เริ่มมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ส่องมายังบรรดาคู่ค้าของ “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” อีกหนึ่งธุรกิจเจ้าปัญหาของ “น้าแอ๊ด คาราบาว” ศิลปินแห่งชาติ
เมื่อกองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีไอเอ ทำหนังสือลงวันที่ 27 ธ.ค. 2567 แจ้งถึงผู้เสียหายที่เคยเข้าร้องทุกข์กับทางดีเอสไอ
ระบุว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาแล้ว พฤติการณ์ของบริษัท ทีดี ตะวันแดง ตามคำร้อง อาจเป็นความผิดฐานฉ้อโกง จึงมอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการ เป็นผู้ประสานงาน
เจอดอกนี้ ร้านถูกดีก็งานเข้าเต็มๆ เท่ากับว่าดีเอสไอพบคดีมีมูล ร้านถูกดีอาจเข้าข่ายฉ้อโกงชาวบ้าน
คนละเรื่องเลย กับที่อ้างตัวเป็นผู้เสียหาย ถูกชาวบ้านโกง ยักยอกสินค้า
ทั้งนี้ คู่ค้าที่รวมตัวกันไปแจ้งความกับดีเอสไอ มีจำนวน 109 คน ถือเป็นส่วนหนึ่งของบรรดาคู่ค้าทั้งหมด ที่มาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม
ซึ่งหลังปรากฏเป็นข่าว ว่ามีเจ้าของร้านนับร้อย ถือคติ “กูไม่กลัว” เปิดหน้าชนกับ “ผู้เฒ่าไม้ทองคำ” ที่ “ใช้อิทธิพลล่วงเกินคนยากคนจน” ตรงตามเพลงของน้าแอ๊ดเป๊ะ
ตอนนี้ ยอดผู้เสียหายที่มาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิ จึงพุ่งไปแตะหลัก 500-600 รายแล้ว
อย่างไรก็ตาม หน่วยกล้าตาย 109 คน ที่ลุยแจ้งจับร้านถูกดี จนได้รับชัยชนะยกแรกจากดีเอสไอ ก็ยังมีปัญหาหนักหน่วงในการเดินหน้าทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง
เพราะดีเอสไอ ต้องการสอบผู้เสียหายทุกคนทั้ง 109 คน เพื่อลงไว้ในสำนวน ขณะที่คนเหล่านั้น จำนวนถึง 90% อยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมทางการเงินอีกต่อไป ไม่สามารถเข้ากรุง มาให้ปากคำ
ที่พวกเขาไม่พร้อม ก็เพราะเคลิ้มกับคำหวานเชื้อเชิญของน้าแอ๊ด คาราบาว ที่ทำคลิปโปรโมทซะอย่างหวานเจี๊ยบว่า เราจะรวยไปด้วยกัน อย่างไม่มีความเสี่ยง
แต่พอถึงเวลาจริง กลายเป็นว่าสาขาโน้นเจ๊ง สาขานี้เจ๊ง เพราะใช้ระบบการลงสินค้า การสต๊อกสินค้า และการทำบัญชี ที่แตกต่างจากยักษ์ใหญ่โชวห่วยเจ้าอื่นๆ
พอเจ๊งแล้วขอเลิกสัญญา ต้องโดนยึดเงินมัดจำ 2 แสนบาทไปต่อหน้าต่อตา
เท่านั้นยังไม่พอ ยังโดนบริษัทแจ้งจับคดีฉ้อโกง กล่าวหายักยอกสินค้าไปเป็นแสนๆ บาท
ถ้าเจ้าทุกข์ที่จนกรอบเหล่านั้น เข้ากรุงมาพบดีเอสไอไม่ได้ ก็อาจหมายถึงคดีความที่จะสะดุด จนปัญญาจะเอาผิดบริษัท ทีดี ตะวันแดง
