สวัสดีค่ะเพื่อนๆพันทิป ช่วงนี้ จขกท.พอมีเวลา เลยคิดว่า อยากเขียนกระทู้ก็ต้องรีบเขียนฮะ
จากความเดิมตอนที่แล้ว
กาลครั้งหนึ่งในมาเลเซีย ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/32957115
กาลครั้งหนึ่งในมาเลเซีย ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/32965519
พากันไปเที่ยว Putrajaya (เพื่อนพาไป) และ พากันไปกิน (เพื่อนก็พาไป) ถึงเวลาที่เราต้องผจญภัยด้วยตัวเองแล้ว ครั้งนี้ จขกท. ขอนำเสนอ ไปลัลล้ามะละกากันฮะ
ส่วน Reference สำหรับการเดินทางของพวกเรา มาจาก Link นี้เลย เดินทางแบบเดียวกัน
http://www.emagtravel.com/archive/melaka-trip.html
การเดินทางของพวกเราเริ่มต้นที่สถานี KL Sentral เพื่อไปขึ้นรถไฟ KLIA Transit ไปลงที่สถานี BTS (Bandar Tesik Selatan) ค่าเดินทาง 4.2 RM เอง (42 บาท คือ ถูกมาก)
รถไฟคือ สภาพดี คือ เริ่ดฮะ วิ่งเร็ว รอไม่นาน
จขกท.ใส่กางเกงสีแดง อิอิ
ถึงสถานีแล้วฮะ
Terminal Bersepadu Selatan
วิ่งไปซื้อตั๋วที่บูธ Transnational อย่างรวดเร็วค่ะ ค่าตั๋วคนละ 10 RM จ้า
พอซื้อตั๋วเสร็จ เรามีเวลาเพียงเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นรถเท่านั้นค่ะ เข้าห้องน้ำเสร็จปุ๊บ ต้องรีบขึ้นรถตาม GATE ที่รถจะออกเลย (คิดถึงหมอชิตบ้านเรา ที่นี่การเดินทางง่ายสะดวกสบายจริงๆ) ใช้เวลาสักประมาณ 2 ชม.ครึ่งก็ถึง Melaka Sentral เราก็ต้องนั่งรถบัสเข้าเมืองกัน รถบัสที่จะเข้าเมืองคือ Panorama เบอร์ 17 ฮะ (รถนี้มันวิ่งเป็น loop จ้า ออกจากสถานี Melaka Sentral แล้วก็สิ้นสุด Melaka Sentral)
ค่าตั๋วคนละ 1.5 RM น้า (15 บาท)
Welcome to Melaka ถ่ายจากมือถือระหว่างอยู่ในรถบัสค่ะ
ขึ้นมามีแต่คนไทย 555+
ถึงแล้ว เรามาลงกันที่ Dutch Square ค่ะ
มาถึงแล้วก็ต้องรีบไปคว้าแผนที่มาก่อน ที่ Tourist Information Center ค่ะ
ตอนเราถึงแล้ว ก็เกือบๆเที่ยงค่ะ เราเลยไปหาที่กินกัน ที่จขกท.กับเพื่อนเลือกไปกิน ก็คือ ข้าวมันไก่ (คือ ก่อนไป เพื่อนที่มหาวิทยาลัยคนนึงบ้านอยู่มะละกา ก็ให้ list เรามาว่าถ้าเราไปมะละกาต้องทำอะไรบ้าง หนึ่งในนั้นก็คือ ข้าวมันไก่จ้า) ข้าวมันไก่ที่ขึ้นชื่อที่สุดในมะละกา ก็คือ ร้านนี้เลย Kedai Kopi Chung Wah (ที่นี่เป็น Chicken Rice Ball จ้า)
นี่คือคิว หายใจแป๊บ
รอคิวอย่างอดทน ท่ามกลางแดดร้อนๆ
นี่คือทางเข้าอันแคบๆ
