คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 51
หลายคำตอบตรงกับที่ผมคิด แต่อธิบายไม่ชัดเจน ขออนุญาตถามเองตอบเองนะครับ
อธิกรณ์ ในที่นี้คือ ธัมมชโยยักยอกเงินบริจาควัดมาซื้อที่ดินแล้วโอนให้ตัวเองหรือคนสนิท ผมสรุปย่อๆ ว่า ธัมมชโยยักยอกทรัพย์
ซึ่งถ้าอธิกรณ์นี้ถูกตัดสินอย่างเป็นธรรมแล้ว ปรากฏว่าธัมมชโยยักยอกทรัพย์จริง ก็ต้องอาบัติปาราชิก
แต่หากอธิกรณ์นี้ถูกตัดสินอย่างเป็นธรรมแล้ว ปรากฏว่าธัมมชโยไม่ได้ยักยอกทรัพย์ ก็ไม่ต้องอาบัติปาราชิก
ดังนั้น คำตัดสินที่เป็นธรรม มี 2 ข้อ คือ
1. ธัมมชโยยักยอกทรัพย์
2. ธัมมชโยไม่ได้ยักยอกทรัพย์
แต่เนื่องจากการตัดสินหรือการพิจารณาคดีไม่สามารถตัดสินได้ว่า ธัมมชโยยักยอกทรัพย์ หรือ ธัมมชโยไม่ได้ยักยอกทรัพย์ เพราะมีการถอนฟ้องเกิดขึ้นก่อน
ดังนั้น ในเมื่อการตัดสินยังไม่เป็นธรรม (คือไม่รู้ว่าตกลงแล้ว ธัมมชโยยักยอกทรัพย์ หรือ ธัมมชโยไม่ได้ยักยอกทรัพย์ กันแน่) ก็ต้องนำอธิกรณ์นี้มาตัดสินให้ถูกต้องหรือเป็นธรรม จะปล่อยไว้คาราคาซังไม่ตัดสินอะไรแบบนี้ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องอาบัติปาราชิก
อธิกรณ์ ในที่นี้คือ ธัมมชโยยักยอกเงินบริจาควัดมาซื้อที่ดินแล้วโอนให้ตัวเองหรือคนสนิท ผมสรุปย่อๆ ว่า ธัมมชโยยักยอกทรัพย์
ซึ่งถ้าอธิกรณ์นี้ถูกตัดสินอย่างเป็นธรรมแล้ว ปรากฏว่าธัมมชโยยักยอกทรัพย์จริง ก็ต้องอาบัติปาราชิก
แต่หากอธิกรณ์นี้ถูกตัดสินอย่างเป็นธรรมแล้ว ปรากฏว่าธัมมชโยไม่ได้ยักยอกทรัพย์ ก็ไม่ต้องอาบัติปาราชิก
ดังนั้น คำตัดสินที่เป็นธรรม มี 2 ข้อ คือ
1. ธัมมชโยยักยอกทรัพย์
2. ธัมมชโยไม่ได้ยักยอกทรัพย์
แต่เนื่องจากการตัดสินหรือการพิจารณาคดีไม่สามารถตัดสินได้ว่า ธัมมชโยยักยอกทรัพย์ หรือ ธัมมชโยไม่ได้ยักยอกทรัพย์ เพราะมีการถอนฟ้องเกิดขึ้นก่อน
ดังนั้น ในเมื่อการตัดสินยังไม่เป็นธรรม (คือไม่รู้ว่าตกลงแล้ว ธัมมชโยยักยอกทรัพย์ หรือ ธัมมชโยไม่ได้ยักยอกทรัพย์ กันแน่) ก็ต้องนำอธิกรณ์นี้มาตัดสินให้ถูกต้องหรือเป็นธรรม จะปล่อยไว้คาราคาซังไม่ตัดสินอะไรแบบนี้ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องอาบัติปาราชิก
แสดงความคิดเห็น
พระวินัยห้ามรื้อฟื้นอธิกรณ์ที่ตัดสินเป็นธรรมแล้ว สรุปว่าคดีธัมมชโยปาราชิก มีการตัดสิน "เป็นธรรม" แล้วหรือไม่?
อยากถามว่า คดีธัมมชโยปาราชิก เป็นอธิกรณ์ที่ตัดสินเป็นธรรมแล้วหรือไม่?