Cr google...
แสงแดดอ่อนๆยามเช้า ลอดเลาะตามรูฝาผนังบ้านไม้ซ่อมซ่อ เข้ามาเป็นลำแสงยาว เส้นตรงของแสง พวยพุ่งเข้าในห้องนอนอับๆ
มุ้งสีขาวขุ่นที่มันเคยเป็นสีขาวมาก่อน ถูกตลบขึ้น ร่างเล็กบาง กำลังคลานออกมาอย่างช้าๆ เธอตื่นสายกว่าทุกวัน
ลัดดา เด็กสาวรุ่นในวัยสิบสาม กวาดสายตาไปรอบห้อง เช้าแล้วแม่คงไปนาและอาจไปหาปลา เช่นเคย
วันนี้ แม่ไม่ปลุกเธอให้ไปด้วย เพราะเมื่อวาน เธอมีอาการไข้จากการไปวิดน้ำหาปลามาด้วยกัน
เด็กสาวเก็บมุ้งม้วนตลบขึ้น ปลดสายมุ้งในแต่ละเสาออก และพับเก็บมุ้งอย่างเรียบร้อย ที่หลับที่นอนถูกจัดให้เข้าที่
สาวรุ่นเยาว์เดินออกจากห้องและลงจากบ้านไม้ยกสูงชั้นเดียว ที่มีสภาพเก่าที่มีอายุมาหลายสิบปีแล้ว วันนี้ทำไมเงียบผิดปรกติ
สมหมาย และสมชาย น้องชายที่ห่างกัน คนละปีสองปีกับเธอ ก็คงไม่อยู่ คิดว่าทั้งสองคนน่าจะไปตัดอ้อยกับพ่อ
ช่วงนี้ปิดเทอมแล้ว คนในหมู่บ้านต้องออกไปประกอบอาชีพตามแต่ถนัด เด็กๆก็คงตามพ่อแม่ไป น้องชายเธอก็เป็นเช่นนั้น
บ้านของ ลัดดา มีกัน 5 คน คือ พ่อ แม่ ลัดดา สมหมายและสมชาย ทั้งสามคนเป็นพี่น้องคลานตามกันมาตามลำดับ เพราะแม่
มีลูกหัวปีท้ายปี ครอบครัวเธอถือว่าเป็นครอบครัวฐานะค่อนข้างยากจน ที่นาก็ต้องเช่าทำนาได้ข้าวก็แบ่งกับเจ้าของนาคนล่ะครึ่ง
พ่อเองก็ต้องหารับจ้างหากินไปวันๆ เพื่อหาเงินมาเป็นค่ากับข้าวและค่าใช้จ่ายในบ้าน และค่าเล่าเรียนของน้องชายทั้งสอง
ดีที่โรงเรียนของน้องชายเป็น โรงเรียนวัด ค่าเทอมจึงไม่มี แต่หากค่าใช้จ่ายในการกิน และค่าอุปกรณ์การเรียน และเสื้อผ้าบางส่วน
ทางผู้ปกครองต้องจัดหาเอง แต่หากใครไม่มี หรือใช้เสื้อผ้าเก่าๆ ทางโรงเรียนก็ไม่ได้ปิดกั้นหรือห้ามปราม เด็กสามารถมาเรียนตาม
อัตตภาพได้ และครอบครัว ของลัดดา ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กยาจนเหล่านั้น จนกระทั่งเธอจบ ป6 และไม่ได้เรียนต่ออีกเลย
ปีนี้อากาศค่อนข้างแล้งหนัก ข้าวในนาที่ลงไว้มีอาการค่อนข้างแย่เพราะขาดน้ำอย่างหนัก น้ำที่มีในลำคลองสาธารณะค่อยๆแห้งลงไป
อย่างช้าๆ จนทำให้เกิดการแย่งน้ำกัน หากใครมีเครื่องสูบน้ำก็สูบน้ำเข้านากันไป หากไม่มี ก็ต้องอาศัยรอฟ้ารอฝน ซึ่งก็แล้วแต่โชคะตา
เด็กสาวนั่งรอพ่อแม่และน้องๆ อยู่ที่ชานบันไดบ้าน วันนี้แม่คงโชคดีหาปลามาได้บ้าง หลังจากเมื่อวานลงแรงวิดน้ำจากหนองกันทั้งวัน
กลับได้ปลามาไม่กี่ตัว เพราะอากาศที่ร้อนและแล้ง จนทำให้ปลาในหนองมันหายไปเกือบหมด ผักกระถิน ดอกแค หรือใบขี้เหล็กอ่อน
ก็ถูกเก็บมากินจนเกือบเหี้ยน หากฝนฟ้าไม่ตก พืชผักพวกนี้ก็คงแตกกิ่ง แตกยอด ออกใบได้ช้าจนไม่ทันเก็บกิน
งานไร่ก็แทบจะไม่ได้ผลผลิต คนใช้แรงกลับมีมากกว่าผลผลิตที่ได้ พ่อเองก็ต้องสลับกับแรงงานอีกหลายคนที่ผลัดกันออกไปขายแรง
