เมื่อวานไปตรวจเลือดที่เปาโล สะพานควาย ผลนะหรือ T T น้ำตาลสูง ไขมันดีต่ำ หมอบอกให้ออกกำลังกายด่วน(ขี้เกียจมาก) อีก 2 เดือนมาตรวจน้ำตาลสะสมใหม่ ถ้ายังสูงคงให้ยา(ไม่อ๊าววววววววว)
        พอตรวจเสร็จก็หาเรื่องเพิ่มน้ำตาลทันที เพราะคราวนี้ตั้งใจมาตั้งแต่บ้านว่าจะไปกินร้านที่ลิสต์ไว้นานมากแล้ว เสิร์ชหาเส้นทางไปร้านจากอากู๋มาพร้อม ร้านFuFu Taiwanese Shabu สาขาอารีย์ นั่นเอง
        ก็เดินแค่ 2 โลกว่าๆแค่นั้นเอง ตอนเดินเกือบบ่ายสอง แดดเปรี้ยงๆแต่ยังดีอากาศไม่ร้อนมากเหงื่อเลยออกไม่โชก แต่ดันใส่รองเท้าใหม่มา เสียดสีเท้าถลอกเลย ขากลับก็เดิน(ย้ำแผลถลอกอีก)ออกไปทางซอยอารีย์ 5 ไปออกซอยอารีย์ขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน
        (ตามแผนที่มีเส้นทางหลายทาง ที่เดินเป็นเส้นประสีฟ้า หรือจะเดินตามเส้นสีเทาก็ได้)
        รูปเยอะนิดนึง อยากเก็บเส้นทางเดินไว้ด้วย พอเดินออกจากซอยอารีย์ 3 แล้วมองไปทางขวาจะเห็นตึกสีขาวแถบสีโอลด์โรสคืออาคารผาสุข ร้านอยู่ติดกับอาคารเลย ถ้าเดินเลยไปหน่อยจะมีร้าน 13 เหรียญ นานๆเจอทีเลยถ่ายเก็บไว้หน่อย
        มาถึงร้านก็บ่าย 2 กว่าๆแล้ว มีลูกค้าแค่โต๊ะเดียว สบายเรา ขออนุญาตถ่ายรูป ร้านก็โอเค ถ่ายไม่ต้องเกรงใจใครเลย แถมตรงไหนไม่สังเกตไม่ได้ถ่ายพนักงานก็มาบอกเลยว่ามีตรงไหนอีกบ้าง อัธยาศัยดี บริการดี ไม่เข้ามายุ่งตอนกิน แต่มายืนคอยเตรียมบริการอยู่ห่างๆ พอมองไปก็ยิ้มให้
        กระดาษรองจานเป็นเมนูไปในตัว จะมีบอกเมนูที่ต้องสั่ง น้ำซุป และเงื่อนไขต่างๆ ลืมถ่าย
        น้ำซุปเลือกได้แค่อย่างเดียว(ไม่แน่ใจน่าจะไปคนเดียวเลยได้อย่างเดียว) ถ้าจะเอาเป็น 2 ซุปต้องเพิ่ม 50.- เลยเพิ่ม เลือกซุปหมาล่ากะพริกไทยดำ รสดี เผ็ดแบบจีน กับแบบไทยปะทะกัน
        มีแค่เนื้อวัวกับเนื้อหมูสดที่ต้องสั่ง นอกนั้นวางที่เคาน์เตอร์ เยอะมากกกกกกกกกก กินทั้งหมดคงไม่ไหว ของหวานก็ไม่ได้เล่นเลยเพราะเวลาหมดก่อนแถมจุกมากกกกกก ถ้าจะกินต่อต้องนั่งพักสักชั่วโมง
        ตอนที่เริ่มกิน พนักงานก็เอาใบแจ้งเวลามาให้ ร้านนี้มีเวลาให้กิน 1 ชั่วโมง 45 นาที ยังกินไม่ทันเลย ดีนะระหว่างต้มกินไอติมไปก่อน ไม่งั้นคงอด
