สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ผมก็เป็น ผมเกิด ธันวาฯ 37 น้องสาวเกิดกันยาฯ 39 ห่างกันปีนึง สมมติผมเรียนปี 3 น้องเรียนปี 1 ไรงี๊(ไม่สมติหล่ะเรื่องจริง)
ตอนเด็กน้องสาวเป็นเด็กดีมาก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเชื่อฟังเพราะว่าห่างกันปีเดียว คุยกันไม่เคยเรียกพี่เรียกน้อง เรียกกันเป็นเพื่อนเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แล้วพอช่วงม.ต้นเกิดปัญหาพ่อแม่หย่าร้าง ผมเลยนิสัยเสียพอสมควร ได้ไปทำร้ายจิตใจน้องตลอดระยะเวลาม.ปลาย 3 ปี
ไม่มีความเป็นพี่เลย แต่ก่อนมีคอมฯเครื่องเดียวแบ่งเวลากันเล่น ผมก็โกงเวลาน้องจนทะเลาะตบตีกัน พ่อเลยซื้อคอมให้น้องไปเลยเครื่องนึง
ความห่างเหินก็มีมาเรื่อยๆตลอดระยะเวลาม.ปลาย 3 ปี อยู่บ้านกับน้อง 2 คนบ่อยมาก เพราะพ่อนอนที่บ้านพักของที่ทำงาน
ไปโรงเรียนก็ขี่มอไซค์ฯไปคนละคัน กลับบ้านมาน้องก็จะขึ้นห้องตัวเองไปเลย กินข้าวด้วยกันน่ะหรอ? ถ้าพ่อไม่อยู่นะไม่มีทาง
เอาเป็นว่าเหมือนคนแปลกหน้ากันไปเลย ไปโรงเรียนก็ทำตัวเหมือนไม่มีพี่มีน้อง (เป็นขนาดนี้จริงๆ)
พอผมอยู่ปี 2 ได้โบยบินจากบ้านมีอิสระ ได้บทเรียนชีวิตก็เริ่มคิดได้ว่าตัวเองหลงผิด เลว กลับตัวกลับใจจนสามารถหันหน้าคุยกันกับพ่อได้
(คือม.ปลายนี่บ้านเกือบแตก พ่อก็โมโหร้าย เจ้าระเบียบ น้องก็ปิดกั้นตัวเอง 3 คนคุยเปิดใจกันไม่ได้เลย เหมือนอยู่กันไปตามหน้าที่)
คือช่วงมาเรียนมหาลัยตั้งแต่ปี 1 ปี 2 นะ ผมไม่ได้คุยกับน้องตัวเองเป็นปีอ่ะ ไม่รู้เรื่องความเป็นไปของน้องเลย มันทำอะไร เป็นยังไง มีปัญหาอะไร?
เวลาพ่อถามเรื่องน้องก็ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะไม่ได้คุยกัน พ่อก็มากดดันอีกว่าหมดกำลังใจพี่น้องไม่รักกัน คือ...แล้วจะให้ทำยังไง!?
