มารู้จักซากาตการค้า(สิ่งที่นักธุรกิจมุสลิมต้องบริจาคทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือคนในสังคมเมื่อครบรอบปี(จันทรคติ))

กระทู้คำถาม
การค้าหมายถึง  การแลกเปลี่ยนทรัพย์กับสิ่งตอบแทน  เพื่อผลกำไรและการค้าไม่จำกัดว่าเป็นทรัพย์สินประเภทใด  ดังนั้นทรัพย์สินที่ใช้ในการค้าก็คือ  สินค้าที่มีการเปลี่ยนมือเพื่อผลกำไร (ปลาสวยงามและต้นไม้ประดับก็เข้าอยู่ในคำนิยามนี้)

และทรัพย์สินที่อยู่ในการครอบครองกรรมสิทธิ์  จะไม่กลายสภาพเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการค้าที่จำเป็นต้องจ่ายซะกาตนอกจากต้องมีเงื่อนไขประการนี้

1. ได้ทรัพย์นั้นมาครอบครองโดยมีข้อตกลงแลกเปลี่ยน เช่น ซื้อขาย  เป็นต้น  ถ้าหากได้มาครอบครองโดยการรับมรดก  หรือพินัยกรรม  หรือยกให้ก็ไม่ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการค้า

2. เมื่อครอบครองแล้วมีเจตนาเอาไว้ใช้ในการค้า  และการมีเจตนานี้มีอยู่โดยตลอด  หากได้ครอบครองแล้วไม่มีเจตนาเอาไว้ใช้ในการค้า  ก็ไม่ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการค้าที่จำเป็นต้องจ่ายซะกาต  และหากมีการเปลี่ยนเจตนาในภายหลังก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายซะกาตเช่นกัน


ทรัพย์ที่ใช้ทำการค้านั้น  ให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับทองคำและเงินในเรื่องพิกัด,การครบรอบปี  และจำนวนที่จำเป็นต้องจ่ายออกไป  กล่าวคือ  ให้ตีราคาสินค้าเป็นทองคำหรือเงิน  ที่ใช้เป็นเงินตรา  ดังนั้นถ้าหากราคาสินค้ามีค่าเท่ากับทองคำ  96  กรัม  หรือเท่ากับเงินสองร้อยดิรฮัมก็จำเป็นต้องจ่ายซะกาต  และผู้ทำการค้ามีสิทธิที่จะเลือกว่าจะเทียบราคาสินค้ากับทองคำหรือกับเงิน  ยกเว้นในกรณีที่เขาซื้อสินค้ามาด้วยราคาที่เป็นทองคำหรือเป็นเงิน  ก็จำเป็นต้องตีราคาตามนั้นโดยไม่มีสิทธิเลือก  ทั้งนี้มีหลักให้พิจารณาท้ายปี  นับแต่เริ่มทำการค้า  โดยไม่พิจารณาว่าทรัพย์ที่ใช้ในการทำการค้านั้นจะครบพิกัดหรือไม่ในตอนเริ่มต้น  และไม่ต้องคำนึงว่าทรัพย์นั้นต้องมีอยู่ครบตามพิกัดตลอดทั้งปี  กล่าวคือ  ให้พิจารณาการครอบครองสินค้าโดยมีเจตนาทำการค้าครบหนึ่งปี (ตามจันทรคติ) โดยเมื่อครบรอบปีให้ผู้ทำการค้าสำรวจสินค้าทุกชนิดในร้านของตนที่มีไว้เพื่อขาย  

เช่น  สำรวจจำนวนของปลาสวยงามมีทั้งหมดเท่าไหร่และทั้งหมดรวมเป็นจำนวนเท่าใด  เงินจำนวนนั้นถึงอัตราพิกัดหรือไม่  เป็นต้น  และให้ตีราคาสินค้าขณะสำรวจเป็นราคาทองคำหรือเงิน  ถ้าถึงอัตราพิกัดก็ให้จ่ายซะกาตเศษหนึ่งส่วนสี่ของเศษหนึ่งส่วนสิบ  (ร้อยละ 2.5%)  ถ้าหากไม่ถึงอัตราพิกัด  ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายซะกาต  และสิ่งที่จำเป็นต้องจ่ายซะกาตนั้นเป็นราคาของสินค้าที่ตีราคาได้  มิใช่ตัวสินค้าแต่อย่างใด  ตามทัศนะที่ถูกต้องที่สุดในมัซฮับอัชชาฟิอีย์  แต่ถ้าจะจ่ายเป็นตัวสินค้าตามทัศนะที่ระบุเช่นนั้น  ก็สามารถทำได้  โดยต้องจ่ายร้อยละสองครึ่งจากสินค้าทุกชนิดที่ครอบครองซึ่งตัวสินค้าดังกล่าวต้องไม่มีตำหนิหรือเสื่อมความนิยมจากท้องตลาด  หากนำสินค้าที่มีลักษณะดังกล่าวมาจ่ายก็ถือว่าใช้ไม่ได้
(สรุปความจากอัลฟิกฮุล-มันฮะญี่ย์  เล่มที่ 2 หน้า 26 , 27 , 43-45)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่