ทีมงานของมูลนิธิรณรงค์ฯ จึงแก้เกมด้วยการไปขอความช่วยเหลือจากสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิ ให้ช่วยชาวบ้านในการรับเรื่องตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านฝ่ายที่ลุยเอาผิดกับร้านถูกดี หรือชาวบ้านที่ต้องตกเป็นผู้ต้องหาของร้านถูกดี
ซึ่ง “อัยการคุ้มครองสิทธิ” ก็ตอบรับในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้
เรียกว่างานนี้ เหมือน “ฟ้ามีตา” ทั้งดีเอสไอและอัยการ ต่างมายืนข้างความถูกต้อง ไม่แยแสกับชื่อเสียงและเงินเป็นหมื่นล้านของใครบางคน
การเล่นบทกร้าวของทางตะวันแดง กับบรรดาอดีตคู่ค้าร้านโชวห่วยทั้งหลาย แม้จะได้เม็ดเงินไปเข้าบัญชี แต่มันทำลายภาพลักษณ์ทางธุรกิจของตัวเองอย่างรุนแรง
เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา ถามว่ายังจะมีใครหน้าไหน อยากไปคบค้าร่วมงานด้วย
โดยเฉพาะปัญหาของเครื่อง POS ซึ่งเป็นระบบคิดเงินคิดสต๊อกสินค้าของร้านถูกดี ถูกกล่าวหาจากเจ้าของร้านจำนวนมาก ว่ามันบ้าๆ บอๆ ทำงานเองได้ด้วย ถือเป็นอีกตัวที่ทำลายความเชื่อมั่นอย่างแรง
ถึงขั้นเจ้าของร้านถูกดี สาขา จ.อุบลราชธานี จัดการส่งให้พนักงานตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า และทีมนิติวิทยาศาสตร์ ช่วยตรวจสอบถึงความผิดของเครื่อง POS ของร้านจำนวน 2 เครื่อง 2 ยี่ห้อ
ผลตรวจเบื้องต้น ระบุไว้ในบันทึกการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวว่า “มีความผิดปกติ เนื่องจากไม่ปรากฎประวัติการใช้งาน หรือปรากฏการใช้งานในระบบน้อยกว่าปกติ”
ขณะที่คดีความที่ทางบริษัทกล่าวหาเจ้าของร้าน ยักยอกสินค้า ก็มีคดีตัวอย่างที่น่าสนใจ ที่จ.เชียงใหม่
เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา โดยวินิจฉัยว่า เนื่องจากเจ้าของร้าน เป็นฝ่ายขอเลิกสัญญา และขอให้บริษัท ยึดเงินประกัน 2 แสนบาทไป เพื่อหักลบกลบหนี้ได้เลย
แสดงให้เห็นว่า ผู้ต้องหาไม่มีเจตนาทุจริตต่อทางบริษัท บริษัทสามารถหักหนี้จากเงินประกันได้ หากไม่พอ ก็ให้ไปฟ้องศาลแพ่งเรียกร้องเอาเอง
มิใช่มาแจ้งความคดีอาญา เพื่อบีบบังคับเรียกร้องทางแพ่ง อย่างที่ทำอยู่
นี่แปลว่า การดำเนินคดีจากฝ่ายบริษัท ก็มีปัญหาในข้อกฎหมาย มีลักษณะใช้คดีอาญาบีบเอาเงินทางแพ่ง จากคนที่ไม่มีเจตนาโกง
มาถึงตอนนี้เกมเปลี่ยน ดีเอสไอพร้อมจะลุยเอาผิดคดีอาญา ข้อหาฉ้อโกง กับทางบริษัท ทีดี ตะวันแดง อีกต่างหาก
ต้องถาม “น้าแอ๊ด คาราบาว” น้าคิดโมเดลธุรกิจอะไรของน้า ทำซะเละตุ้มเป๊ะขนาดนี้
ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต ไปกันไม่ได้หรอก กับความเป็นนายหนืดนายทุนนายเงิน มันหินมันเกลือเค็มๆ
Cr.