        ซึ่งของที่อร่อยที่สุดของร้านก็ไอติมนี่แหละ คราวหน้าคงไม่เน้นกินชาบู คงไปเล่นที่โซนของหวานเป็นหลักเลย(ไม่เจียมเรื่องเบาหวานเลย)
        น้ำในร้านหลายอย่างมาก แต่จริงๆก็กินได้ไม่เยอะ กินไปแค่ 3 แก้ว 3 อย่าง มันจุกเนื้อไปแล้วไม่มีที่ให้น้ำลง แต่น้ำหวานทุกอย่าง มีแค่ชาจีนที่ไม่หวาน ส่วนพั้นซ์ถึงหวานแต่ก็เปรี้ยวมากแก้เลี่ยนได้ดีมาก ส่วนอัญชันรสแปลกๆ
        ตามรูปที่ถ่ายมาเห็นจานที่ใส่ผักต้มไหม นั่นแทบไม่แตะเลย แต่พนักงานก็เก็บไป ไม่ปรับนะ กินไม่ไหว จุกมาก พวกในถ้วยเล็กๆมีถ้วยนึงที่ดูยังเต็มๆอยู่ จริงๆเป็นพวกปลาของทะเลที่กินไม่ไหวแล้ว แต่มันแตกเป็นชิ้นเล็กๆเลยเหมือนเศษอาหาร ก็ไม่โดนปรับนะ(ตอนเรียกคิดเงินก็กลัวอยู่)
                รสชาติ พวกเนื้อที่ต้องสั่ง คุณภาพค่อนข้างดี ต้มทิ้งไว้ก็ไม่เหนียว แต่พวกที่อยู่ตามเคาน์เตอร์ก็ธรรมดา
                พวกลูกชิ้นที่มีใส้ ก็ไม่ได้ติดใจ มาชอบก็เกี๊ยวกุ้ง เพราะใช้กุ้งสดห่อด้วยเกี๊ยว(ุถึงจะไม่ทั้งตัวก็เถอะ)
                พวกทะเล ไม่สดแต่ก็ไม่คาว ไม่ติดใจอะไรไม่กินก็ได้ ไปเน้นเนื้อสั่งดีกว่า
                น้ำจิ้มสุกี้ พอได้นะ ไม่ปรุงอะไร ใส่แค่พริก กระเทียม หอม เสริมรสเนื้อได้อยู่ ส่วนน้ำจิ้มอื่นๆยังไม่โดน
                น้ำซุป พริกไทยดำ กะ หมาล่า พอเอาเนื้อหมักไข่ลงไปต้มแล้วชิมน้ำซุป ใช้ได้เลย เผ็ด 2 ประเทศประชันกัน รสกลมกล่อมอยู่ แต่กินไปร้อนปาก(แต่ไม่เผ็ดแบบกินพริก)ร้อนตัว เหงื่อซึมเลย
                กินเสร็จ เสียดายมากที่ไม่ได้กินไอติมกะแพนเค้กกะสายไหม (จริงๆพนักงานเห็นตอนตักไอติมมาถ่ายตอนแรกยังถามเลยว่าจะให้ช่วยทำขนมอย่างอื่มมาให้ไหม แต่บอกไปว่าเดี๋ยวเอาไว้ตอนกินขนมทีหลังก็ได้ เลยไม่ได้กินเลย)
                ไว้คราวหน้าจะลุยไอติมเป็นหลัก(มีคราวต่อไปเร็วๆนี้แน่ ยังติดใจไอติมอยู่ ถึงจะแพงก็เถอะ เทียบกับไอติมน่าจะคุ้มอยู่นะ)
         ราคา จ่ายไป 647.-
         มาดูรูปกัน รูปเยอะมากอย่าเบื่อก่อนละกัน