“สงครามใกล้จบลงด้วยความพ่ายเเพ้ของฝ่ายอธรรมอย่างถาวร
ความสามัคคีกันของคนในชาติกำลังหวนคืนมา
ประเทศชาติจะกลับมายืนหยัดอย่างองอาจในเวทีโลกอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ในฐานะประเทศที่พัฒนาเเล้ว
ผู้คนมีศักยภาพ มีประสิทธิภาพ การเมืองเข้มเเข็ง เป็นผู้นำในชาติอาเซียน อย่างมั่นคงยั่งยืนเเน่นอน
ขอเพียงเราทั้ง67ล้านคนร่วมมือรวมใจ ฝ่าฟันภัยจากศัตรูของชาติให้จงได้ในการรับมือกับศึกที่ไม่มีวันชนะของคนบางพวกในรอบสุดท้ายเร็วๆนี้ครับ”
มันเป็นแนวคิดของคนที่จบหลักสูตรรัฐศาสตร์บัณฑิต สาขาการเมืองการปกครองจริงๆหรือครับ การเมืองการปกครองเขาสอนให้คุณสมชายมองความคิดเห็นต่างทางการเมืองเป็นสงครามอย่างนั้นหรือครับ
มิน่าเล่า คนตายและบาดเจ็บกลางเมืองหลวงรวมกันร่วมสองพันกว่าคน คุณสมชายจึงไม่เคยออกแสดงความคิดเห็น ไม่เคยเห็นอกเห็นใจประชาชนที่ถูกกระทำ คงเห็นคนที่สนับสนุนอีกฝ่าย เป็นอธรรมด้วยใช่ไหมครับ เป็นศัตรูที่จำต้องกำจัดอย่างนั้นหรือครับ
คุณสมชายครับ คงภูมิใจอย่างมากเลยสิท่า ที่คนอยู่ข้างธรรมะคอยหาวิธีเอารัดเอาเปรียบด้วยกฎหมายที่ฝ่ายตัวเองร่างขึ้นเอง เพื่อเอาชนะฝ่ายที่คุณสมชายเรียกว่าฝ่ายอธรรม แบบนี้หรือครับเป็นการชนะอย่างถาวรในแนวคิดของคุณสมชาย
คุณสมชายครับ มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือครับ การใช้ทุกวิถีทางในการกำจัดสิ่งที่เรียกว่าระบอบทักษิณโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ จะเป็นชัยชนะที่เด็ดขาด เป็นความกระหยิ่มยิ้มย่องกับชัยชนะที่พยายามมโนขึ้นมาเอง โดยไม่มองถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตลอดสิบปีที่ผ่านมา
เพราะต่อให้ยุบพรรคไทยรักไทย ต่อให้เอาผิดคุณทักษิณจนต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ
เราก็มีพรรคพลังประชาชน มีคุณสมัครกลับมาเป็นนายกฯ
เพราะต่อให้ถอดถอนคุณสมัครด้วยพจนานุกรม
เราก็มีคุณสมชายมาเป็นนายกฯต่อ
เพราะต่อให้ยุบพรรคพลังประชาชน แล้วไปฟอร์มรัฐบาลในค่ายทหาร และต่อให้ใช้ความรุนแรงกับฝ่ายต้านด้วยอาวุธสงคราม จนคนตายมากมาย
ก็ไม่สามารถรักษาตำแหน่งเก้าอี้นายกฯต่อไปได้
เพราะต่อให้แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเอาเปรียบ ต่อให้เพียบพร้อมด้วยกระสุนดินดำ ต่อให้พยายามบล๊อกหัวคะแนนอีกฝ่าย และต่อให้ใส่ร้ายป้ายสีด้วยวาทกรรมเผาบ้านเผาเมืองหรือแม้กระทั่งทำลายชาติ
สุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ ไม่สามารถสกัดกั้นไม่ให้คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ
แล้วฝ่ายธรรมะของคุณสมชายก็ดำเนินการด้วยวิธีการแบบเดิมๆ เพียงแต่เพิ่มวิธีการให้มันหนักข้อกว่าเดิม เพื่อไม่ให้เสียของเหมือนที่ผ่านมา
แต่คุณสมชายครับ สิ่งที่พวกคุณสมชายสู้อยู่นั้น มันไม่ใช่สู้กับคุณทักษิณ ไม่ได้สู้กับคุณสมัคร ไม่ได้สู้กับคุณสมชายและก็ไม่ได้สู้อยู่กับคุณยิ่งลักษณ์นะครับ แต่เป็นการสู้กับประชาชน สู้กับความต้องการของคนส่วนใหญ่ และยังต้องสู้กับมวลชนที่ไม่ชอบความอยุติธรรมด้วยนะครับ
เพียงแต่การต่อสู้ของประชาชน เป็นเพียงอาศัยหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงเข้าต่อสู้ ดังนั้นมันจึงเป็นการต่อสู้ตามแนวทางประชาธิปไตย ไม่ใช่การทำสงครามอย่างที่คุณสมชายคิดนะครับ