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000002318
ดีเอสไอสั่งลุยร้านถูกดี แอ๊ด บาว เชื่อเข้าข่ายฉ้อโกง
เมื่อกองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีไอเอ ทำหนังสือลงวันที่ 27 ธ.ค. 2567 แจ้งถึงผู้เสียหายที่เคยเข้าร้องทุกข์กับทางดีเอสไอ
ระบุว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาแล้ว พฤติการณ์ของบริษัท ทีดี ตะวันแดง ตามคำร้อง อาจเป็นความผิดฐานฉ้อโกง จึงมอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการ เป็นผู้ประสานงาน
เจอดอกนี้ ร้านถูกดีก็งานเข้าเต็มๆ เท่ากับว่าดีเอสไอพบคดีมีมูล ร้านถูกดีอาจเข้าข่ายฉ้อโกงชาวบ้าน
คนละเรื่องเลย กับที่อ้างตัวเป็นผู้เสียหาย ถูกชาวบ้านโกง ยักยอกสินค้า
ทั้งนี้ คู่ค้าที่รวมตัวกันไปแจ้งความกับดีเอสไอ มีจำนวน 109 คน ถือเป็นส่วนหนึ่งของบรรดาคู่ค้าทั้งหมด ที่มาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม
ซึ่งหลังปรากฏเป็นข่าว ว่ามีเจ้าของร้านนับร้อย ถือคติ “กูไม่กลัว” เปิดหน้าชนกับ “ผู้เฒ่าไม้ทองคำ” ที่ “ใช้อิทธิพลล่วงเกินคนยากคนจน” ตรงตามเพลงของน้าแอ๊ดเป๊ะ
ตอนนี้ ยอดผู้เสียหายที่มาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิ จึงพุ่งไปแตะหลัก 500-600 รายแล้ว
อย่างไรก็ตาม หน่วยกล้าตาย 109 คน ที่ลุยแจ้งจับร้านถูกดี จนได้รับชัยชนะยกแรกจากดีเอสไอ ก็ยังมีปัญหาหนักหน่วงในการเดินหน้าทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง
เพราะดีเอสไอ ต้องการสอบผู้เสียหายทุกคนทั้ง 109 คน เพื่อลงไว้ในสำนวน ขณะที่คนเหล่านั้น จำนวนถึง 90% อยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมทางการเงินอีกต่อไป ไม่สามารถเข้ากรุง มาให้ปากคำ
ที่พวกเขาไม่พร้อม ก็เพราะเคลิ้มกับคำหวานเชื้อเชิญของน้าแอ๊ด คาราบาว ที่ทำคลิปโปรโมทซะอย่างหวานเจี๊ยบว่า เราจะรวยไปด้วยกัน อย่างไม่มีความเสี่ยง
แต่พอถึงเวลาจริง กลายเป็นว่าสาขาโน้นเจ๊ง สาขานี้เจ๊ง เพราะใช้ระบบการลงสินค้า การสต๊อกสินค้า และการทำบัญชี ที่แตกต่างจากยักษ์ใหญ่โชวห่วยเจ้าอื่นๆ
พอเจ๊งแล้วขอเลิกสัญญา ต้องโดนยึดเงินมัดจำ 2 แสนบาทไปต่อหน้าต่อตา
เท่านั้นยังไม่พอ ยังโดนบริษัทแจ้งจับคดีฉ้อโกง กล่าวหายักยอกสินค้าไปเป็นแสนๆ บาท
ถ้าเจ้าทุกข์ที่จนกรอบเหล่านั้น เข้ากรุงมาพบดีเอสไอไม่ได้ ก็อาจหมายถึงคดีความที่จะสะดุด จนปัญญาจะเอาผิดบริษัท ทีดี ตะวันแดง