เข้ามานั่งในร้านแล้วค่ะ เย้ๆ
ราคาอาหารตามนี้ ตอนเราไป คนเยอะมาก เจ้าของร้านเลยให้ทุกคนได้ทานเท่าๆกัน คือ Rice ball คนละ 5 ลูก และ ไก่โต๊ะละ 1 จาน
คือ ไม่อิ่มฮะ
สำหรับ จขกท. รู้สึกว่า มันก็แค่ข้าวมันไก่ฮะ ทำไมต้องมารอตากแดด ร้านก็บริการไม่ค่อยดี คนเยอะเกินไป ข้าวมันไก่บ้านเราก็อร่อยเหมือนกัน แต่คิดย้อนไป มันก็เป็นสีสันดีฮะ
ด้วยความที่ไม่อิ่ม ยังไงก็ต้องหาอะไรไปกินต่อ เราเลยเดินไป Jonker Walk เพื่อไปร้าน Jonker 88 เพื่อกิน Ais Kacang ที่ขึ้นชื่อที่สุดในมะละกาฮะ
ทำใจกับคิว
ดูเมนูกัน
อันนี้อร่อยฮะ Baba Ice Kacang เบอร์ 8
อันนี้ของเพื่อนฮะ อร่อยไม่แพ้กัน จำไม่ได้ว่าเมนูอะไร
มาเรียนศัพท์จากเมนูกัน Sago = สาคู ค่ะ Cendol = ลอดช่อง (ถ้าอยากกินลอดช่อง ก็ต้องมากินที่มะละกาเช่นกันค่ะ) Gula Melaka = น้ำตาลมะพร้าวเชื่อมค่ะ (อันนี้อร่อยมาก จขกท.ถึงขั้นจะซื้อกลับมาราดน้ำแข็งใสกินที่ไทยเลย อิอิ) หลังจากกินน้ำแข็งใสที่นี่ เราก็แพลนกันว่า ตอนเย็นเรากลับมาเดิน Jonker Walk จะกลับมากินอีก ซึ่งคือ อดกินฮะ หมดแล้วอ้าาาา โชคดีจังที่ทนตากแดดเดินมากิน
เราเดินกลับมาเพื่อ Check in ที่โรงแรมค่ะ โรงแรมที่เราจองไว้กับ Agoda คือ โรงแรม Hotel Hallmark Inn สามดาวตามระเบียบ คืนละประมาณ 1000 บาท ที่พักแอร์เย็นดี แต่อินเตอร์เน็ตมาไม่ถึง ตัวโรงแรมไม่ได้อยู่ในย่านท่องเที่ยว ทำให้เดินไกลเล็กน้อยค่ะ ถ้ามีใครจะไปมะละกา แนะนำให้หาที่พักใกล้ๆกับที่เที่ยวนะคะ (ใกล้ๆกับ ย่าน Dutch Square) เราเช็คอิน นอนพักกันจนเกือบ 5 โมงเย็น อากาศเริ่มเป็นใจให้เดินเล่น เราจึงออกมาเดินเล่นกันต่อค่ะ
การเดินของเราเรียบง่ายมากค่ะ Plot จุดในแผนที่ว่าเราอยู่ตรงไหน อันไหนถึงก่อน เราก็ชมอันนั้นก่อน (จขกท. พึ่งมาเห็นตอนทำกระทู้เนี่ย ว่า ตัวเองบ้าถ่ายรูปมาก ถ่ายครบเกือบทุกจุดจริงๆ) มะละกาเป็น World Heritage City หรือเมืองมรดกโลกเลยทีเดียวนะคะ (สิ่งหนึ่งที่รู้สึกว่าทำลายสุนทรียภาพของเมืองๆนี้ คือ สามล้อถึบติดตุ๊กตาคิตตี้ เปิดเพลง Gangnam Style เสียงดังๆค่ะ แถมคิดว่าค่าปั่นชมเมืองตั้ง 40 RM = 400 บาท = =)
เป็นเมืองท่าสำคัญของประเทศมาเลเซีย ตกอยู่ใต้อำนาจอาณานิคมของทั้ง Dutch และ Portuguese สิ่งที่เหลือไว้ ก็บ่งบอกถึงการถูกยึดครองได้พอสมควรค่ะ
ป้อมปราการและแม่น้ำมะละกา