(คือพ่อกับน้องก็คุยกันไม่ได้ เพราะพ่อเป็นคนโมโหร้ายเลยมีการใช้กำลังในบ้านบ่อย ขนาดม.ปลายแล้วยังไม่เลิกตบตี น้องเลยไม่คุยกับพ่อ)
ชีวิตเริ่มเปลี่ยนเมื่อตอนน้องเข้าปี 1 (คือปีนี้แหละ ตอนนี้เรียนปี 1 เทอม 2) เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อตอนช่วงปีใหม่ที่หยุดยาวเมื่อเร็วๆนี้
แล้วผมกับน้องมาเรียนไกลบ้านพ่อเลยจะให้กลับบ้านพร้อมกัน เรื่องมาสิ...จะติดต่อนัดแนะเจอกันยังไง
(คือไม่เคยโทรคุยกันเลยมันเลยรู้สึกแปลกๆ แล้วผมก็ไม่ใช่คนคุยโทรศัพท์บ่อย เอาเป็นว่าเดือนนึงโทรนับครั้งได้อ่ะ คนโทรเข้าก็นับครั้งได้
มีโทรศัพท์ไว้เป็นปฎิทิน กล้องถ่ายรูป สมุดโน็ต เครื่องเล่นเพลง แล้วก็เอาไว้เล่นเน็ต เพราะฉะนั้นเลยจะรู้สึกเขินในการคุยโทรศัพท์
ผมคุยกับพ่อทุกอาทิตย์ช่วงหลังจากที่เริ่มกลับตัว คุยทางเฟสบุ๊ค นานๆครั้งจะโทรคุยกันที)
ด้วยความที่ไม่รู้จะติดต่อทางโซเชียลยังไง ผมเลยต้องโทรไปเองเรื่องการนัดแนะ (คุยกันครั้งแรกในรอบ 4 เดือนที่น้องออกจากบ้านมาเรียนปี 1)
พอเจอกันที่สนามบินฯ ด้วยความที่ผมกลับตัวกลับใจสำนึกได้แล้วผมก็พยายามสร้างความเป็นกันเองกับน้อง
ทิ้งนิสัยเสียที่เคยโหดร้ายกับน้องไปหมด เป็นคนปล่อยวาง น้องมันก็คงเหงาก็เลยถามไถ่เรื่องชีวิตการเรียน ทัศนคติ
คือเหมือนทำความรู้จักกันใหม่ก็ว่าได้ ปรากฎว่าน้องก็ยอมคุยกับผมดี แม้จะมีมุมปิดบังอยู่บ้าง แต่เหมือนก็ค่อยๆเปิดใจเข้าหากัน
พอกลับไปบ้าน บรรยากาศในบ้านก็เปลี่ยนไปเพราะทุกคนในบ้านเริ่มคิดได้ว่าเหลือกันแค่นี้ควรจะต้องรักษาน้ำใจกัน
พ่อก็ใจดี เป็นคนปล่อยวางอีกนั่นแหละ เรียกได้ว่าเรากลับมาเป็นครอบครัวได้อีกครั้งก็เพราะการปล่อยวาง
ผมกับน้องก็เริ่มเรียนรู้กันและกันมากขึ้น แต่ก่อนนะน้องไม่ยอมไปเที่ยวไหนกับผมเลย
แต่หลังจากกลับบ้านปีใหม่แล้วเกิดความเปลี่ยนแปลงเราก็ไปเที่ยวกัน 2 คนตามประสาพี่น้องได้ คุยเปิดใจกันได้
ปัจจุบันวันนี้ที่พิมพ์ตอบ จขกท อยู่นี้ชีวิตครอบครัวผมก็ดีขึ้นแล้ว ดีใจที่คุยกับน้องกับพ่อได้อย่างสบายใจเหมือนตอนเด็กอีกครั้ง
ใน Spoil เป็นประสบการณ์ชีวิตโดยย่อที่ทำให้ผมกับน้องกลับมาคุยกันได้อีกครั้งเพราะการ 'ปล่อยวางเรื่องราวในอดีต และเริ่มต้นกันใหม่'
ตอนเด็กน้องสาวเป็นเด็กดีมาก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเชื่อฟังเพราะว่าห่างกันปีเดียว คุยกันไม่เคยเรียกพี่เรียกน้อง เรียกกันเป็นเพื่อนเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แล้วพอช่วงม.ต้นเกิดปัญหาพ่อแม่หย่าร้าง ผมเลยนิสัยเสียพอสมควร ได้ไปทำร้ายจิตใจน้องตลอดระยะเวลาม.ปลาย 3 ปี
ไม่มีความเป็นพี่เลย แต่ก่อนมีคอมฯเครื่องเดียวแบ่งเวลากันเล่น ผมก็โกงเวลาน้องจนทะเลาะตบตีกัน พ่อเลยซื้อคอมให้น้องไปเลยเครื่องนึง
ความห่างเหินก็มีมาเรื่อยๆตลอดระยะเวลาม.ปลาย 3 ปี อยู่บ้านกับน้อง 2 คนบ่อยมาก เพราะพ่อนอนที่บ้านพักของที่ทำงาน
ไปโรงเรียนก็ขี่มอไซค์ฯไปคนละคัน กลับบ้านมาน้องก็จะขึ้นห้องตัวเองไปเลย กินข้าวด้วยกันน่ะหรอ? ถ้าพ่อไม่อยู่นะไม่มีทาง
เอาเป็นว่าเหมือนคนแปลกหน้ากันไปเลย ไปโรงเรียนก็ทำตัวเหมือนไม่มีพี่มีน้อง (เป็นขนาดนี้จริงๆ)
พอผมอยู่ปี 2 ได้โบยบินจากบ้านมีอิสระ ได้บทเรียนชีวิตก็เริ่มคิดได้ว่าตัวเองหลงผิด เลว กลับตัวกลับใจจนสามารถหันหน้าคุยกันกับพ่อได้
(คือม.ปลายนี่บ้านเกือบแตก พ่อก็โมโหร้าย เจ้าระเบียบ น้องก็ปิดกั้นตัวเอง 3 คนคุยเปิดใจกันไม่ได้เลย เหมือนอยู่กันไปตามหน้าที่)
คือช่วงมาเรียนมหาลัยตั้งแต่ปี 1 ปี 2 นะ ผมไม่ได้คุยกับน้องตัวเองเป็นปีอ่ะ ไม่รู้เรื่องความเป็นไปของน้องเลย มันทำอะไร เป็นยังไง มีปัญหาอะไร?