หากโชคดี มีงานทำทุกวัน ก็ได้กินไข่ กินหมู กับเค้าบ้าง หากต้องหยุดงานเป็นเวลานาน ก็คงได้กินข้าวกับปลาเล็กๆ หรือเกลือ
หรือผักท้ายบ้านเหมือนเดิมต่อไป
ในครัวข้าวต้มหม้อน้อยกับปลากระดี่สองสามตัว ที่แม่เตรียมไว้เป็นทั้งอาหารมื้อเช้าแลยมื้อเที่ยงไปในตัว เรื่องขนมนมเนยไม่ต้องคิดถึง
แค่ข้าวสารกรอกหม้อ กับปลาเล็กปลาน้อย ก็เป็นอาหารชั้นดี ที่เลี้ยงพวกเค้าได้แล้ว หากอยากกินอะไรดีๆ ก็ต้องรอข้าวในนาที่ได้ผลผลิต
งามๆ จนเหลือพอที่จะไปขาย หรือ แลกของกินจากบ้านอื่น หรือไม่ก็ต้องภาวนาขอให้พ่อ มีงานจ้างทุกวันนั่นแหล่ะ
ลัดดา ทำงานบ้านตามที่แม่เคยสอนไว้ หากแม่ไม่อยู่การแบ่งเบาภาระ ด้วยการซักผ้า ถูบ้าน ล้างจาน กวาดลาน จึงเป็นหน้าที่ประจำ
ที่เด็กสาวเต็มใจทำอย่างไม่อิดออด เสร็จจากภาระกิจเมื่อใด ก็มีเวลาไปวิ่งเล่นได้ และหากวันไหน พ่อหรือแม่ ต้องไปรับจ้างทำงาน
ต่างหมู่บ้าน เรื่องหุ้งข้าวทำกับข้าว เด็กสาวก็ทำได้อย่างถนัดถนี่ได้ดี เกินเด็กวัยเดียวกันด้วยซ้ำ เพราะการปลูกฝังและสั่งสอนของแม่
บ่ายจัดแล้ว บนแคร่หน้าบ้าน สาวน้อย ชะเง้อมองหาสมาชิกทุกคนในบ้านที่จะกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตาทุกๆวัน หากโชคดี
ก็จะมีของกินติดไม้ติดมือมาด้วย ยังไม่ทันคิดว่าใครจะมาก่อน เงาร่างของใครคนหนึ่งก็เดินดุ่มๆ ผ่านโค้งกอไผ่ข้างบ้านเข้ามา
" แม่ แม่ มาแล้ว"
เธอตะโกนอย่างดีใจ ที่เห็นแม่กลับมาก่อน ในมือแม่ มีข้องใบใหญ่ที่เป็นเครืองมือหากินติดตัวมาด้วยเหมือนเคย
เด็กสาววิ่งออกไปรับข้องของมารดามาถือไว้ วันนี้ข้องหนักกว่าทุกวัน แม่ ต้องได้ปลามาเยอะแน่ๆเลย เธอกอดเอวแม่ไว้
กลิ่นโคลนที่ติดตัวแม่มา ไม่ได้ทำให้ลัดดา รังเกียจเลย เธอกลับรู้สึกว่ากลิ่นที่คุ้นชินหอมยิ่งนัก
" เป็นไงบ้าง หายไข้หรือยังลูก "
แม่ถามลัดดา มือหนึ่งก็ถอดงอบออกจากหัว และวางมันลงตรงแคร่หน้าบ้าน มือหนึ่งที่ว่างจากการถือข้องก็เข้ามาอังที่หัวลูกสาวคนโต
ที่กอดเอวแม่ไว้
" ตัวไม่ร้อนแล้ว หายแล้วนี่" เสียงแม่พูดขึ้นอย่างห่วงใย
" จ้ะ หายแล้ว หนูไม่เป็นอะไรหรอกแม่ แล้ววันนี้แม่ได้ปลาเยอะป่ะจ้ะ มีปลาช่อนหรือป่าว หนูอยากกินแกงส้มดอกแค "
แม่ยิ้มให้ลูกสาวอย่างเอ็นดู
" ได้แต่ปลาเล็กปลาน้อยน่ะลูก แต่วันนี้โชคดีกว่านั้นอีก แม่ไปขุดกบได้สองตัวแน่ะ มันจำศีลอยู่ แต่แม่เห็นรูที่มันกลบดินไว้
เลยขุดมันออกมา แหม! ดันไปเจออีกตัวอยู่ในรูเดียวกัน เลยจับมาโชคดีจริงๆ วันนี้เราคงได้กินผัดเผ็ดกบ
กบอีกตัว เก็บเอาไว้ทำอ่อมแล้วกัน "
แม่พูดอย่างดีใจ หลายมื้อมาแล้วที่พวกเราไม่ได้แตะต้องเนื้อสัตว์ อย่างหมู ไก่ หรือกบเลย มื้อนี้จะเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดใหลายๆเดือน
ตุ่มเก่าใบเล็กและใบใหญ่สามใบตั้งอยู่บนลานเอนกประสงค์หลังบ้าน ตุ่มใบเล็กจะเป็นที่ขังเจ้ากบสองตัวนั้นพร้อมปลาเล็กที่ยังไม่ตาย
" แม่ไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวจะได้มาทำกับข้าว "
ลัดดา พยักหน้ารับ และอาสาเอาข้องไปใส่ตุ่มไว้ เธอเทพวกมันลงไป น้ำในตุ่มใบเล็กกระชอกขึ้นมาเล็กน้อยตามแรงที่
เจ้าพวกสัตว์เหล่านั้นตกลงไป เธอปิดฝาตุ่ม เพื่อกันมันหนี แม่อาบน้ำอยู่ข้างๆ
เสียงอาบน้ำ ดังซู่ซ่าดังแป๊ปเดียว ช่วงนี้แล้งมาก หากใช้น้ำเยอะ น้ำอาจไม่พอใช้ ทุกวันนี้น้ำบาดาลที่ใช้ ก็งวดลงมาก
ทุกคนต้องใช้น้ำอย่างประหยัด แม่อาบน้ำเสร็จก็เดินขึ้นบ้านเพื่อแต่งตัว สักครู่ก็มีเสียงคนมาเรียกโหวกเหวกอยู่หน้าบ้าน
" ป้าพิน ป้าพิน อยู่มั๊ย " เสียงของผู้ชายคนหนึ่ง เรียกแม่มาจากข้างล่าง
" เออ อยู่โว้ย ใครว่ะ มีอะไร " แม่ตะโกนตอบ ไม่เคยมีใครมาตะโกนหน้าบ้านเราแบบนี้มานานแล้ว เกิดอะไรขึ้น
เด็กสาววิ่งออกมาที่หน้าชานบ้าน พร้อมๆกับแม่ที่วิ่งตามออกมา
" ลุงมี เป็นลมน่ะสิ ไอ้หมายกับไอ้ชาย มันดูอยู่ ฉันผ่านมาพอดีเลยแวะมาบอก อยู่ที่ไร่อ้อยเฮียส่งโน่น "
แม่รีบวิ่งลงบัดไดมาอย่างเร็ว
" แล้วพี่มีเป็นไงบ้าง ทิดสม" เสียงพูดรัวๆของแม่ สะท้านสั่นจนลัดดารู้สึกไม่ดี
" ไม่รู้เหมือนกัน ตอนฉันมา แกยังนอนนิ่งอยู่เลย แต่เหมือนแกจะเป็นลมแดดนะ ป้าพิน รีบไปดูแล้วกัน ฉันมาบอกแค่นี้แหล่ะ "
" เออ ขอบใจนะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ " แล้วแม่ก็หันมาสั่งลัดดา
" ดาเอ้ย ทำกับข้าวไว้เลยนะลูก ผ่าท้องกบแล้วผัดเผ็ดพริกแกงเอา ตามที่แม่เคยสอนนั่นแหล่ะ พ่อคงเป็นลมแดด
เพราะไม่ได้กินข้าว กลับมาพ่อจะได้กิน " ลัดดา พยักหน้ารับ แล้วบอกให้แม่รีบไป
" จ้า แม่รีบไปเถอะ "
สิ้นเสียงของลูกสาว แม่ก็ขี่จักรยานสองล้อเก่าๆ สมบัติทางยานพาหนะชิ้นเดียวที่บ้านนี้มี ออกไป
หลังๆ ลัดดา เห็นพ่อเป็นลมบ่อยๆ น่าจะเป็นเพราะพ่อไม่ยอมกินข้าว หรือห่อข้าวไปกิน พ่อจะเก็บไว้ให้ลูกๆ กินก่อนเสมอ
หากเหลือเท่าไหร่พ่อถึงจะกิน นี่เองที่เป็นความรักของพ่อแม่ ที่มีต่อลูก ที่เสียสละให้ลูกๆทุกคน
เด็กสาวหยิบเขียงและมีด ออกมาวางบนพื้นลานที่เทหยาบๆ เพื่อเป็นที่ทำกิจกรรมทางบ้าน ไม่ว่าจะซักผ้า ล้างจาน อาบน้ำ
หรือขอดเกล็ดปลา ทำกับข้าว ลานพื้นเอนกประสงค์ตรงนี้ จึงเป็นพื้นที่ใช้สอยอย่างมีประสิทธิภาพ
ตุ่มใบเล็ก ถูกเปิดออก ลัดดา ความมือลงไปจับเจ้ากบตัวขนาดย่อมๆ ขึ้นมาได้ จากการการที่มันอยู่ในข้องมานาน และขาดน้ำมันคงเพลีย
จนหมดแรงดิ้นกระโดดไปไหนได้ มือเล็กของเธอ จับเจ้ากบไว้แน่น มันไม่สามารถดิ้นหนีไปไหน
และ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะผ่าท้องกบ !!!
