การตรวจค้นรถโบราณของ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดูจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่าเป็นการบังคับใช้กฎหมายโดยไม่เลือกปฏิบัติ เรื่องนี้ต้องให้ความเคารพนับถือและให้เกียรติกัน
ก่อนหน้านี้มีเรื่องของ การตั้งสมเด็จพระสังฆราช ที่สมเด็จช่วงรักษาการอยู่ แม้จะมีมติของฝ่ายสงฆ์ไปแล้ว แต่ฝ่ายฆราวาส อ้างเรื่องข้อร้องเรียน เรื่องความถูกต้องในการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราช ตลอดจน รมต.ประจำสำนักนายกฯ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะออกมาพูดกับ กลุ่มนักวิชาการเปรียญธรรม 9 ประโยค ว่าฝ่ายผู้ใหญ่และสังคมบางฝ่ายไม่เห็นด้วยรวม 1 ล้านเสียง อาจเกิดความวุ่นวายถ้ามีการตั้งสมเด็จช่วงเป็นพระสังฆราช ถึงจะออกมาปฏิเสธในภายหลัง แต่เกิดความเข้าใจว่าที่ไม่ตั้งสมเด็จช่วงเป็นพระสังฆราชเพราะเกรงเสียงคัดค้าน 1 ล้านเสียงที่อ้าง
จะว่าไปแล้ว เรื่องรถโบราณ ที่มาโชว์อยู่ในพิพิธภัณฑ์ ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย รถเถื่อนรถหนีภาษี ที่มาสวมทะเบียนแล้วมาขายกันในตลาดรถหรูเกลื่อนกลาด น่าเป็นห่วงมากกว่า ไม่เห็นดีเอสไอ หรือกระทรวงยุติธรรมจะเอาจริงเอาจัง
มีเรื่องทุจริตในหน่วยงานราชการมากมาย บางหน่วยงานถึงกับกล้าฉีกเอกสารสำคัญในระหว่างที่ สตง.เข้าไปตรวจสอบด้วยซ้ำ แถมเจ้ากระทรวง ปลัดกระทรวง กรรมการบอร์ด ยังช่วยกันปกป้อง ไม่เห็นมีใครเดือดร้อน
หรือ โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่พยายามจะปิดบัญชีกันให้เงียบสนิท คนถูกกล่าวหาออกมาแถลงเองว่าไม่พบการทุจริต ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีคนกินหัวคิวตัวเป็นๆชัดเจน มีความพยายามจะทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก
หรือเพียงเพราะว่า สมเด็จช่วงญาติดีกับธรรมกาย และ ธรรมกาย ก็เป็นญาติดีกับทักษิณ ถ้าคิดกันสั้นๆแค่นั้น จะเป็นบาปเป็นกรรมติดตัวไปจนตาย
ไหนๆก็พูดถึงคนที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร แล้ว มาคิดดูก็แปลก ทักษิณ ไม่มีอิทธิพลต่อการเมืองการปกครองในประเทศไทยเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเป็น นักโทษต้องคดี ด้วยซ้ำไป แต่ไม่ว่า ทักษิณจะไปไหน ไปพบผู้นำประเทศไหน ไปพูดสื่อชาติใด ก็มีความน่าสนใจและต่างชาติรวมทั้งคนไทยก็ให้ความสนใจทุกครั้ง
การพูดของทักษิณถึงร่างรัฐธรรมนูญ แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่หรือรุนแรง แต่ก็มีน้ำหนักพอที่จะทำให้รัฐบาล คสช.ต้องออกมาตอบโต้และชี้แจงให้กับต่างชาติได้เข้าใจเป็นพัลวัน ก็เพราะทักษิณ ยังมีความน่าเชื่อถืออยู่นั่นเอง โดยอ้างจากความเห็นของ อัมบิกา อาฮูจา ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถาบันที่ปรึกษาความเสี่ยงยูเรเซีย “สัญลักษณ์ทางอำนาจที่ทักษิณและน้องสาวของเขาถือว่าเป็นบางอย่างที่กองทัพกังวลอยู่มาก แต่เครือข่ายนักการเมืองภูมิภาค ข้าราชการท้องถิ่นและกลุ่มนักธุรกิจอ่อนแอลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”
เข้าตำราเผานาเพื่อจับหนูเพียงตัวเดียว.