แม่น้ำมะละกา
ป้อมปืน
ไปดู St.Paul's Church กันค่ะ
หน้าตาคุณลุง St.Paul ฮะ
เข้าไปดูในโบสถ์กันเลย
จขกท. ขอ ติส ภาพขาวดำแปบนะคะ
จขกท.สนุกมากๆกับการถ่ายรูปในนี้ เพื่อนเริ่มเบะปาก บอกว่าไปที่อื่นกันเถอะ เราลงเขามายังประตูเมือง Porta de Sandiego ค่ะ
เราเดินเล่นไปเรื่อยๆก็มีมุมโน่น มุมนี้ให้ถ่ายรูปเรื่อยๆค่ะ
เริ่มเมื่อยแล้ว ขอ Save Limb แระกันค่ะ เรามาที่ Menera Tamingsari Melaka ซึ่งเป็นคล้ายๆหอชมวิวหมุนรอบ 360 องศาค่ะ ค่าขึ้นชมวิว ก็คนละ 20 RM สิวๆ (เหรอ
) แต่มันก็หมุนๆวนๆไม่กี่นาทีเองอะ
ถ่ายรูปมุมสูง ติส ขาวดำ
ติส ไม่เลิก
จากนั่งชมวิวหอคอย เราก็เดินมาถึงเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้แล้วนะคะ คือ Maritime Museum ค่าเข้าชมคนละ 6 RM เท่านั้นเอง (ถ้าจำไม่ผิด เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่ามีพาเข้าชมฟรี พร้อม guide วันอาทิตย์เช้าด้วย แต่เรามาวันเสาร์นะ
)
ดึกแล้วค่ะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า เราจบ Trip ลัลล้ามะละกา กันด้วยการเดิน Jonker Walk ยามค่ำคืนค่ะ (อันนี้เป็น The Must เลยนะ ของขายเต็มเลย ทั้งของกินและของที่ระทึก) คนคึกคักมาก ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ
ขนมจีบเต็มเลย อร่อยและถูกฮะ
ร้านนี้เพื่อนมาเลย์แนะนำมาว่าต้องมากินค่ะ ต้องมากิน ABC Cendol ที่มะละกาให้ได้
นั่งกินๆ เราสั่ง Curry Laksa, Asam Laksa, ABC Cendol มาค่ะ Cendol อร่อยจริงๆฮะ
*ขอโทษที่ถ่ายรูปมาได้ไม่หมดค่ะ แบตกล้องหมด (ไม่แปลก ถ่ายรูปมาทั้งวันเลย)
* Asam Laksa เป็นก๋วยเตี๋ยวปลากระป๋องของที่โน่นค่ะ ใครเบื่อ
หนีมากิน Asam Laksa แทนได้ค่ะ
หลังกินจนกรดไหลย้อน จขกท.และเพื่อนก็เดินกลับมาที่พัก แล้วเช็คเอาท์ในวันรุ่งขึ้นกลับ KL ค่ะ
ไว้ตอนหน้าเราไปเที่ยว Cameron Highlands กัน จบตอนจ้า บายๆ
กาลครั้งหนึ่งในมาเลเซีย ตอนที่ 3
จากความเดิมตอนที่แล้ว
กาลครั้งหนึ่งในมาเลเซีย ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/32957115
กาลครั้งหนึ่งในมาเลเซีย ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/32965519
พากันไปเที่ยว Putrajaya (เพื่อนพาไป) และ พากันไปกิน (เพื่อนก็พาไป) ถึงเวลาที่เราต้องผจญภัยด้วยตัวเองแล้ว ครั้งนี้ จขกท. ขอนำเสนอ ไปลัลล้ามะละกากันฮะ