เวลาพ่อถามเรื่องน้องก็ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะไม่ได้คุยกัน พ่อก็มากดดันอีกว่าหมดกำลังใจพี่น้องไม่รักกัน คือ...แล้วจะให้ทำยังไง!?
(คือพ่อกับน้องก็คุยกันไม่ได้ เพราะพ่อเป็นคนโมโหร้ายเลยมีการใช้กำลังในบ้านบ่อย ขนาดม.ปลายแล้วยังไม่เลิกตบตี น้องเลยไม่คุยกับพ่อ)
ชีวิตเริ่มเปลี่ยนเมื่อตอนน้องเข้าปี 1 (คือปีนี้แหละ ตอนนี้เรียนปี 1 เทอม 2) เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อตอนช่วงปีใหม่ที่หยุดยาวเมื่อเร็วๆนี้
แล้วผมกับน้องมาเรียนไกลบ้านพ่อเลยจะให้กลับบ้านพร้อมกัน เรื่องมาสิ...จะติดต่อนัดแนะเจอกันยังไง
(คือไม่เคยโทรคุยกันเลยมันเลยรู้สึกแปลกๆ แล้วผมก็ไม่ใช่คนคุยโทรศัพท์บ่อย เอาเป็นว่าเดือนนึงโทรนับครั้งได้อ่ะ คนโทรเข้าก็นับครั้งได้
มีโทรศัพท์ไว้เป็นปฎิทิน กล้องถ่ายรูป สมุดโน็ต เครื่องเล่นเพลง แล้วก็เอาไว้เล่นเน็ต เพราะฉะนั้นเลยจะรู้สึกเขินในการคุยโทรศัพท์
ผมคุยกับพ่อทุกอาทิตย์ช่วงหลังจากที่เริ่มกลับตัว คุยทางเฟสบุ๊ค นานๆครั้งจะโทรคุยกันที)
ด้วยความที่ไม่รู้จะติดต่อทางโซเชียลยังไง ผมเลยต้องโทรไปเองเรื่องการนัดแนะ (คุยกันครั้งแรกในรอบ 4 เดือนที่น้องออกจากบ้านมาเรียนปี 1)
พอเจอกันที่สนามบินฯ ด้วยความที่ผมกลับตัวกลับใจสำนึกได้แล้วผมก็พยายามสร้างความเป็นกันเองกับน้อง
ทิ้งนิสัยเสียที่เคยโหดร้ายกับน้องไปหมด เป็นคนปล่อยวาง น้องมันก็คงเหงาก็เลยถามไถ่เรื่องชีวิตการเรียน ทัศนคติ
คือเหมือนทำความรู้จักกันใหม่ก็ว่าได้ ปรากฎว่าน้องก็ยอมคุยกับผมดี แม้จะมีมุมปิดบังอยู่บ้าง แต่เหมือนก็ค่อยๆเปิดใจเข้าหากัน
พอกลับไปบ้าน บรรยากาศในบ้านก็เปลี่ยนไปเพราะทุกคนในบ้านเริ่มคิดได้ว่าเหลือกันแค่นี้ควรจะต้องรักษาน้ำใจกัน
พ่อก็ใจดี เป็นคนปล่อยวางอีกนั่นแหละ เรียกได้ว่าเรากลับมาเป็นครอบครัวได้อีกครั้งก็เพราะการปล่อยวาง
ผมกับน้องก็เริ่มเรียนรู้กันและกันมากขึ้น แต่ก่อนนะน้องไม่ยอมไปเที่ยวไหนกับผมเลย
แต่หลังจากกลับบ้านปีใหม่แล้วเกิดความเปลี่ยนแปลงเราก็ไปเที่ยวกัน 2 คนตามประสาพี่น้องได้ คุยเปิดใจกันได้