ดังนั้นตราบใดที่ฝ่ายธรรมะยังไม่สามารถทำประโยชน์อะไรให้ประชาชนยอมรับ ไม่สามารถครองใจประชาชน นอกจากใช้วาทกรรมกับความรุนแรง ตราบนั้นพวกคุณต่างหากครับจะไม่มีทางชนะได้ อยู่ที่เร็วหรือช้าเท่านั้นเองครับคุณสมชาย
ยิ่งพยายามจะเขียนกติกาที่แปลกประหลาด ยิ่งพยายามจะเขียนกติกาให้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อน ยิ่งจะเขียนกติกาให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คอยควบคุมโดยใช้วาทกรรมเปลี่ยนผ่านอะไรเทือกนั้น ก็ยิ่งเป็นการดูถูกประชาชน ยิ่งเป็นการมองไม่เห็นหัวประชาชน วิธีการอย่างนี้หรือครับที่คุณสมชายคิดว่าจะเป็นการชนะอย่างถาวร
คุณสมชายครับ กติกาที่พยายามจะกดหัวประชาชนฝ่ายหนึ่ง แต่กลับสร้างโอกาสให้กับคนอีกฝ่ายหนึ่งแบบนี้ จะทำให้ความสามัคคีของคนในชาติกลับคืนมา ใช้ตรรกะไหนคิดครับคุณสมชาย
แล้วการออกแบบกติกาที่ประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ยอมรับ แต่กลับเชื่อว่าจะยืนหยัดอย่างองอาจในเวทีโลก มีเกียรติมีศักดิ์ศรีในฐานะประเทศที่พัฒนาแล้ว เฮ่อ คุณสมชายกำลังหลอกตัวเองหรือหลอกพวกเดียวกันๆแน่ครับ
สุดท้ายจึงอยากบอกคุณสมชายว่า ครั้งนี้พวกคุณสมชายไม่เสียของแน่ เพราะมีแต่ได้กับได้ แต่ที่เสียเวลา เสียโอกาส กลับเป็นประเทศและประชาชนทั้ง 67 ล้านคน ยกเว้นแต่พวกคุณสมชายต่างหากเล่า
ดังนั้นถ้ามีเวลาคุณสมชายควรจะกลับไปศึกษาเรื่องการเมืองการปกครองเสียใหม่ และทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ดีกว่านะครับ เผื่อจะพบว่า ผู้ปกครองที่ประสบความสำเร็จนั้น คือ ผู้ที่สามารถสร้างสมดุลระหว่างการใช้ “พระเดช” และ “พระคุณ”อย่างมีประสิทธิภาพต่างหากครับคุณสมชาย
คุณสมชาย แสวงการครับ นี่คือแนวคิดของคุณจริงๆหรือครับ--------ทวดเอง
ความสามัคคีกันของคนในชาติกำลังหวนคืนมา
ประเทศชาติจะกลับมายืนหยัดอย่างองอาจในเวทีโลกอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ในฐานะประเทศที่พัฒนาเเล้ว
ผู้คนมีศักยภาพ มีประสิทธิภาพ การเมืองเข้มเเข็ง เป็นผู้นำในชาติอาเซียน อย่างมั่นคงยั่งยืนเเน่นอน
ขอเพียงเราทั้ง67ล้านคนร่วมมือรวมใจ ฝ่าฟันภัยจากศัตรูของชาติให้จงได้ในการรับมือกับศึกที่ไม่มีวันชนะของคนบางพวกในรอบสุดท้ายเร็วๆนี้ครับ”
มันเป็นแนวคิดของคนที่จบหลักสูตรรัฐศาสตร์บัณฑิต สาขาการเมืองการปกครองจริงๆหรือครับ การเมืองการปกครองเขาสอนให้คุณสมชายมองความคิดเห็นต่างทางการเมืองเป็นสงครามอย่างนั้นหรือครับ
มิน่าเล่า คนตายและบาดเจ็บกลางเมืองหลวงรวมกันร่วมสองพันกว่าคน คุณสมชายจึงไม่เคยออกแสดงความคิดเห็น ไม่เคยเห็นอกเห็นใจประชาชนที่ถูกกระทำ คงเห็นคนที่สนับสนุนอีกฝ่าย เป็นอธรรมด้วยใช่ไหมครับ เป็นศัตรูที่จำต้องกำจัดอย่างนั้นหรือครับ
คุณสมชายครับ คงภูมิใจอย่างมากเลยสิท่า ที่คนอยู่ข้างธรรมะคอยหาวิธีเอารัดเอาเปรียบด้วยกฎหมายที่ฝ่ายตัวเองร่างขึ้นเอง เพื่อเอาชนะฝ่ายที่คุณสมชายเรียกว่าฝ่ายอธรรม แบบนี้หรือครับเป็นการชนะอย่างถาวรในแนวคิดของคุณสมชาย
คุณสมชายครับ มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือครับ การใช้ทุกวิถีทางในการกำจัดสิ่งที่เรียกว่าระบอบทักษิณโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ จะเป็นชัยชนะที่เด็ดขาด เป็นความกระหยิ่มยิ้มย่องกับชัยชนะที่พยายามมโนขึ้นมาเอง โดยไม่มองถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตลอดสิบปีที่ผ่านมา