ทีมงานของมูลนิธิรณรงค์ฯ จึงแก้เกมด้วยการไปขอความช่วยเหลือจากสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิ ให้ช่วยชาวบ้านในการรับเรื่องตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านฝ่ายที่ลุยเอาผิดกับร้านถูกดี หรือชาวบ้านที่ต้องตกเป็นผู้ต้องหาของร้านถูกดี
ซึ่ง “อัยการคุ้มครองสิทธิ” ก็ตอบรับในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้
เรียกว่างานนี้ เหมือน “ฟ้ามีตา” ทั้งดีเอสไอและอัยการ ต่างมายืนข้างความถูกต้อง ไม่แยแสกับชื่อเสียงและเงินเป็นหมื่นล้านของใครบางคน
การเล่นบทกร้าวของทางตะวันแดง กับบรรดาอดีตคู่ค้าร้านโชวห่วยทั้งหลาย แม้จะได้เม็ดเงินไปเข้าบัญชี แต่มันทำลายภาพลักษณ์ทางธุรกิจของตัวเองอย่างรุนแรง
เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา ถามว่ายังจะมีใครหน้าไหน อยากไปคบค้าร่วมงานด้วย
โดยเฉพาะปัญหาของเครื่อง POS ซึ่งเป็นระบบคิดเงินคิดสต๊อกสินค้าของร้านถูกดี ถูกกล่าวหาจากเจ้าของร้านจำนวนมาก ว่ามันบ้าๆ บอๆ ทำงานเองได้ด้วย ถือเป็นอีกตัวที่ทำลายความเชื่อมั่นอย่างแรง
ถึงขั้นเจ้าของร้านถูกดี สาขา จ.อุบลราชธานี จัดการส่งให้พนักงานตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า และทีมนิติวิทยาศาสตร์ ช่วยตรวจสอบถึงความผิดของเครื่อง POS ของร้านจำนวน 2 เครื่อง 2 ยี่ห้อ
ผลตรวจเบื้องต้น ระบุไว้ในบันทึกการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวว่า “มีความผิดปกติ เนื่องจากไม่ปรากฎประวัติการใช้งาน หรือปรากฏการใช้งานในระบบน้อยกว่าปกติ”
ขณะที่คดีความที่ทางบริษัทกล่าวหาเจ้าของร้าน ยักยอกสินค้า ก็มีคดีตัวอย่างที่น่าสนใจ ที่จ.เชียงใหม่
เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา โดยวินิจฉัยว่า เนื่องจากเจ้าของร้าน เป็นฝ่ายขอเลิกสัญญา และขอให้บริษัท ยึดเงินประกัน 2 แสนบาทไป เพื่อหักลบกลบหนี้ได้เลย
แสดงให้เห็นว่า ผู้ต้องหาไม่มีเจตนาทุจริตต่อทางบริษัท บริษัทสามารถหักหนี้จากเงินประกันได้ หากไม่พอ ก็ให้ไปฟ้องศาลแพ่งเรียกร้องเอาเอง
มิใช่มาแจ้งความคดีอาญา เพื่อบีบบังคับเรียกร้องทางแพ่ง อย่างที่ทำอยู่
นี่แปลว่า การดำเนินคดีจากฝ่ายบริษัท ก็มีปัญหาในข้อกฎหมาย มีลักษณะใช้คดีอาญาบีบเอาเงินทางแพ่ง จากคนที่ไม่มีเจตนาโกง
มาถึงตอนนี้เกมเปลี่ยน ดีเอสไอพร้อมจะลุยเอาผิดคดีอาญา ข้อหาฉ้อโกง กับทางบริษัท ทีดี ตะวันแดง อีกต่างหาก
ต้องถาม “น้าแอ๊ด คาราบาว” น้าคิดโมเดลธุรกิจอะไรของน้า ทำซะเละตุ้มเป๊ะขนาดนี้
ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต ไปกันไม่ได้หรอก กับความเป็นนายหนืดนายทุนนายเงิน มันหินมันเกลือเค็มๆ
Cr. https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000002318