แก่นแท้ของวันมาฆบูชา “วันประกาศเอกลักษณ์ของพุทธศาสนา”

วันนี้เป็นวันมาฆบูชา และตรงกับวันเกิดผมด้วย ผมไปเวียนเทียนที่วัดแห่งหนึ่งมา  แต่กลับรู้สึกสลดใจที่ชาวพุทธเราไม่เห็นมีใครเข้าใจความหมายที่แท้จริงของวันมาฆบูชา แถมมีการพูดว่าเป็นวันแห่งความรักของชาวพุทธ(ด้วยการตลาดของรัฐบาลสมัยหนึ่งที่เห็นใกล้วันวาเลนไทน์ และคำสอนในโอวาทปาฏิโมกข์มีคำว่า จงอย่าทำร้าย ว่าร้ายผู้อื่นให้มีเมตตา)  ซึ่งชักจะไปกันใหญ่ จึงอยากนำเสนอความหมายความสำคัญที่แท้จริงของวันมาฆบูชามา ณ ที่นี้  ซึ่งผมมั่นใจว่าวันนี้เป็น “วันประกาศเอกลักษณ์ของพุทธศาสนา”  ว่าศาสนานี้ ต่างจากศาสนาและลัทธิความเชื่ออื่นตรงไหน
ควรมิควร ขอเชิญนักปราชญ์พิจารณาเถิด

ประวัติ
พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม โอวาทปาติโมกข์ ณ เวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ ซึ่งเป็นวันที่เกิด จาตุรงคสันนิบาต คือการประชุมอันประกอบด้วยองค์ ๔ นั่นคือ

๑. พระสงฆ์ ๑๒๕๐ รูปมาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

๒. พระสงฆ์เหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น

๓. พระสงฆ์เหล่านั้นเป็นพระสงฆ์ที่ได้รับ เอหิภิกขุอุปสัมปทา (พระพุทธเจ้าบวชให้)

๔. ตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะ (เดือน ๓) ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเทศนา โอวาทปาติโมกข์

วิจารณ์

มีใครสังเกตบ้างมั้ยครับ ว่าพระอรหันต์ 1250 รูปมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกัน  ท่านเหล่านั้นล้วนสิ้นกิเลสหมดแล้ว จะให้พระพุทธเจ้าสอนอะไรอีก????
ไม่มีอะไรให้พระองค์อบรมแล้ว เพราะท่านเหล่านั้นเสร็จกิจอันควรบำเพ็ญหมดสิ้นแล้ว

องค์พระศาสดาผู้เปี่ยมล้นด้วยพระปรีชาญาณ ทรงรู้แจ้งว่าพระอรหันต์เหล่านี้แม้จะบรรลุธรรมหมดสิ้น แต่เวลาแสดงธรรมย่อมมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกัน อาจทำให้ผู้ฟังธรรมจับ “แก่นแท้” ไม่ได้ว่าตกลง พุทธศาสนา สอนอะไรกันแน่ จึงมีความจำเป็นจะต้อง “จูนให้ตรงกัน” ว่า ภิกษุทั้งหลาย เวลาเธอไปแสดงธรรม ถ้าชาวบ้านเขาถามว่า ธรรมวินัยของตถาคต มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากศาสนาลัทธิอื่นอย่างไร?  ให้เธอตอบเขาได้เลยว่าดังนี้.....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่