[CR] แบกเป้ขึ้นรถไฟสไตล์ Flashpacker มุ่งสู่ปีนัง - มะละกา ด้วยงบ 6,000 บาท ตอนที่ 3

มาต่อตอนที่ 3 กันเลยค่ะ หลังจากที่หายไปสักพักหนึ่ง
ตอนนี้เรากำลังจะไปมะละกาแล้ว
ก่อนไปต่อ มาพูดถึงมะละกากันคร่าว ๆ ก่อนนะ
     "มะละกา" หรือ อีกชื่อหนึ่ง "มาลักกา" ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมาเลเซีย ตามตำนานเล่ากันมาว่า ในราวปี ค.ศ. 1376 - 1400
เจ้าชายปรเมศวร ล่องเรือลี้ภัยมาจากสิงคโปร์ จนได้พบกับเกาะแห่งนี้ มะละกา เคยเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญในช่วงศตวรรษที่ 15 - 16
แต่เมื่อมะละกาตกอยู่ภายใต้การปกครองของชนชาติยุโรป ประมาณ 445 ปี ชื่อเสียงในเรื่องเมืองท่า ของมะละจึงหายไป จนมะละกาได้กลับมาเป็นเมืองท่าอีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเป็นเมืองท่าที่เจริญเท่าท่าเรือสิงคโปร์ได้
     หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นายกรัฐมนตรีคนแรกก็ประกาศอิสระภาพให้เมืองมะละกา และในที่สุดมะละก็ได้รับขนานนามจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกพร้อมกับเมืองจอร์จ ทาวน์ ปีนัง


ส่วนตอนที่ 1 และ 2 ติดตามได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยจ้า

ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/34746677
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/34747030

วันที่ 04/01/59
เราเดินทางถึงมะละกาแล้ว ประมาณ 6 โมงเช้า
บรรยากาศยังเงียบสงบ คนที่นี่ตื่นสายกันจริง ๆ
ถ้าเป็นบ้านเราหรอ เต็มถนนไปหมดแล้ว
ดูบรรยากาศภายใน Malaka Central ที่เรามาลงกันได้

รถเมล์มาแล้ว แต่ที่มะละกาไม่มีรถเมล์ฟรีนะ ฮ่า ๆ

รถแอร์เย็นเกิ๊นนน กระจกเป็นฝ้าหมด

ขึ้นรถเมล์ประตูหน้าเหมือนเดิม จ่ายเงินแล้วบอกกับคนขับว่าจะไปไหน เดี๋ยวเค้าจะบอกราคาเราเอง
รถที่เข้าเมืองผ่านจตุรัสดัตช์ เป็นรถ Panorama Melaka
แบ่งเป็นสายสีแดง และ สีน้ำเงิน
เราขึ้นรถไปลงแลนด์มาร์คของที่นี่ นั่นก็คือ จตุรัสดัตช์ นั่นเอง
ค่ารถ 1.5 ริงกิต

ประมาณ 15 นาที ก็ถึงจตุรัสดัตช์
เราก็เปิด google map หาที่พักของเรา
1 km จากจตุรัสดัตช์
ป่ะ เดินกันเถอะ
ถึงแล้วที่พักของเรา Euru Rich Hotel
เราจองผ่าน Booking.com อีกเช่นเคย ราคาอยู่ที่ 75 ริงกิต

ห้องพักโอเคในระดับหนึ่งเลย สะอาดดี ติดแค่ที่ฉีดก้นกับwifi ช้าอีกแล้ว ฮือออ



ก่อนออกไปเดินเล่น เรากับเพื่อนขออาบน้ำ พักนอนสักแปปนึง
เพราะนอนบนรถไม่เต็มอิ่มเลย บวกกับไม่ได้อาบน้ำมา 1 วันเต็ม
ตอนนี้สภาพแย่มาก ปวดขาสุด ๆ เพราะเดินกันแบบทะลุเป้ามาก ฮ่า ๆ