เด็กสาว หงายท้องเจ้ากบขึ้นมา เธอเคยเห็นแม่ทำแบบนี้ แม่เคยบอกไว้ว่า กบจะทุบหัวเหมือนปลาไม่ได้ มันจะเละ เนื้อจะไม่อร่อย
ต้องผ่าท้องควักไส้มันออก และถลกหนัง ตัดแขนตัดขาเป็นชิ้นๆ ล้างให้สะอาด แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ เอากบไปประกอบอาหารได้
มือไม้เริ่มสั่น เมื่อจ่อมีดลงที่หน้าท้องมัน เหมือนเจ้ากบจะรู้ชะตาตัวเองดี มันกำลังดิ้นหนีความตายที่มาเยือน แต่มันไม่สามารถที่จะถีบ
ตัวเองให้หลุดจากมือที่จับแน่นไปได้ ลัดดาเอง ก็รู้สึกได้ว่า มันกำลังจะหนีตาย แล้วความรู้สึกบางอย่างก็วิ่งเข้ามากระทบใจอย่างแรง
..เมื่อ..เจ้ากบตัวนั้น ยกสองเท้าหน้าประกบกันอยู่ เหลือเชื่อ ! ที่สองขาหน้าหน้ามันกำลังยกขึ้นยกลงเหมือนอาการของคนยกมือไหว้
เสียงร้อง อ๊อบๆ เบา ๆ ดังออกมาจากปากมัน ถ้าเป็นคน อาการแบบนี้ต้องเรียกว่า ยกมือไหว้ประหลกๆ !!!
พลัน เด็กสาวก็เห็นน้ำตาของเจ้ากบไหลออกมาจากตามัน ลัดดาไม่ได้ตาฝาด เจ้ากบกำลังร้องไห้ และไหว้ร้องขอชีวิตมันอยู่
เด็กสาว รู้สึกเหมือนน้ำตาของตัวเอง ก็กำลังเอ่อ ออกมาเช่นกัน มันกำลังร้องขอชีวิตแน่แล้ว ถ้ากลับกัน เธอเป็นกบ และกบเป็นเธอ
เธอจะทำอย่างไร ทุกชีวิตย่อมรักตัวกลัวตาย หากแม้แต่มันเป็นสัตว์ มันก็คงกลัวตายเหมือนกัน แล้วเราล่ะ เราเป็นคน
เราจะไม่กลัวตายบ้าง เลยหรือ ถ้าปล่อยมัน มันอาจมีชีวิตรอดไป บุญกุศลนี้คงทำให้ครอบครัวเราโชคดีในภายภาคหน้า
และผลของบาปกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างกัน ก็คงไม่มี เหมือนที่หลวงลุงที่วัดเทศน์ ให้ฟังบ่อยๆ
แต่...ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้น !!!
มันเป็นสัตว์นี่นา มันเกิดมาเพื่อเป็นอาหาร เป็นวงจรชีวิต หากมันไม่ตายด้วยน้ำมือเธอ ต่อไปมันก็ต้องตายด้วยน้ำมือคนอื่นอยู่ดี ....
ทางเลือกตอนนี้ มีแค่สองทางเท่านั้น ลัดดา กำลังครุ่นคิด....
........
พลบค่ำแล้ว ที่แม่พาพ่อและน้องชายกลับมา พ่อเป็นลมแดดเหมือนเดิม พ่ออ่อนแอลงเพราะทำงานหนักและไม่ยอมกิน
คราวนี้ เด็กสาวจะบอกพ่อให้กินเยอะๆ เพื่อร่างกายพ่อจะได้แข็งแรง
สำรับกับข้าว ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ข้าวในหม้อถูกหุงใหม่ๆร้อนๆจากเตาถ่าน ผักลวกเต็มจาน มื้อนี้มี ยอดผักบุ้งไทย เพิ่มจากดอกแค
กระถิ่นเหี่ยวๆที่มีไม่มากนัก แต่หากไข่เจียวหอมๆ กับปลาทอด สองสามตัว ก็น่าจะเป็นของแกล้ม ที่ลงตัวกับน้ำพริกขี้กาที่เธอทำไว้
แม่ มองสำรับอย่างนิ่งนาน ก่อนจะละสายตา ขึ้นมาจ้องใบหน้าลูกสาวคนโตด้วยคำถามมากมาย ยังไม่ทันที่คำพูดใดๆจะหลุดออกมา
สาวน้อยรุ่นกระเตาะ ก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาให้แม่ได้ยิน
" กบมันกระโดด หนีไปได้น่ะแม่ หนูจับมันกลับมาไม่ทัน มันหนีไปได้ทั้งสองตัวเลย "
น้ำตาของเด็กสาววัยแรกรุ่น ไหลออกมาตามร่องแก้ม มันเป็นน้ำตาที่ปนเปไปกัน หมดทั้งความทุกข์ที่เผชิญ และ ความสุขที่ได้ทำ
สิ้นเสียงของลัดดา น้ำตาของแม่ ก็เอ่อไหล อย่างหมดอาลัยตายอยาก จนพูดไม่ออก
มื้อที่เป็นความหวังที่แสนอร่อยมื้อนี้ อันตธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เรื่องสั้น : น้ำตา
Cr google...
