บ้านเมืองนี้ วิปริตเละเทะกันไปใหญ่ คงใกล้ถึงคราวจะวิบัติหรือเปล่า เพราะคนเห็นผิดเป็นชอบ เห็นชั่วเป็นดี เห็นขรี้เป็นทอง ไร้สติยั้งคิด คอยักๆสักแต่ว่าคน ขาดวิจารณญาณ ทั้งเด็กๆทั้งผู้ใหญ่ รวมไปถึงพวกหัวหงอกๆทั้งหลาย ..น่าอนาถ !

เรื่องการสถาปนาสมเด็จพระมหารัชชมังคลาจารย์ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 นั้น ที่จริงเป็นเรื่องของพระสงฆ์และเป็นไปตามกฎหมาย แล้วทำไม ถึงออกมาคัดค้านกัน จนกลายเป็นเรื่องวุ่นวาย..เพราะอะไร ?

ก็เพราะไอ้คนห่มเหลืองคนหนึ่ง เอาศาสนามาละเลงกับการเมือง ส่วนไอ่ฆราวาสชั่วๆตัวหนึ่งไม่รู้เรื่องศาสนากลับเอาการเมืองไปยุ่งศาสนา พวกคนโง่ๆก็แห่ตาม พยายามสร้างกระแส..วุ่นวายไปหมด

เรื่องนี้ จริงๆแล้วไม่มีอะไรในกอไผ่ เกิดจาก “ฝนตกขี้หมูไหล” มีความเกลียดชัง อิจฉา และโมหะ ของทั้งพระและฆราวาสบางคน บางกลุ่มเท่านั้น จึงไหลมารวมกัน..พวกไส้เน่า

สาเหตุปัจจัยหลักๆของมันก็แค่ 1. สุวิทย์เกลียดธัมมโย 2.ไพบูลย์เกลียดทักษิณ 3.วัดป่าบ้านตาดของมหาบัวอยากให้พระฝ่ายธรรมยุตของตนเองเป็นสังฆราช..เท่านี้


สุวิทย์ จิตใจมันต่ำสารเลว มันเกลียดธัมมชโยเจ้าของธรรมกาย จะหาทางเล่นงาน พอไม่ได้ตามที่มันเคยประกาศไว้ “ถ้าสึกธัมมชโยไม่ได้ มันจะสึกเอง” มันจึงทุ่มสุดตัว  ดึงเอาสมเด็จช่วงเข้ามาเกี่ยวข้อง อ้างเหตุว่าอุปัชฌาย์ของธัมมชโยแล้วไม่จัดการสึก  ประกอบกับมันคิดว่ามันยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน จะทำอะไรก็ได้ ไม่มีใครกล้ายุ่งกับมัน จึงพูดให้ร้ายสารพัดตามประสาคนชั่วเลว ทำกิริยาหยาบคายถ่อยเถื่อน..เสี้ยนศาสนา

ไพบูลย์ มันเกลียดทักษิณ เพราะเป็นพวก กปปส.และพันธมิตร มันคิดอยู่ตลอดว่าพระฝ่ายมหานิกายส่วนใหญ่เป็นพวกเสื้อแดงและเข้าข้างทักษิณ ที่ผ่านมามันหาทางเล่นงานพระฝั่งมหานิกายอยู่ตลอดเวลา คราวนี้ ได้โอกาส จะล้มสมเด็จช่วงโดยอ้างธรรมกายเป็นตัวตั้ง จึงเข้าคู่กับสุวิทย์อ้อน้อยอย่างเหมาะเจาะ พูดจาชั่วร้ายเลวทราม..มารศาสนา

ส่วนพวกวัดป่าบ้านตาด ที่ออกมาล่ารายชื่อคัดค้านนั้น  เป็นพระวัดป่าฝ่ายธรรมยุต ถือตัวว่าตนเองเป็นพระสายนักปฏิบัติ   มหาบัวเป็นอาจารย์ไอ้แป๊ะลิ้ม เกลียดทักษิณเพราะลึกๆพระพวกนี้ก็เป็นพันธมิตร  ที่สำคัญ  ต้องการให้สมเด็จฝ่ายธรรมยุตของตนเองได้ขึ้นเป็นสังฆราชเหมือนเดิม จึงหาเรื่องคัดค้านสมเด็จช่วงซึ่งเป็นฝ่ายมหานิกาย ..นี่ไง นิสัยพระ(อยู่ใน)ป่า(อรัญวาสี)

ทั้ง 3 คน ประสานเสียงกัน ออกมาโวยวายคัดค้านสมเด็จช่วงขึ้นเป็นสังฆราช มีปฐมเหตุเพียงแค่นี้ ไม่ได้มีสารัตถะที่เป็นประโยชน์ต่อชาติหรือพระศาสนาอะไรเลย ส่วนลูกศิษย์ลูกหาที่แห่ตามมานั้น ก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวบ้าบออะไร  เห็นว่าเป็นพระที่นับถือศรัทธา ก็เชียร์กันไปอย่างที่เรียกว่า “ศรัทธาหัวเต่า” ..งมโข่ง !

ถ้าให้เปรียบเทียบความเลวระหว่างสุวิทย์มีกับธัมมชโยแล้วละก็ สุวิทย์มันเลวกว่ามาก ถ้าธัมมชโยจะทำลายพุทธศาสนา โดยดัดแปลงคำสอนพระพุทธเจ้าเอาไปหาประโยชน์ใส่ตัว  ฝ่ายบ้านเมืองก็ต้องจัดการ เหมือนเช่นที่จัดการกับพวกสันติอโศกของโพธิรักษ์ในครั้งนั้น  ไม่ใช่เถระสมาคมที่จะไปทำอะไรได้  ไม่เช่นนั้นสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อน  ก็คงจะทรงดำเนินการไปแล้ว ไม่เหลือมาถึงวันนี้..ใช่ไหม ??

ส่วนสุวิทย์นั้น มันเลวขั้นอุกกฤษ์ ทำลายทั้งชาติและศาสนาพร้อมๆกันไป  เอาความเป็นพระไปทำลายชาติอย่างที่พวกเราเห็น  ทั้งยังสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่พระสงฆ์ ให้ร้าย จาบจ้วงพระเถระผู้ใหญ่ พฤติกรรมเข้าข่าย“สังฆเภท”ทำให้สงฆ์แตกคอทะเลาะกัน  พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า “อนันตริยะกรรม” เป็นกรรมหนัก มันอยากเป็นใหญ่  จึงเดินตามรอยเทวะทัต เพราะมันเป็นศิษย์เทวะทัต..นรกกินหัวเอ๊ย !!!

........................................................................................
ปล.ผมถือว่าสุวิทย์มันไม่ใช่พระ
ต้องอาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นพระไปนานแล้ว

อีก ปล. ผมไม่รู้ว่าธัมมชโย เป็นปาราชิกหรือเปล่า
เพราะผมไม่ได้ติดตาม และไม่นับถือธรรมกาย หนักไปทางรังเกียจ