หลังจากได้พักเรียบร้อย นี่ก็ 9 โมงแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรเลยหิวมาก
เดินออกไปหาอะไรกินไม่มีร้านเปิดเลย นี่มันเมืองนักท่องเที่ยวรึเปล่า? แอบคิดในใจ
สุดท้ายต้องพึ่งร้านมินิมาร์ทแถวโรงแรม ได้มาม่ากับน้ำมา 1 กระป๋อง หมดไป 6 ริงกิต

รอดตายแล้ว ขอตัวกลับที่พักไปนอนเอาแรงแปปนึงก่อนออกไปเดินเล่น
ตื่นมาอีกที 4 โมงเย็นแล้วจ้าาา
อ๊ากกกกกกกกกกกก ไปเดินเล่นกันเถอะ
ตรงที่เราเดินผ่านนี้ เป็น Maritime Museum เรือลำใหญ่มากกกกกกกกก



เดินมาเรื่อย ๆ เข้ามาด้านหลัง เป็นโรงแรมอีกฝั่งอยู่ริมแม่น้ำมะละกา

มีอีกโรงแรมหนึ่งสวยกว่านี้ คงเป็น 2 โรงแรมที่แพงที่สุดในเมืองนี้เลยแหละ
อีกฝั่งของแม่น้ำ บ้านเมืองเค้าสวยชวนให้เดินเล่นเหลือเกิน

เดินมาเรื่อย ๆ ผ่านป้อมปราการ สมัยก่อนคงใช้ช่วงสงครามแหละ


มองไปด้านหลังเป็น ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจ้า หาไม่ยาก
ที่นี่มีแผนที่แจก ไปหยิบกันได้เลย


เดินไปอีกนิด ก็ถึง จตุรัสดัตช์แล้ว
จัตุรัสดัตช์ (Dutch Square)
สัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองมะละกา สิ่งปลูกสร้างสีแดงตามสถาปัตยกรรมเก่าแก่แบบดัตช์
นั่นไง แดง มาแต่ไกล ฮ่า ๆ

ไปแวะถ่ายรูปกัน ตรงนี้คือ แลนด์มาร์คสำคัญ ที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปกันทุกคน



มีของขายด้วยแต่ไม่ค่อยมีอะไรน่าซื้อเท่าไหร่

ด้านใน จตุรัสดัตช์ เป็นโบสถ์คริสต์จ้า

อีกมุมหนึ่งหลังจากเดินออกมาจากด้านในโบสถ์จ้า


Melaka Clock Tower และ น้ำพุวิกตอเรีย ที่บริเวณจัตุรัสดัตช์

ข้ามไปอีกฝั่งกันบ้างดีกว่า

มาถึงฝั่งนี้จะเป็นย่านชุมชนแล้ว หรือที่เค้าเรียนกันว่า ย่าน "Jonker Street" จ้า

ยืนดูแม่น้ำบนสะพาน ที่นี่มีเรือพาชมเมืองด้วยนะ เสียค่าใช้จ่ายคนละ 10 ริงกิต
นั่งเรือมีหลายแบบนะ จะนั่งชมวิวเฉย ๆ หรือชมวิวแล้วรับประทานอาหารก็จะเสียเพิ่มอีก
ใช้เวลานั่งประมาณ 45 นาที ใครสนใจก็ลองดูได้ที่ www.melakarivercrsise.com น้า

เดินมาจะเจอ Hard Rock Cafe ที่แรกเลย

เดินมาถึงตรงนี้จะเป็นวงเวียนเล็ก ๆ เป็น 3 แยก

เลือกเดินตามใจชอบเลยจ้า
เราเลี้ยวซ้ายมา เพราะตาเหลือบไปเห็นร้านข้าวมันไก่เปิด
เสียงน้ำย่อยมันเรียกร้อง เพราะเมื่อกี้ไม่อิ่ม ร้องไห้
มาถึงแล้ว ที่มะละกามีชื่อเสียงในเมนู Chicken Rice Ball เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลย
เอกลักษณ์มันอยู่ตรงที่การหุงข้าวด้วยน้ำซุป ใส่กระเทียม ต้นหอม และขิง
เมื่อหุงสุกแล้วปั้นเป็นก้อน
แต่ก็แลกกับราคาที่แพงขึ้นมาอิ๊กกกกกก
เราเลยเลือกกินแบบข้าวมันไก่ธรรมดา (พูดซะยืดยาวนึกว่าจะกิน - -*)
เราเลือกกินร้าน Sri Jonker เพราะเห็นราคาแล้วเรารับได้ 55555


