ผมคิดของผมเองนะ ลองอุปมาดูดังนี้

เปรียบเหมือนกระแสน้ำในแม่น้ำลำคลองสายธารต่าง ๆ ตามธรรมชาติมันก็ไหลซ้ายขวาไปตามร่องน้ำจากที่สูงสู่ที่ต่ำออกสู่แม่น้ำสู่ทะเลสู่มหาสมุทร ผมเปรียบนี่คือกระแสกรรมของโลก ของคนในโลกส่วนใหญ่ที่ปล่อยตัวตามกิเลส ก็ต้องมีชะตาไปตามนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เสมือนคนที่ตกลงก็จะทานกระแสน้ำไม่ไหว ไหลไปตามกระแสน้ำ มีน้อยคนนักที่สามารถว่ายน้ำสวนกระแสน้ำเสมือนคนที่ฝึกสติสมบูรณ์สวนกิเลสจนบรรลุนิพพาน (โสดาบันคือพระอริยะขั้นต้นของคนที่ตกกระแสนิพพาน ว่ายสวนกระแสกรรมเข้าสู่กระแสแห่งนิพพานได้)

คนที่อยู่บนฝั่งจะบอกได้ว่ากระแสน้ำไหลไปไหน ยิ่งปีนขึ้นต้นไม้ก็ยิ่งเห็นได้ไกลขึ้น หรือขับรถตาม นั่งเครื่องบินตาม ยิ่งสูงยิ่งเห็นภาพรวมว่าลำธารมีกี่สายไปรวมเป็นแม่น้ำอย่างไร แม่น้ำไหลลงสู่ทะเลอย่างไร มองเห็นภาพใหญ่ทั้งโลก  ก็อาจเสมือนเทวดาอินทร์พรหมยิ่งชั้นสูงขึ้นก็ยิ่งทำนายอนาคตได้ไกล แต่ก็เป็นอนาคตภาพรวมว่าโลกจะไหลไปตามกระแสกรรมกระแสกิเลสอย่างไร แต่คงยากที่จะทำนายอนาคตทำนายชะตาของมนุษย์บางคนที่ฝึกสติและว่ายทวนกระแส

มนุษย์ส่วนใหญ่ > 90% ขาดสติ ลองดูสิ วัน ๆ เรารู้ตัวไหมว่าเรากำลังทำอะไร กำลังนั่ง กำลังเดิน กำลังยืน กำลังทำงานอะไรอยู่ ในสมองมีแต่ความคิด คิด คิด คิด แต่ไม่รู้ตัวมีสติในขณะนั้น   แบบนี้ก็ไหลไปตามกิเลส ทำนายชะตากรรม ดวงได้ อนาคตจะถูกกำหนดไว้แล้ว  จนกว่าที่จะเริ่มหันมาเจริญสติแบบจริงจังตามรอยของพระอริยะ แบบนี้อนาคตจะเริ่มเปลี่ยนไม่ไหลตามกระแสกิเลส จะสามารถ Free will ได้ (กำหนดชะตาตัวเองได้)