ส่วน Reference สำหรับการเดินทางของพวกเรา มาจาก Link นี้เลย เดินทางแบบเดียวกัน
http://www.emagtravel.com/archive/melaka-trip.html
การเดินทางของพวกเราเริ่มต้นที่สถานี KL Sentral เพื่อไปขึ้นรถไฟ KLIA Transit ไปลงที่สถานี BTS (Bandar Tesik Selatan) ค่าเดินทาง 4.2 RM เอง (42 บาท คือ ถูกมาก)
พอซื้อตั๋วเสร็จ เรามีเวลาเพียงเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นรถเท่านั้นค่ะ เข้าห้องน้ำเสร็จปุ๊บ ต้องรีบขึ้นรถตาม GATE ที่รถจะออกเลย (คิดถึงหมอชิตบ้านเรา ที่นี่การเดินทางง่ายสะดวกสบายจริงๆ) ใช้เวลาสักประมาณ 2 ชม.ครึ่งก็ถึง Melaka Sentral เราก็ต้องนั่งรถบัสเข้าเมืองกัน รถบัสที่จะเข้าเมืองคือ Panorama เบอร์ 17 ฮะ (รถนี้มันวิ่งเป็น loop จ้า ออกจากสถานี Melaka Sentral แล้วก็สิ้นสุด Melaka Sentral)
ตอนเราถึงแล้ว ก็เกือบๆเที่ยงค่ะ เราเลยไปหาที่กินกัน ที่จขกท.กับเพื่อนเลือกไปกิน ก็คือ ข้าวมันไก่ (คือ ก่อนไป เพื่อนที่มหาวิทยาลัยคนนึงบ้านอยู่มะละกา ก็ให้ list เรามาว่าถ้าเราไปมะละกาต้องทำอะไรบ้าง หนึ่งในนั้นก็คือ ข้าวมันไก่จ้า) ข้าวมันไก่ที่ขึ้นชื่อที่สุดในมะละกา ก็คือ ร้านนี้เลย Kedai Kopi Chung Wah (ที่นี่เป็น Chicken Rice Ball จ้า)
สำหรับ จขกท. รู้สึกว่า มันก็แค่ข้าวมันไก่ฮะ ทำไมต้องมารอตากแดด ร้านก็บริการไม่ค่อยดี คนเยอะเกินไป ข้าวมันไก่บ้านเราก็อร่อยเหมือนกัน แต่คิดย้อนไป มันก็เป็นสีสันดีฮะ
ด้วยความที่ไม่อิ่ม ยังไงก็ต้องหาอะไรไปกินต่อ เราเลยเดินไป Jonker Walk เพื่อไปร้าน Jonker 88 เพื่อกิน Ais Kacang ที่ขึ้นชื่อที่สุดในมะละกาฮะ
มาเรียนศัพท์จากเมนูกัน Sago = สาคู ค่ะ Cendol = ลอดช่อง (ถ้าอยากกินลอดช่อง ก็ต้องมากินที่มะละกาเช่นกันค่ะ) Gula Melaka = น้ำตาลมะพร้าวเชื่อมค่ะ (อันนี้อร่อยมาก จขกท.ถึงขั้นจะซื้อกลับมาราดน้ำแข็งใสกินที่ไทยเลย อิอิ) หลังจากกินน้ำแข็งใสที่นี่ เราก็แพลนกันว่า ตอนเย็นเรากลับมาเดิน Jonker Walk จะกลับมากินอีก ซึ่งคือ อดกินฮะ หมดแล้วอ้าาาา โชคดีจังที่ทนตากแดดเดินมากิน เราเดินกลับมาเพื่อ Check in ที่โรงแรมค่ะ โรงแรมที่เราจองไว้กับ Agoda คือ โรงแรม Hotel Hallmark Inn สามดาวตามระเบียบ คืนละประมาณ 1000 บาท ที่พักแอร์เย็นดี แต่อินเตอร์เน็ตมาไม่ถึง ตัวโรงแรมไม่ได้อยู่ในย่านท่องเที่ยว ทำให้เดินไกลเล็กน้อยค่ะ ถ้ามีใครจะไปมะละกา แนะนำให้หาที่พักใกล้ๆกับที่เที่ยวนะคะ (ใกล้ๆกับ ย่าน Dutch Square) เราเช็คอิน นอนพักกันจนเกือบ 5 โมงเย็น อากาศเริ่มเป็นใจให้เดินเล่น เราจึงออกมาเดินเล่นกันต่อค่ะ
การเดินของเราเรียบง่ายมากค่ะ Plot จุดในแผนที่ว่าเราอยู่ตรงไหน อันไหนถึงก่อน เราก็ชมอันนั้นก่อน (จขกท. พึ่งมาเห็นตอนทำกระทู้เนี่ย ว่า ตัวเองบ้าถ่ายรูปมาก ถ่ายครบเกือบทุกจุดจริงๆ) มะละกาเป็น World Heritage City หรือเมืองมรดกโลกเลยทีเดียวนะคะ (สิ่งหนึ่งที่รู้สึกว่าทำลายสุนทรียภาพของเมืองๆนี้ คือ สามล้อถึบติดตุ๊กตาคิตตี้ เปิดเพลง Gangnam Style เสียงดังๆค่ะ แถมคิดว่าค่าปั่นชมเมืองตั้ง 40 RM = 400 บาท = =)
เป็นเมืองท่าสำคัญของประเทศมาเลเซีย ตกอยู่ใต้อำนาจอาณานิคมของทั้ง Dutch และ Portuguese สิ่งที่เหลือไว้ ก็บ่งบอกถึงการถูกยึดครองได้พอสมควรค่ะ
จขกท.สนุกมากๆกับการถ่ายรูปในนี้ เพื่อนเริ่มเบะปาก บอกว่าไปที่อื่นกันเถอะ เราลงเขามายังประตูเมือง Porta de Sandiego ค่ะ
เราเดินเล่นไปเรื่อยๆก็มีมุมโน่น มุมนี้ให้ถ่ายรูปเรื่อยๆค่ะ
เริ่มเมื่อยแล้ว ขอ Save Limb แระกันค่ะ เรามาที่ Menera Tamingsari Melaka ซึ่งเป็นคล้ายๆหอชมวิวหมุนรอบ 360 องศาค่ะ ค่าขึ้นชมวิว ก็คนละ 20 RM สิวๆ (เหรอ ) แต่มันก็หมุนๆวนๆไม่กี่นาทีเองอะ
จากนั่งชมวิวหอคอย เราก็เดินมาถึงเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้แล้วนะคะ คือ Maritime Museum ค่าเข้าชมคนละ 6 RM เท่านั้นเอง (ถ้าจำไม่ผิด เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่ามีพาเข้าชมฟรี พร้อม guide วันอาทิตย์เช้าด้วย แต่เรามาวันเสาร์นะ )
ดึกแล้วค่ะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า เราจบ Trip ลัลล้ามะละกา กันด้วยการเดิน Jonker Walk ยามค่ำคืนค่ะ (อันนี้เป็น The Must เลยนะ ของขายเต็มเลย ทั้งของกินและของที่ระทึก) คนคึกคักมาก ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ
*ขอโทษที่ถ่ายรูปมาได้ไม่หมดค่ะ แบตกล้องหมด (ไม่แปลก ถ่ายรูปมาทั้งวันเลย)
* Asam Laksa เป็นก๋วยเตี๋ยวปลากระป๋องของที่โน่นค่ะ ใครเบื่อ หนีมากิน Asam Laksa แทนได้ค่ะ
หลังกินจนกรดไหลย้อน จขกท.และเพื่อนก็เดินกลับมาที่พัก แล้วเช็คเอาท์ในวันรุ่งขึ้นกลับ KL ค่ะ
ไว้ตอนหน้าเราไปเที่ยว Cameron Highlands กัน จบตอนจ้า บายๆ