แสงแดดอ่อนๆยามเช้า ลอดเลาะตามรูฝาผนังบ้านไม้ซ่อมซ่อ เข้ามาเป็นลำแสงยาว เส้นตรงของแสง พวยพุ่งเข้าในห้องนอนอับๆ
มุ้งสีขาวขุ่นที่มันเคยเป็นสีขาวมาก่อน ถูกตลบขึ้น ร่างเล็กบาง กำลังคลานออกมาอย่างช้าๆ เธอตื่นสายกว่าทุกวัน
ลัดดา เด็กสาวรุ่นในวัยสิบสาม กวาดสายตาไปรอบห้อง เช้าแล้วแม่คงไปนาและอาจไปหาปลา เช่นเคย
วันนี้ แม่ไม่ปลุกเธอให้ไปด้วย เพราะเมื่อวาน เธอมีอาการไข้จากการไปวิดน้ำหาปลามาด้วยกัน
เด็กสาวเก็บมุ้งม้วนตลบขึ้น ปลดสายมุ้งในแต่ละเสาออก และพับเก็บมุ้งอย่างเรียบร้อย ที่หลับที่นอนถูกจัดให้เข้าที่
สาวรุ่นเยาว์เดินออกจากห้องและลงจากบ้านไม้ยกสูงชั้นเดียว ที่มีสภาพเก่าที่มีอายุมาหลายสิบปีแล้ว วันนี้ทำไมเงียบผิดปรกติ
สมหมาย และสมชาย น้องชายที่ห่างกัน คนละปีสองปีกับเธอ ก็คงไม่อยู่ คิดว่าทั้งสองคนน่าจะไปตัดอ้อยกับพ่อ
ช่วงนี้ปิดเทอมแล้ว คนในหมู่บ้านต้องออกไปประกอบอาชีพตามแต่ถนัด เด็กๆก็คงตามพ่อแม่ไป น้องชายเธอก็เป็นเช่นนั้น
บ้านของ ลัดดา มีกัน 5 คน คือ พ่อ แม่ ลัดดา สมหมายและสมชาย ทั้งสามคนเป็นพี่น้องคลานตามกันมาตามลำดับ เพราะแม่
มีลูกหัวปีท้ายปี ครอบครัวเธอถือว่าเป็นครอบครัวฐานะค่อนข้างยากจน ที่นาก็ต้องเช่าทำนาได้ข้าวก็แบ่งกับเจ้าของนาคนล่ะครึ่ง
พ่อเองก็ต้องหารับจ้างหากินไปวันๆ เพื่อหาเงินมาเป็นค่ากับข้าวและค่าใช้จ่ายในบ้าน และค่าเล่าเรียนของน้องชายทั้งสอง
ดีที่โรงเรียนของน้องชายเป็น โรงเรียนวัด ค่าเทอมจึงไม่มี แต่หากค่าใช้จ่ายในการกิน และค่าอุปกรณ์การเรียน และเสื้อผ้าบางส่วน
ทางผู้ปกครองต้องจัดหาเอง แต่หากใครไม่มี หรือใช้เสื้อผ้าเก่าๆ ทางโรงเรียนก็ไม่ได้ปิดกั้นหรือห้ามปราม เด็กสามารถมาเรียนตาม
อัตตภาพได้ และครอบครัว ของลัดดา ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กยาจนเหล่านั้น จนกระทั่งเธอจบ ป6 และไม่ได้เรียนต่ออีกเลย
ปีนี้อากาศค่อนข้างแล้งหนัก ข้าวในนาที่ลงไว้มีอาการค่อนข้างแย่เพราะขาดน้ำอย่างหนัก น้ำที่มีในลำคลองสาธารณะค่อยๆแห้งลงไป
อย่างช้าๆ จนทำให้เกิดการแย่งน้ำกัน หากใครมีเครื่องสูบน้ำก็สูบน้ำเข้านากันไป หากไม่มี ก็ต้องอาศัยรอฟ้ารอฝน ซึ่งก็แล้วแต่โชคะตา
เด็กสาวนั่งรอพ่อแม่และน้องๆ อยู่ที่ชานบันไดบ้าน วันนี้แม่คงโชคดีหาปลามาได้บ้าง หลังจากเมื่อวานลงแรงวิดน้ำจากหนองกันทั้งวัน
กลับได้ปลามาไม่กี่ตัว เพราะอากาศที่ร้อนและแล้ง จนทำให้ปลาในหนองมันหายไปเกือบหมด ผักกระถิน ดอกแค หรือใบขี้เหล็กอ่อน
ก็ถูกเก็บมากินจนเกือบเหี้ยน หากฝนฟ้าไม่ตก พืชผักพวกนี้ก็คงแตกกิ่ง แตกยอด ออกใบได้ช้าจนไม่ทันเก็บกิน
งานไร่ก็แทบจะไม่ได้ผลผลิต คนใช้แรงกลับมีมากกว่าผลผลิตที่ได้ พ่อเองก็ต้องสลับกับแรงงานอีกหลายคนที่ผลัดกันออกไปขายแรง
