราไปที่จตุจักร ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้นค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียมไปคือ ใบขับขี่ พาสปอร์ต บัตรประชาชน สำเนาเอกสารที่เตรียมทั้งหมด รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป เสียค่าทำ 505 บาท ใบขับขี่สากลนี้มีอายุ 1 ปีค่ะ ใช้ได้หลายประเทศตามที่กำหนดในใบขับขี่ค่ะ น่าจะครอบคลุมประเทศในยุโรปเกือบหมดนะคะ

6. เอกสารที่ต้องใช้ในการรับรถ
นอกจากพาสปอร์ตแล้วและใบขับขี่สากลแล้ว ต้องนำใบขับขี่ของไทยมาด้วยนะคะ ส่วนใหญ่บริษัทรถต้องการใบขับขี่ทั้งสองแบบค่ะ

7. GPS
สำหรับเราที่ขับรถคนเดียว GPS ช่วยได้มากค่ะ จ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อย คุ้มกว่ามาก ถ้าเป็นรถเช่าขนาดใหญ่ ราคาแพง ในรถอาจจะมี GPS ในรถมาอยู่แล้ว ลองเปรียบเทียบราคาดูดีๆ ก่อนจองนะคะ แต่ถ้าใครคิดว่าสามารถใช้ GPS จากมือถือก็ได้เหมือนกันนะคะ

8. การรับรถ
ตอนไปเซ็นเอกสารรับรถ เจ้าหน้าที่จะให้เอกสารว่าตัวรถมีรอยขูดขีดอะไรบ้าง มีน้ำมันเท่าไหร่ พอได้รถอย่าลืมตรวจดูให้ดี ถ้าไม่ตรงกับในเอกสาร ต้องให้เจ้าหน้าที่แก้ให้เลย ไม่งั้นตอนเราเอารถมาคืน แล้วมีรอยอะไรที่ไม่ได้อยู่ในเอกสารรับรถ เราต้องจ่ายนะคะ เราเคยเจอเคสว่าน้ำมันไม่เต็มถัง ก็ให้เจ้าหน้าที่แก้ให้เลยค่ะ ไม่งั้นเสียเปรียบค่าน้ำมันก็หลายตังค์อยู่นะคะ

9. การเตรียมตัวขับรถ
เวลาไปรับรถ อย่าเพิ่งรีบร้อน ให้ทำความคุ้นเคยกับรถ เพราะที่ปัดน้ำฝนและที่เปิดไฟจะอยู่คนละข้าง แล้วอย่าลืมดูว่ารถใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซล ฝาน้ำมันอยู่ข้างไหน เปิดอย่างไร ลืมทุกที ไปถึงปั๊มน้ำมัน ถีงเพิ่งนีกได้ว่าไม่รู้อะไรซักอย่าง บางที่ ช่วงหน้าหนาวจะมีกฏว่าต้องเอาโซ่พันล้อนะคะ

10. การเติมน้ำมัน
ปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่ในยุโรป ไม่มีเด็กปั๊มนะคะ ต้องเติมเอง เติมเสร็จก็ไปชำระเงินในร้านสะดวกซื้อในปั๊ม หรือบางที่ก็มีตู้อยู่ข้างๆ ใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตจ่ายเงินได้เลยค่ะ แต่บางทีก็ต้องไปจ่ายเงินก่อน ถึงจะมาเติมน้ำมันได้ ลองดูคนที่เติมอยู่ก่อนนะคะ ว่าเค้าทำยังไง

11. การขับรถพวงมาลัยซ้าย
เวลาขับรถทางซ้ายให้สังเกตง่ายๆ ว่าให้ขับเลนที่ป้ายบอกทางมันหันหน้าเข้าหาเรา หรือเอาง่ายๆก็ขับเลนขวาไว้ก่อน เวลาเข้าวงเวียนก็ให้วนขวา แต่ให้ทางรถทางซ้ายก่อน

12. การจอดรถ
อย่าลืมดูดีๆว่าจอดได้หรือไม่ กี่โมงถึงกี่โมง ต้องจ่ายค่าจอดอย่างไร บางที่เราจะต้องไปจ่ายค่าจอดที่ตู้ก่อนแล้วเอาใบเสร็จมาแปะไว้หน้ารถ บางที่ก็ค่อยมาจ่ายค่าจอดที่ตู้ก่อนจะเอารถออก

13. กฎจราจร
สุดท้าย สำคัญสุด กรุณาศึกษาและเคารพกฎจราจร ถึงแม้ตัวเราจะกลับเมืองไทยแล้ว แต่เกิดขับรถเร็วเกินกำหนดหรือฝ่าไฟแดง หรืออะไรก็ตาม แล้วกล้องจับภาพได้ ใบสั่งจะตามมาถึงเมืองไทยแน่นอนค่ะ เคยโดนมาแล้ว บริษัทเช่ารถจะส่งจดหมายมาแจ้งพร้อมตัดเงินค่าปรับจากบัตรเครดิตที่เราใช้จองรถนั่นแหละ

Page: https://www.facebook.com/KinLaekDaekHru/