เพราะต่อให้ยุบพรรคไทยรักไทย ต่อให้เอาผิดคุณทักษิณจนต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ
เราก็มีพรรคพลังประชาชน มีคุณสมัครกลับมาเป็นนายกฯ
เพราะต่อให้ถอดถอนคุณสมัครด้วยพจนานุกรม
เราก็มีคุณสมชายมาเป็นนายกฯต่อ
เพราะต่อให้ยุบพรรคพลังประชาชน แล้วไปฟอร์มรัฐบาลในค่ายทหาร และต่อให้ใช้ความรุนแรงกับฝ่ายต้านด้วยอาวุธสงคราม จนคนตายมากมาย
ก็ไม่สามารถรักษาตำแหน่งเก้าอี้นายกฯต่อไปได้
เพราะต่อให้แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเอาเปรียบ ต่อให้เพียบพร้อมด้วยกระสุนดินดำ ต่อให้พยายามบล๊อกหัวคะแนนอีกฝ่าย และต่อให้ใส่ร้ายป้ายสีด้วยวาทกรรมเผาบ้านเผาเมืองหรือแม้กระทั่งทำลายชาติ
สุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ ไม่สามารถสกัดกั้นไม่ให้คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ
แล้วฝ่ายธรรมะของคุณสมชายก็ดำเนินการด้วยวิธีการแบบเดิมๆ เพียงแต่เพิ่มวิธีการให้มันหนักข้อกว่าเดิม เพื่อไม่ให้เสียของเหมือนที่ผ่านมา
แต่คุณสมชายครับ สิ่งที่พวกคุณสมชายสู้อยู่นั้น มันไม่ใช่สู้กับคุณทักษิณ ไม่ได้สู้กับคุณสมัคร ไม่ได้สู้กับคุณสมชายและก็ไม่ได้สู้อยู่กับคุณยิ่งลักษณ์นะครับ แต่เป็นการสู้กับประชาชน สู้กับความต้องการของคนส่วนใหญ่ และยังต้องสู้กับมวลชนที่ไม่ชอบความอยุติธรรมด้วยนะครับ
เพียงแต่การต่อสู้ของประชาชน เป็นเพียงอาศัยหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงเข้าต่อสู้ ดังนั้นมันจึงเป็นการต่อสู้ตามแนวทางประชาธิปไตย ไม่ใช่การทำสงครามอย่างที่คุณสมชายคิดนะครับ
ดังนั้นตราบใดที่ฝ่ายธรรมะยังไม่สามารถทำประโยชน์อะไรให้ประชาชนยอมรับ ไม่สามารถครองใจประชาชน นอกจากใช้วาทกรรมกับความรุนแรง ตราบนั้นพวกคุณต่างหากครับจะไม่มีทางชนะได้ อยู่ที่เร็วหรือช้าเท่านั้นเองครับคุณสมชาย
ยิ่งพยายามจะเขียนกติกาที่แปลกประหลาด ยิ่งพยายามจะเขียนกติกาให้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อน ยิ่งจะเขียนกติกาให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คอยควบคุมโดยใช้วาทกรรมเปลี่ยนผ่านอะไรเทือกนั้น ก็ยิ่งเป็นการดูถูกประชาชน ยิ่งเป็นการมองไม่เห็นหัวประชาชน วิธีการอย่างนี้หรือครับที่คุณสมชายคิดว่าจะเป็นการชนะอย่างถาวร
คุณสมชายครับ กติกาที่พยายามจะกดหัวประชาชนฝ่ายหนึ่ง แต่กลับสร้างโอกาสให้กับคนอีกฝ่ายหนึ่งแบบนี้ จะทำให้ความสามัคคีของคนในชาติกลับคืนมา ใช้ตรรกะไหนคิดครับคุณสมชาย
แล้วการออกแบบกติกาที่ประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ยอมรับ แต่กลับเชื่อว่าจะยืนหยัดอย่างองอาจในเวทีโลก มีเกียรติมีศักดิ์ศรีในฐานะประเทศที่พัฒนาแล้ว เฮ่อ คุณสมชายกำลังหลอกตัวเองหรือหลอกพวกเดียวกันๆแน่ครับ
สุดท้ายจึงอยากบอกคุณสมชายว่า ครั้งนี้พวกคุณสมชายไม่เสียของแน่ เพราะมีแต่ได้กับได้ แต่ที่เสียเวลา เสียโอกาส กลับเป็นประเทศและประชาชนทั้ง 67 ล้านคน ยกเว้นแต่พวกคุณสมชายต่างหากเล่า
ดังนั้นถ้ามีเวลาคุณสมชายควรจะกลับไปศึกษาเรื่องการเมืองการปกครองเสียใหม่ และทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ดีกว่านะครับ เผื่อจะพบว่า ผู้ปกครองที่ประสบความสำเร็จนั้น คือ ผู้ที่สามารถสร้างสมดุลระหว่างการใช้ “พระเดช” และ “พระคุณ”อย่างมีประสิทธิภาพต่างหากครับคุณสมชาย