หากโชคดี มีงานทำทุกวัน ก็ได้กินไข่ กินหมู กับเค้าบ้าง หากต้องหยุดงานเป็นเวลานาน ก็คงได้กินข้าวกับปลาเล็กๆ หรือเกลือ
หรือผักท้ายบ้านเหมือนเดิมต่อไป
ในครัวข้าวต้มหม้อน้อยกับปลากระดี่สองสามตัว ที่แม่เตรียมไว้เป็นทั้งอาหารมื้อเช้าแลยมื้อเที่ยงไปในตัว เรื่องขนมนมเนยไม่ต้องคิดถึง
แค่ข้าวสารกรอกหม้อ กับปลาเล็กปลาน้อย ก็เป็นอาหารชั้นดี ที่เลี้ยงพวกเค้าได้แล้ว หากอยากกินอะไรดีๆ ก็ต้องรอข้าวในนาที่ได้ผลผลิต
งามๆ จนเหลือพอที่จะไปขาย หรือ แลกของกินจากบ้านอื่น หรือไม่ก็ต้องภาวนาขอให้พ่อ มีงานจ้างทุกวันนั่นแหล่ะ
ลัดดา ทำงานบ้านตามที่แม่เคยสอนไว้ หากแม่ไม่อยู่การแบ่งเบาภาระ ด้วยการซักผ้า ถูบ้าน ล้างจาน กวาดลาน จึงเป็นหน้าที่ประจำ
ที่เด็กสาวเต็มใจทำอย่างไม่อิดออด เสร็จจากภาระกิจเมื่อใด ก็มีเวลาไปวิ่งเล่นได้ และหากวันไหน พ่อหรือแม่ ต้องไปรับจ้างทำงาน
ต่างหมู่บ้าน เรื่องหุ้งข้าวทำกับข้าว เด็กสาวก็ทำได้อย่างถนัดถนี่ได้ดี เกินเด็กวัยเดียวกันด้วยซ้ำ เพราะการปลูกฝังและสั่งสอนของแม่
บ่ายจัดแล้ว บนแคร่หน้าบ้าน สาวน้อย ชะเง้อมองหาสมาชิกทุกคนในบ้านที่จะกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตาทุกๆวัน หากโชคดี
ก็จะมีของกินติดไม้ติดมือมาด้วย ยังไม่ทันคิดว่าใครจะมาก่อน เงาร่างของใครคนหนึ่งก็เดินดุ่มๆ ผ่านโค้งกอไผ่ข้างบ้านเข้ามา
" แม่ แม่ มาแล้ว"
เธอตะโกนอย่างดีใจ ที่เห็นแม่กลับมาก่อน ในมือแม่ มีข้องใบใหญ่ที่เป็นเครืองมือหากินติดตัวมาด้วยเหมือนเคย
เด็กสาววิ่งออกไปรับข้องของมารดามาถือไว้ วันนี้ข้องหนักกว่าทุกวัน แม่ ต้องได้ปลามาเยอะแน่ๆเลย เธอกอดเอวแม่ไว้
กลิ่นโคลนที่ติดตัวแม่มา ไม่ได้ทำให้ลัดดา รังเกียจเลย เธอกลับรู้สึกว่ากลิ่นที่คุ้นชินหอมยิ่งนัก
" เป็นไงบ้าง หายไข้หรือยังลูก "
แม่ถามลัดดา มือหนึ่งก็ถอดงอบออกจากหัว และวางมันลงตรงแคร่หน้าบ้าน มือหนึ่งที่ว่างจากการถือข้องก็เข้ามาอังที่หัวลูกสาวคนโต
ที่กอดเอวแม่ไว้ " ตัวไม่ร้อนแล้ว หายแล้วนี่" เสียงแม่พูดขึ้นอย่างห่วงใย
" จ้ะ หายแล้ว หนูไม่เป็นอะไรหรอกแม่ แล้ววันนี้แม่ได้ปลาเยอะป่ะจ้ะ มีปลาช่อนหรือป่าว หนูอยากกินแกงส้มดอกแค "
แม่ยิ้มให้ลูกสาวอย่างเอ็นดู
" ได้แต่ปลาเล็กปลาน้อยน่ะลูก แต่วันนี้โชคดีกว่านั้นอีก แม่ไปขุดกบได้สองตัวแน่ะ มันจำศีลอยู่ แต่แม่เห็นรูที่มันกลบดินไว้
เลยขุดมันออกมา แหม! ดันไปเจออีกตัวอยู่ในรูเดียวกัน เลยจับมาโชคดีจริงๆ วันนี้เราคงได้กินผัดเผ็ดกบ
กบอีกตัว เก็บเอาไว้ทำอ่อมแล้วกัน "
แม่พูดอย่างดีใจ หลายมื้อมาแล้วที่พวกเราไม่ได้แตะต้องเนื้อสัตว์ อย่างหมู ไก่ หรือกบเลย มื้อนี้จะเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดใหลายๆเดือน
