โอวาทปาฏิโมกข์


พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) กล่าวว่า “วันมาฆบูชา ถือเป็นวันสำคัญทางพระศาสนา เพราะเป็นวันที่พระบรมศาสดาทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ แก่พระสาวก ๑,๒๕๐ องค์ ที่มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานของพระพุทธศาสนา พวกเราควรใส่ใจพระโอวาทนี้ “ปาฏิโมกข์” แปลว่า ธรรมเป็นเครื่องพ้น ความหมาย โอวาทปาฏิโมกข์ ธรรมเป็นเครื่องพ้น ซึ่งเป็นโอวาทของพระบรมศาสดา อันพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้รู้แล้ว เห็นแล้ว ได้ประกาศไว้”

#โอวาทปาฏิโมกข์เคยมีมาก่อนแล้ว ตั้งแต่ในสมัยพระพุทธเจ้าในอดีตหลายองค์

ในครั้งพุทธกาล เดือนมาฆะ (เดือนสาม) ถัดจากปีที่ตรัสรู้ธรรม ถ้านับแต่ตรัสรู้ธรรมเป็นเวลา ๙ เดือนพอดี วันนั้นเป็นวันเพ็ญแห่งเดือน ปราชญ์บางท่านว่าเป็นวันทำพิธีศิวาราตรีของพราหมณ์ด้วย
พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน แขวงกรุงราชคฤห์ มีธรรมจัดสรรให้ในบ่ายวันนั้น พระสงฆ์สาวกที่ทรงส่งจาริกไปประกาศสัจธรรมในที่ต่างๆ มีจำนวน ๑,๒๕๐ องค์ ได้มาประชุมเฝ้าพร้อมกัน พระพุทธเจ้าทรงถือเป็นโอกาสพิเศษจึงได้ทรงประกาศหลักศาสนา คือ ธรรมและวินัย เรียกว่า โอวาทปาฏิโมกข์

๑. ขันติ ความอดทน คือ ความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าทั้งหลายตรัสนิพพานว่าเป็นบรมธรรม หรือเป็นธรรมสูงสุด ผู้ทำร้ายผู้อื่นไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต ผู้เบียดเบียนสัตว์อื่นไม่ชื่อว่าเป็นสมณะ
๒.การไม่ทำความชั่วทั้งปวง หรือการไม่ทำบาปทั้งปวง การบำเพ็ญกุศล คือความดีให้ถึงพร้อม การทำจิตใจของตนให้ผ่องใสบริสุทธิ์ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
๓.การไม่กล่าวร้าย ๑ การไม่ทำร้าย ๑ ความสำรวมในพระปาฏิโมกข์ ๑ ความเป็นผู้รู้จักประมาณในภัตตาหาร ๑ ที่นั่งที่นอนอันสงัด หรือ การนอนนั่งในที่สงัด ๑ การประกอบความเพียรในอธิจิต หรือ การฝึกฝนพัฒนาจิตของตน ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธะทั้งหลาย

สังเกตว่าเป็นคำสอนพระพุทธเจ้าทั้งหลาย หมายถึงพระพุทธเจ้าทั้งในอดีต ปัจจุบัน ประทานโอวาทปาฏิโมกข์แนวเดียวกันหมด

สรุปลงเหลือ ๓ ประการ คือ ๑.งดเว้นทำบาปอกุศล ๒.ประกอบแต่บุญกุศล ๓.ทำจิตให้สะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากอาสวะกิเลสนั่นเองครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่