ดูเมนูสิ๊ มีอะไรกิน (จะเลือกทำไมในเมื่อก็สั่งข้าวมันไก่ธรรมดา)

ข้าวมาแล้ว

เราสั่งข้าวมันไก่ธรรมดา กับไก่ดำ
เจ้าของร้านถาม White Chicken or Black Chicken
ก็เลยเอา 2 แบบเลย ไก่ดำมันก็คือเอาไปอบนั่นแหละ แต่ก็อร่อยดี
รวมค่าเสียหายแล้ว หมดไป 9 ริงกิต

อิ่มท้องแล้วไปเดินเล่นย่าน Jonker Street กันเลยจ้า
เราเริ่มเดินตามทางมาเรื่อย ๆ แถวนี้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ทางวัฒนธรรมจ้า
จะสังเกตได้จาก บ้าน ตึก สวยงาม สไตล์เดียวกันไปหมด
เป็นสไตล์แบบ "เปอรานากัน"

ฝนพึ่งหยุดตก ถนนเลยเปียกนิโหน่ยยย



วันที่เราไปไม่ค่อยมีคนเลย สังเกตได้จากถนน เงียบสงบจริง ๆ
เอาจริงเมืองนี้เป็นเมืองน่ารักดีนะ เล็ก ๆ แต่แฝงไปด้วยวัฒนธรรมที่เราสัมผัสได้


ยังคงเป็นเมืองแห่งศิลปะเหมือนปีนังเลย แกลอรี่ อาร์ต เต็มเมืองเช่นกัน
เดินกันต่อ จนใกล้เย็นแล้ว




ตึกแกะสลักลวดลายเต็มไปหมด ไม่ซ้ำกันซักบ้านเลย

รู้สึกชอบบ้านนี้จัง

เดินมาเรื่อย ๆ น่าบ้านนี้เล็กๆ อบอุ่นดีแหะ

วนมาอีกทางจนเจอป้าย "๋Jonker Street"


เดินมาเจอเซเว่น เลยเข้าไปสำรวจของแปลกในมินิมาร์ทหน่อย
การเข้ามินิมาร์ทในต่างประเทศ นี่เป็นความฝันของ จขกท.เลยนะ เพราะมีความสุขเวลาเห็นขนมแปลกๆ

สอยขนมปังยี่ห้อแบบที่บ้านเรามีเมื่อก่อนเดี๋ยวนี้หาไม่เจอแล้ว ยาคูลท์ โชกี้โชกี้ มา
แถมด้วยไส้กรอกอีกอัน

ออกจากเซเว่นไปเดินเล่นต่อ


ร้านนี้เป็นร้านแรกที่คนเยอะ เยอะที่สุดของวันนี้ในย่านนี้ ตั้งแต่เราเดินเล่นมา
อันนี้ร้านอะไรไม่แน่ใจ แต่คาดว่าจะเป็นร้านนวดทีนรึเปล่า 55555



เดินมาถึงตรงนี้ คือ Masjid Kampung Kling เป็นมัสยิดแห่งเดียวของเมืองนี้เลย
เค้าบอกกันว่าสร้างเพื่อสะท้อนถึงการรวมเป็นชาติพันธุ์มาเลย์จ้า
เดินออกมาอีกฝั่ง

เริ่มจะเจอแม่น้ำ ที่นี่วนเป็นวงกลมเลยจ้า เดินง่ายนิดเดียวเอง
พระอาทิตย์เริ่มจะลาลับแล้ว
ชื่อสินค้า:   ปีนัง-มะละกา
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่