ตุ่มเก่าใบเล็กและใบใหญ่สามใบตั้งอยู่บนลานเอนกประสงค์หลังบ้าน ตุ่มใบเล็กจะเป็นที่ขังเจ้ากบสองตัวนั้นพร้อมปลาเล็กที่ยังไม่ตาย
" แม่ไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวจะได้มาทำกับข้าว "
ลัดดา พยักหน้ารับ และอาสาเอาข้องไปใส่ตุ่มไว้ เธอเทพวกมันลงไป น้ำในตุ่มใบเล็กกระชอกขึ้นมาเล็กน้อยตามแรงที่
เจ้าพวกสัตว์เหล่านั้นตกลงไป เธอปิดฝาตุ่ม เพื่อกันมันหนี แม่อาบน้ำอยู่ข้างๆ
เสียงอาบน้ำ ดังซู่ซ่าดังแป๊ปเดียว ช่วงนี้แล้งมาก หากใช้น้ำเยอะ น้ำอาจไม่พอใช้ ทุกวันนี้น้ำบาดาลที่ใช้ ก็งวดลงมาก
ทุกคนต้องใช้น้ำอย่างประหยัด แม่อาบน้ำเสร็จก็เดินขึ้นบ้านเพื่อแต่งตัว สักครู่ก็มีเสียงคนมาเรียกโหวกเหวกอยู่หน้าบ้าน
" ป้าพิน ป้าพิน อยู่มั๊ย " เสียงของผู้ชายคนหนึ่ง เรียกแม่มาจากข้างล่าง
" เออ อยู่โว้ย ใครว่ะ มีอะไร " แม่ตะโกนตอบ ไม่เคยมีใครมาตะโกนหน้าบ้านเราแบบนี้มานานแล้ว เกิดอะไรขึ้น
เด็กสาววิ่งออกมาที่หน้าชานบ้าน พร้อมๆกับแม่ที่วิ่งตามออกมา
" ลุงมี เป็นลมน่ะสิ ไอ้หมายกับไอ้ชาย มันดูอยู่ ฉันผ่านมาพอดีเลยแวะมาบอก อยู่ที่ไร่อ้อยเฮียส่งโน่น "
แม่รีบวิ่งลงบัดไดมาอย่างเร็ว " แล้วพี่มีเป็นไงบ้าง ทิดสม" เสียงพูดรัวๆของแม่ สะท้านสั่นจนลัดดารู้สึกไม่ดี
" ไม่รู้เหมือนกัน ตอนฉันมา แกยังนอนนิ่งอยู่เลย แต่เหมือนแกจะเป็นลมแดดนะ ป้าพิน รีบไปดูแล้วกัน ฉันมาบอกแค่นี้แหล่ะ "
" เออ ขอบใจนะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ " แล้วแม่ก็หันมาสั่งลัดดา
" ดาเอ้ย ทำกับข้าวไว้เลยนะลูก ผ่าท้องกบแล้วผัดเผ็ดพริกแกงเอา ตามที่แม่เคยสอนนั่นแหล่ะ พ่อคงเป็นลมแดด
เพราะไม่ได้กินข้าว กลับมาพ่อจะได้กิน " ลัดดา พยักหน้ารับ แล้วบอกให้แม่รีบไป " จ้า แม่รีบไปเถอะ "
สิ้นเสียงของลูกสาว แม่ก็ขี่จักรยานสองล้อเก่าๆ สมบัติทางยานพาหนะชิ้นเดียวที่บ้านนี้มี ออกไป
หลังๆ ลัดดา เห็นพ่อเป็นลมบ่อยๆ น่าจะเป็นเพราะพ่อไม่ยอมกินข้าว หรือห่อข้าวไปกิน พ่อจะเก็บไว้ให้ลูกๆ กินก่อนเสมอ
หากเหลือเท่าไหร่พ่อถึงจะกิน นี่เองที่เป็นความรักของพ่อแม่ ที่มีต่อลูก ที่เสียสละให้ลูกๆทุกคน
เด็กสาวหยิบเขียงและมีด ออกมาวางบนพื้นลานที่เทหยาบๆ เพื่อเป็นที่ทำกิจกรรมทางบ้าน ไม่ว่าจะซักผ้า ล้างจาน อาบน้ำ
หรือขอดเกล็ดปลา ทำกับข้าว ลานพื้นเอนกประสงค์ตรงนี้ จึงเป็นพื้นที่ใช้สอยอย่างมีประสิทธิภาพ
ตุ่มใบเล็ก ถูกเปิดออก ลัดดา ความมือลงไปจับเจ้ากบตัวขนาดย่อมๆ ขึ้นมาได้ จากการการที่มันอยู่ในข้องมานาน และขาดน้ำมันคงเพลีย
จนหมดแรงดิ้นกระโดดไปไหนได้ มือเล็กของเธอ จับเจ้ากบไว้แน่น มันไม่สามารถดิ้นหนีไปไหน
และ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะผ่าท้องกบ !!!