หมัดเหล็ก
https://www.thairath.co.th/content/582720
mudlek@hotmail.com
เผานาจับหนู โดย หมัดเหล็ก
ก่อนหน้านี้มีเรื่องของ การตั้งสมเด็จพระสังฆราช ที่สมเด็จช่วงรักษาการอยู่ แม้จะมีมติของฝ่ายสงฆ์ไปแล้ว แต่ฝ่ายฆราวาส อ้างเรื่องข้อร้องเรียน เรื่องความถูกต้องในการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราช ตลอดจน รมต.ประจำสำนักนายกฯ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะออกมาพูดกับ กลุ่มนักวิชาการเปรียญธรรม 9 ประโยค ว่าฝ่ายผู้ใหญ่และสังคมบางฝ่ายไม่เห็นด้วยรวม 1 ล้านเสียง อาจเกิดความวุ่นวายถ้ามีการตั้งสมเด็จช่วงเป็นพระสังฆราช ถึงจะออกมาปฏิเสธในภายหลัง แต่เกิดความเข้าใจว่าที่ไม่ตั้งสมเด็จช่วงเป็นพระสังฆราชเพราะเกรงเสียงคัดค้าน 1 ล้านเสียงที่อ้าง
จะว่าไปแล้ว เรื่องรถโบราณ ที่มาโชว์อยู่ในพิพิธภัณฑ์ ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย รถเถื่อนรถหนีภาษี ที่มาสวมทะเบียนแล้วมาขายกันในตลาดรถหรูเกลื่อนกลาด น่าเป็นห่วงมากกว่า ไม่เห็นดีเอสไอ หรือกระทรวงยุติธรรมจะเอาจริงเอาจัง
มีเรื่องทุจริตในหน่วยงานราชการมากมาย บางหน่วยงานถึงกับกล้าฉีกเอกสารสำคัญในระหว่างที่ สตง.เข้าไปตรวจสอบด้วยซ้ำ แถมเจ้ากระทรวง ปลัดกระทรวง กรรมการบอร์ด ยังช่วยกันปกป้อง ไม่เห็นมีใครเดือดร้อน
หรือ โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่พยายามจะปิดบัญชีกันให้เงียบสนิท คนถูกกล่าวหาออกมาแถลงเองว่าไม่พบการทุจริต ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีคนกินหัวคิวตัวเป็นๆชัดเจน มีความพยายามจะทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก
หรือเพียงเพราะว่า สมเด็จช่วงญาติดีกับธรรมกาย และ ธรรมกาย ก็เป็นญาติดีกับทักษิณ ถ้าคิดกันสั้นๆแค่นั้น จะเป็นบาปเป็นกรรมติดตัวไปจนตาย
ไหนๆก็พูดถึงคนที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร แล้ว มาคิดดูก็แปลก ทักษิณ ไม่มีอิทธิพลต่อการเมืองการปกครองในประเทศไทยเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเป็น นักโทษต้องคดี ด้วยซ้ำไป แต่ไม่ว่า ทักษิณจะไปไหน ไปพบผู้นำประเทศไหน ไปพูดสื่อชาติใด ก็มีความน่าสนใจและต่างชาติรวมทั้งคนไทยก็ให้ความสนใจทุกครั้ง
การพูดของทักษิณถึงร่างรัฐธรรมนูญ แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่หรือรุนแรง แต่ก็มีน้ำหนักพอที่จะทำให้รัฐบาล คสช.ต้องออกมาตอบโต้และชี้แจงให้กับต่างชาติได้เข้าใจเป็นพัลวัน ก็เพราะทักษิณ ยังมีความน่าเชื่อถืออยู่นั่นเอง โดยอ้างจากความเห็นของ อัมบิกา อาฮูจา ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถาบันที่ปรึกษาความเสี่ยงยูเรเซีย “สัญลักษณ์ทางอำนาจที่ทักษิณและน้องสาวของเขาถือว่าเป็นบางอย่างที่กองทัพกังวลอยู่มาก แต่เครือข่ายนักการเมืองภูมิภาค ข้าราชการท้องถิ่นและกลุ่มนักธุรกิจอ่อนแอลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”
เข้าตำราเผานาเพื่อจับหนูเพียงตัวเดียว.
หมัดเหล็ก
https://www.thairath.co.th/content/582720
mudlek@hotmail.com