ปัจจุบันวันนี้ที่พิมพ์ตอบ จขกท อยู่นี้ชีวิตครอบครัวผมก็ดีขึ้นแล้ว ดีใจที่คุยกับน้องกับพ่อได้อย่างสบายใจเหมือนตอนเด็กอีกครั้ง
ใน Spoil เป็นประสบการณ์ชีวิตโดยย่อที่ทำให้ผมกับน้องกลับมาคุยกันได้อีกครั้งเพราะการ 'ปล่อยวางเรื่องราวในอดีต และเริ่มต้นกันใหม่'
สมาชิกหมายเลข 7140055 ถูกใจ, เรื่องของเมื่อวาน ซึ้ง, Bake de Lichz ถูกใจ, Rm14 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1863843 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2569934 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1856009 ซึ้ง, สมาชิกหมายเลข 1226295 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2633038 ถูกใจ, doggy pitty ถูกใจรวมถึงอีก 19 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
เคยเป็นมั๊ย ปัญหา"มนุษย์พี่"กับ"มนุษย์น้อง"ถึงต่างกันยังไง เกียจกันยังไงลึกๆแล้วก็รักกันอยู่ดี จิงไหม?
เราที่เป็นพี่คนโตเกิดปี37กับน้องชายคนเล็กเกิดปี40 ห่างกัน3ปีแต่ มีนิสัยที่ต่างกันสุดขั้ว เป็นขาวกับดำเลยทีเดียว
เราจะเป็นแบบมนุษย์perfectionist ที่ตั้งใจเรียน พัฒนาตัวเอง รักครอบครัว วางแผน คิดถึงอนาคต ตรงต่อเวลา
แต่น้องชายจะชิวๆ เล่นเกม ติดเพื่อน ไม่ค่อยสนใจครอบครัว วัตถุนิยม ไม่มีความรับผิดชอบ ชีวิตเรื่อยเปื่อย
เป็นสาเหตุให้เรากะน้องทะเลาะกันบ่อยมาก เช่น แบบนัดเวลาจะออกจากบ้านพร้อมกันแต่ต้องมารอน้องเลทไปเกือบชั่วโมง
พอไปปลุกเองก็ทะเลาะถึงขั้นพังบ้าน พังข้าวของ ก็มีมาแล้ว555 หรือแบบน้องเอาเน๊ตที่บ้านไปเล่นเกมอยู่คนเดียวจนเราต้องมีแอร์การด์ใช้ต่อกับคอมเอง
หรือ น้องไม่เคยเรียกเราว่าพี่ เรียกเป็นชื่อเฉยๆ คุยกันแบบเพื่อนปกติหรือบางครั้งก็ดูจะเป็นพี่ชายเราไปแล้ว
เรื่องราวอะไรแบบนี้ หรือปัญหาที่เกิดขึ้น หากมองในมุมคนนอกคงรู้สึกว่าน้องเป็นคนแย่มากๆ
แต่ลึกๆแล้วเราก็ยังรักกันอยู่ดี เราก็รู้ว่าลึกๆน้องก็เชื่อฟังเราในแบบของเขา
เรื่องพี่กับน้องเป็นสายสัมพันธ์ที่ประหลาดมากค่ะ ถึงจะทะเลาะเป็นสิบๆรอบลึกๆแล้วเราก็ยังรักกันอยู่ดี เพื่อนๆพี่ๆว่าจิงมั๊ยค่ะ
ใครมีประสบการณ์เป็น"มนุษย์พี่"หรือเป็น"มนุษย์น้อง" มาแชร์ มาเล่าให้ฟังกันหน่อยนะค่ะ