เด็กสาว หงายท้องเจ้ากบขึ้นมา เธอเคยเห็นแม่ทำแบบนี้ แม่เคยบอกไว้ว่า กบจะทุบหัวเหมือนปลาไม่ได้ มันจะเละ เนื้อจะไม่อร่อย
ต้องผ่าท้องควักไส้มันออก และถลกหนัง ตัดแขนตัดขาเป็นชิ้นๆ ล้างให้สะอาด แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ เอากบไปประกอบอาหารได้
มือไม้เริ่มสั่น เมื่อจ่อมีดลงที่หน้าท้องมัน เหมือนเจ้ากบจะรู้ชะตาตัวเองดี มันกำลังดิ้นหนีความตายที่มาเยือน แต่มันไม่สามารถที่จะถีบ
ตัวเองให้หลุดจากมือที่จับแน่นไปได้ ลัดดาเอง ก็รู้สึกได้ว่า มันกำลังจะหนีตาย แล้วความรู้สึกบางอย่างก็วิ่งเข้ามากระทบใจอย่างแรง
..เมื่อ..เจ้ากบตัวนั้น ยกสองเท้าหน้าประกบกันอยู่ เหลือเชื่อ ! ที่สองขาหน้าหน้ามันกำลังยกขึ้นยกลงเหมือนอาการของคนยกมือไหว้
เสียงร้อง อ๊อบๆ เบา ๆ ดังออกมาจากปากมัน ถ้าเป็นคน อาการแบบนี้ต้องเรียกว่า ยกมือไหว้ประหลกๆ !!!
พลัน เด็กสาวก็เห็นน้ำตาของเจ้ากบไหลออกมาจากตามัน ลัดดาไม่ได้ตาฝาด เจ้ากบกำลังร้องไห้ และไหว้ร้องขอชีวิตมันอยู่
เด็กสาว รู้สึกเหมือนน้ำตาของตัวเอง ก็กำลังเอ่อ ออกมาเช่นกัน มันกำลังร้องขอชีวิตแน่แล้ว ถ้ากลับกัน เธอเป็นกบ และกบเป็นเธอ
เธอจะทำอย่างไร ทุกชีวิตย่อมรักตัวกลัวตาย หากแม้แต่มันเป็นสัตว์ มันก็คงกลัวตายเหมือนกัน แล้วเราล่ะ เราเป็นคน
เราจะไม่กลัวตายบ้าง เลยหรือ ถ้าปล่อยมัน มันอาจมีชีวิตรอดไป บุญกุศลนี้คงทำให้ครอบครัวเราโชคดีในภายภาคหน้า
และผลของบาปกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างกัน ก็คงไม่มี เหมือนที่หลวงลุงที่วัดเทศน์ ให้ฟังบ่อยๆ
แต่...ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้น !!!
มันเป็นสัตว์นี่นา มันเกิดมาเพื่อเป็นอาหาร เป็นวงจรชีวิต หากมันไม่ตายด้วยน้ำมือเธอ ต่อไปมันก็ต้องตายด้วยน้ำมือคนอื่นอยู่ดี ....
ทางเลือกตอนนี้ มีแค่สองทางเท่านั้น ลัดดา กำลังครุ่นคิด....
........
พลบค่ำแล้ว ที่แม่พาพ่อและน้องชายกลับมา พ่อเป็นลมแดดเหมือนเดิม พ่ออ่อนแอลงเพราะทำงานหนักและไม่ยอมกิน
คราวนี้ เด็กสาวจะบอกพ่อให้กินเยอะๆ เพื่อร่างกายพ่อจะได้แข็งแรง
สำรับกับข้าว ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ข้าวในหม้อถูกหุงใหม่ๆร้อนๆจากเตาถ่าน ผักลวกเต็มจาน มื้อนี้มี ยอดผักบุ้งไทย เพิ่มจากดอกแค
กระถิ่นเหี่ยวๆที่มีไม่มากนัก แต่หากไข่เจียวหอมๆ กับปลาทอด สองสามตัว ก็น่าจะเป็นของแกล้ม ที่ลงตัวกับน้ำพริกขี้กาที่เธอทำไว้
แม่ มองสำรับอย่างนิ่งนาน ก่อนจะละสายตา ขึ้นมาจ้องใบหน้าลูกสาวคนโตด้วยคำถามมากมาย ยังไม่ทันที่คำพูดใดๆจะหลุดออกมา
สาวน้อยรุ่นกระเตาะ ก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาให้แม่ได้ยิน
" กบมันกระโดด หนีไปได้น่ะแม่ หนูจับมันกลับมาไม่ทัน มันหนีไปได้ทั้งสองตัวเลย "
น้ำตาของเด็กสาววัยแรกรุ่น ไหลออกมาตามร่องแก้ม มันเป็นน้ำตาที่ปนเปไปกัน หมดทั้งความทุกข์ที่เผชิญ และ ความสุขที่ได้ทำ
สิ้นเสียงของลัดดา น้ำตาของแม่ ก็เอ่อไหล อย่างหมดอาลัยตายอยาก จนพูดไม่ออก
มื้อที่เป็นความหวังที่แสนอร่อยมื้อนี้ อันตธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย