☼ ☼
26 :: บันทึกเพลงกระบี่ใต้หุบเหว ☼ ☼
เช้าวันรุ่งขึ้น... อวี้หลิงตื่นขึ้นมาไม่เห็นเหวินฮั่นกุนอดแปลกใจมิได้ ตอนแรกเข้าใจว่าเขาออกไปหาอาหาร แต่รอคอยอยู่จนสายก็ไม่เห็นอีกฝ่ายกลับมา จึงเดินออกตามหาด้วยความห่วงใย ในที่สุดค่อยพบเห็นแพรผูกผมผืนนั้นซึ่งเขาทำหล่นไว้ ถึงกับสะท้านใจอย่างรุนแรง
แพรผูกผมผืนนี้มิทราบเขาผู้นั้นหวงแหนและทะนุถนอมมันปานใด ไฉนกลับทำหล่นไว้โดยมิแยแสสนใจแบบนี้ นอกเสียจากว่าได้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับเขาเท่านั้น
ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?
..............
เมื่อเหวินฮั่นกุนฟื้นคืนสติขึ้นมา ก็พบว่าตนเองยังไม่ตาย !
ขณะนี้เขาถูกนำมานอนแผ่หลาอยู่บนเตียงศิลาภายในถ้ำแห่งหนึ่ง แต่มิทราบที่แท้ที่นี่เป็นที่ไหน
บุรษหนุ่มลุกขึ้นนั่งสลัดศีรษะขับไล่ความมึนงง สักครู่ก็พลันได้ยินเสียงคำรามเบาๆ เบือนหน้าไปเห็นตัวประหลาดรูปร่างคล้ายวานรเผือกตัวใหญ่ ในวงแขนหอบหิ้วผลไม้มากมาย สาวเท้าเดินตรงเข้ามา
เหวินฮั่นกุนอดรู้สึกตระหนกมิได้ หันรีหันขวางขณะจะหาทิศทางหลบหนี แต่พอเห็นวานรเผือกมีท่าทีเป็นมิตรไม่ได้ดุร้ายอย่างที่หวาดระแวง จึงค่อยระงับจิตใจลง ลองทำใจดีสู้เสือดูสักครา
วานรเผือกวางผลไม้ในมือลงบนโต๊ะหินข้างๆ พลางส่งเสียงคำรามเบาๆในลำคอเป็นความหมายคล้ายเชื้อเชิญให้เขารับประทาน เหวินฮั่นกุนเห็นมันมีท่าทางเชื่องเชื่อแสนรู้อย่างยิ่ง อดยิ้มออกมามิได้ ลุกลงมาจากเตียงยื่นมือปลิดกล้วยใบหนึ่งขึ้นมาปอกเข้าปาก แล้วปลิดอีกใบยื่นส่งให้มัน
“ พี่ลิง.. มากินด้วยกันสิ “
วานรเผือกแยกเขี้ยวคล้ายยิ้ม ส่ายหัวปฏิเสธ จากนั้นนั่งลงชมดูเขารับประทานผลไม้จนอิ่มหนำ ค่อยฉวยแขนของเขาจูงพามายังห้องศิลาอีกหลัง
เห็นภายในห้องนั้นถูกปัดกวาดไว้อย่างสะอาดสะอ้าน ด้านในสุดก่อหลุมฝังศพไว้หลังหนึ่ง วานรเผือกพอเข้ามาก็ปล่อยมือจากการจับกุม เดินเข้าไปคุกเข่าลงหน้าหลุมศพอย่างซึมเศร้า
เหวินฮั่นกุนถามอย่างสงสัย
“ พี่ลิง.. นี่เป็นหลุมศพของใครหรือ ? “
วานรเผือกไหนเลยพูดได้ ได้แต่ส่งเสียงโฮกฮากฮือฮาอยู่ในลำคอไม่เป็นภาษามนุษย์ เห็นมันลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปยังซอกหินทางด้านซ้ายมือ จากนั้นนั่งยองๆลงใช้มือขุดดิน จนเป็นหลุมลึก ค่อยหยิบหนังสือปกหนังสีดำที่ฝังอยู่ใต้ดินขึ้นมา ปัดฝุ่นดินพลางเดินเข้ามายื่นส่งให้เขา
เหวินฮั่นกุนรับมาอย่างงุนงง แลเห็นบนปกหนังสือเขียนคำว่า
“
บันทึกเพลงกระบี่จันทรคราส “
เขาพออ่านออกเสียง วานรเผือกคล้ายฟังเข้าใจ ถึงกับผงกศีรษะตลอดเวลา ราวกับจะบอกว่า
“ ใช่แล้ว ใช่แล้ว “
เหวินฮั่นกุนจึงพลิกเปิดไปยังหน้าแรก แล้วอ่านออกเสียงอีกครั้ง
“ วิชาในคัมภีร์เล่มนี้..ข้าใช้เวลาในคิดค้นถึงสามสิบปีเต็มๆ เพื่อนำมาใช้คู่กับกระบี่จันทรคราส น่าเสียดายจวบจนวาระสุดท้าย กลับมีเพียงโอ้วยี้ผู้เดียวที่อยู่เคียงข้าง มันแม้สัตย์ซื่อแสนรู้ แต่จะอย่างไรก็เป็นวานรไหนเลยสามารถฝึกเพลงกระบี่ได้ ได้แต่หวังว่าหลังจากที่ข้าตายไป โอ้วยี้จะสามารถเสาะหาศิษย์ทายาทให้แก่ข้า ช่วยเหลือมันฝึกปรือเพลงกระบี่จันทรคราสจนสำเร็จ เพื่อนำไปใช้ผดุงคุณธรรมในบู๊ลิ้ม ชดใช้ความผิดในอดีตที่ข้าเคยก่อไว้
เพลงกระบี่ชุดนี้มีเก้าเพลง แต่ละเพลงประกอบด้วยเก้ากระบวนท่า ข้าได้เขียนไว้อย่างละเอียดภายในบันทึกเล่มนี้แล้ว เมื่อใดที่ศิษย์ข้าฝึกสำเร็จ โอ้วยี้ก็พามันผู้นั้นไปยังที่เก็บกระบี่เอง
บันทึกโดย...ฮั่วซึเทียน “
เหวินฮั่นกุนเป็นชนรุ่นหลัง อีกทั้งยังเพิ่งก้าวย่างสู่ยุทธภพ ดังนั้นย่อมไม่รู้จักเจ้าของชื่อนี้ หากมีอีกชื่อที่สร้างความสนใจให้แก่เขา จึงหันไปทางวานรเผือกแล้วถามว่า
“ พี่ลิง.. ที่แท้ท่านชื่อโอ้วยี้หรือ ? “
วานรเผือกส่งเสียงโฮกโฮก ในลำคอเป็นเชิงรับคำ เขาจึงถามต่ออีกว่า
“ ผู้อาวุโสฮั่ว คงเป็นเจ้านายของท่าน ? “
“ โฮก..โฮก “
เหวินฮั่นกุนฉุกใจคิด กล่าวอย่างตื้นตัน
“ ที่แท้.. ท่านจะเลือกข้ามาเป็นศิษย์ทายาทของผู้อาวุโสฮั่วหรือ ? “
โอ้วยี้ผงกศีรษะอีกครั้ง เหวินฮั่นกุนได้รับวาสนาโดยมิคาดคิด ในใจแม้รู้สึกยินดี แต่ขณะเดียวกัน ก็อดรู้สึกกระดากใจมิได้ กล่าวว่า
“ พวกเราเพิ่งพบเจอกัน ท่านไฉนจึงไว้วางใจเลือกข้า อันที่จริงข้า...”
โอ้วยี้พอเห็นเขาทำท่าเหมือนจะปฏิเสธ ก็แยกเขี้ยวอย่างไม่พอใจ กระทืบเท้าส่งเสียงโฮกฮากอย่างเอาเรื่อง เหวินฮั่นกุนได้แต่รีบกล่าวอย่างแย้มยิ้มเอาใจ
“ พี่โอ้วยี้... ไฉนท่านขี้โมโหปานนี้ ก็ได้ ก็ได้.. ข้ารับปากยอมเป็นศิษย์ผู้อาวุโสฮั่วก็ได้ “
โอ้วยี้พอฟังค่อยสงบอาการอาละวาดลง แววตาทอประกายปิติยินดีขึ้น โอบกอดเหวินฮั่นกุนกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจเหมือนเด็กๆ
แล้วนับตั้งแต่บัดนั้นมา..คนกับลิงก็กลายเป็นเพื่อนสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
...................................
เหวินฮั่นกุนใช้กิ่งไม้แทนกระบี่ ฝึกฝนตามบันทึกในคัมภีร์ โดยมีโอ้วยี้คอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ยอมให้เขาคลาดสายตา เคยมีที่เขาขอร้องมันอยากกลับไปแจ้งข่าวกับอวี้หลิงก่อน เพราะเชื่อว่านางคงกำลังตามหาเขาอยู่อย่างแน่นอน
แต่วานรเผือกกลับไม่ยินยอม กระทืบเท้าตีอกแสดงความไม่พอใจ ผลักไสให้เขาเข้าไปฝึกเพลงกระบี่ในถ้ำ บางครั้งก็ส่งเสียงร้องโหยหวนราวคร่ำครวญ คุกเข่าลงโขกศีรษะกับพื้นวิงวอน ราวกับว่าหากเขายังฝึกไม่สำเร็จ มันจะไม่ยอมให้เขาไปไหนทั้งสิ้น
กับน้ำใจของโอ้วยี้ทำให้เหวินฮั่นกุนไม่สามารถขัดใจมันได้ ได้แต่ตัดใจจากอวี้หลิงชั่วคราว หันมาทุ่มเทฝึกเพลงกระบี่อย่างมุ่งมั่น โชคดีที่เขาได้รับการวางพื้นฐานด้านเพลงกระบี่ที่ดีอยู่แล้ว บวกกับแนวทางกระบี่ที่คล้ายคลึงกัน ทำให้การฝึกปรือประสบความก้าวหน้าได้รวดเร็วอย่างยิ่ง สร้างความพึงพอใจแก่โอ้วยี้ ถึงกับนั่งชมดูไปแยกเขี้ยวยิ้มไป
สิบวันผ่านไป เหวินฮั่นกุนฝึกเพลงกระบี่จันทรคราสสำเร็จรุดหน้าถึงห้าหกส่วน วันนี้โอ้วยี้ออกไปหาผลไม้มาให้เขาตามปกติเหมือนทุกวัน พอกลับมาเห็นเขากำลังนั่งโคจรลมปราณอยู่จึงวางผลไม้ในมือลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา ไม่กล้าให้มีเสียงดังรบกวนเขา
หยุดยืนราวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยล่าถอยออกมาเงียบๆ สาวเท้าตรงไปยังห้องศิลาอีกหลังหนึ่ง ใช้มือเลื่อนก้อนหินขนาดเกือบพันชั่ง ที่อุดหน้าปากทางเข้าออก จากนั้นเดินเข้าไปหยิบกระบี่จันทรคราสซึ่งซุกซ่อนไว้ภายในห้องนั้นออกมา ยืนลูบคลำแล้วแยกเขี้ยวยิ้มอย่างพึงพอใจ
กระบี่จันทรคราสสีเหลืองนวลตาราวสีพระจันทร์วันเพ็ญ ตัวกระบี่รูปร่างแคบยาว ฝักและด้ามสลักเสลาประณีตประดับอัญมณีงดงาม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นกระบี่วิเศษมีค่าควรเมือง โอ้วยี้โคลงศีรษะไปมาคล้ายกับครุ่นคิดตัดสินใจบางอย่าง จากนั้นค่อยถือกระบี่หันกายเดินออกมาจากถ้ำแห่งนั้น
.............................................
♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 26 : บันทึกเพลงกระบี่ใต้หุบเหว ]
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เนต)
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
อ่านตอนก่อนหน้านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
เช้าวันรุ่งขึ้น... อวี้หลิงตื่นขึ้นมาไม่เห็นเหวินฮั่นกุนอดแปลกใจมิได้ ตอนแรกเข้าใจว่าเขาออกไปหาอาหาร แต่รอคอยอยู่จนสายก็ไม่เห็นอีกฝ่ายกลับมา จึงเดินออกตามหาด้วยความห่วงใย ในที่สุดค่อยพบเห็นแพรผูกผมผืนนั้นซึ่งเขาทำหล่นไว้ ถึงกับสะท้านใจอย่างรุนแรง
แพรผูกผมผืนนี้มิทราบเขาผู้นั้นหวงแหนและทะนุถนอมมันปานใด ไฉนกลับทำหล่นไว้โดยมิแยแสสนใจแบบนี้ นอกเสียจากว่าได้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับเขาเท่านั้น
ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?
..............
เมื่อเหวินฮั่นกุนฟื้นคืนสติขึ้นมา ก็พบว่าตนเองยังไม่ตาย !
ขณะนี้เขาถูกนำมานอนแผ่หลาอยู่บนเตียงศิลาภายในถ้ำแห่งหนึ่ง แต่มิทราบที่แท้ที่นี่เป็นที่ไหน
บุรษหนุ่มลุกขึ้นนั่งสลัดศีรษะขับไล่ความมึนงง สักครู่ก็พลันได้ยินเสียงคำรามเบาๆ เบือนหน้าไปเห็นตัวประหลาดรูปร่างคล้ายวานรเผือกตัวใหญ่ ในวงแขนหอบหิ้วผลไม้มากมาย สาวเท้าเดินตรงเข้ามา
เหวินฮั่นกุนอดรู้สึกตระหนกมิได้ หันรีหันขวางขณะจะหาทิศทางหลบหนี แต่พอเห็นวานรเผือกมีท่าทีเป็นมิตรไม่ได้ดุร้ายอย่างที่หวาดระแวง จึงค่อยระงับจิตใจลง ลองทำใจดีสู้เสือดูสักครา
วานรเผือกวางผลไม้ในมือลงบนโต๊ะหินข้างๆ พลางส่งเสียงคำรามเบาๆในลำคอเป็นความหมายคล้ายเชื้อเชิญให้เขารับประทาน เหวินฮั่นกุนเห็นมันมีท่าทางเชื่องเชื่อแสนรู้อย่างยิ่ง อดยิ้มออกมามิได้ ลุกลงมาจากเตียงยื่นมือปลิดกล้วยใบหนึ่งขึ้นมาปอกเข้าปาก แล้วปลิดอีกใบยื่นส่งให้มัน
“ พี่ลิง.. มากินด้วยกันสิ “
วานรเผือกแยกเขี้ยวคล้ายยิ้ม ส่ายหัวปฏิเสธ จากนั้นนั่งลงชมดูเขารับประทานผลไม้จนอิ่มหนำ ค่อยฉวยแขนของเขาจูงพามายังห้องศิลาอีกหลัง
เห็นภายในห้องนั้นถูกปัดกวาดไว้อย่างสะอาดสะอ้าน ด้านในสุดก่อหลุมฝังศพไว้หลังหนึ่ง วานรเผือกพอเข้ามาก็ปล่อยมือจากการจับกุม เดินเข้าไปคุกเข่าลงหน้าหลุมศพอย่างซึมเศร้า
เหวินฮั่นกุนถามอย่างสงสัย
“ พี่ลิง.. นี่เป็นหลุมศพของใครหรือ ? “
วานรเผือกไหนเลยพูดได้ ได้แต่ส่งเสียงโฮกฮากฮือฮาอยู่ในลำคอไม่เป็นภาษามนุษย์ เห็นมันลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปยังซอกหินทางด้านซ้ายมือ จากนั้นนั่งยองๆลงใช้มือขุดดิน จนเป็นหลุมลึก ค่อยหยิบหนังสือปกหนังสีดำที่ฝังอยู่ใต้ดินขึ้นมา ปัดฝุ่นดินพลางเดินเข้ามายื่นส่งให้เขา
เหวินฮั่นกุนรับมาอย่างงุนงง แลเห็นบนปกหนังสือเขียนคำว่า
“ บันทึกเพลงกระบี่จันทรคราส “
เขาพออ่านออกเสียง วานรเผือกคล้ายฟังเข้าใจ ถึงกับผงกศีรษะตลอดเวลา ราวกับจะบอกว่า
“ ใช่แล้ว ใช่แล้ว “
เหวินฮั่นกุนจึงพลิกเปิดไปยังหน้าแรก แล้วอ่านออกเสียงอีกครั้ง
“ วิชาในคัมภีร์เล่มนี้..ข้าใช้เวลาในคิดค้นถึงสามสิบปีเต็มๆ เพื่อนำมาใช้คู่กับกระบี่จันทรคราส น่าเสียดายจวบจนวาระสุดท้าย กลับมีเพียงโอ้วยี้ผู้เดียวที่อยู่เคียงข้าง มันแม้สัตย์ซื่อแสนรู้ แต่จะอย่างไรก็เป็นวานรไหนเลยสามารถฝึกเพลงกระบี่ได้ ได้แต่หวังว่าหลังจากที่ข้าตายไป โอ้วยี้จะสามารถเสาะหาศิษย์ทายาทให้แก่ข้า ช่วยเหลือมันฝึกปรือเพลงกระบี่จันทรคราสจนสำเร็จ เพื่อนำไปใช้ผดุงคุณธรรมในบู๊ลิ้ม ชดใช้ความผิดในอดีตที่ข้าเคยก่อไว้
เพลงกระบี่ชุดนี้มีเก้าเพลง แต่ละเพลงประกอบด้วยเก้ากระบวนท่า ข้าได้เขียนไว้อย่างละเอียดภายในบันทึกเล่มนี้แล้ว เมื่อใดที่ศิษย์ข้าฝึกสำเร็จ โอ้วยี้ก็พามันผู้นั้นไปยังที่เก็บกระบี่เอง
บันทึกโดย...ฮั่วซึเทียน “
เหวินฮั่นกุนเป็นชนรุ่นหลัง อีกทั้งยังเพิ่งก้าวย่างสู่ยุทธภพ ดังนั้นย่อมไม่รู้จักเจ้าของชื่อนี้ หากมีอีกชื่อที่สร้างความสนใจให้แก่เขา จึงหันไปทางวานรเผือกแล้วถามว่า
“ พี่ลิง.. ที่แท้ท่านชื่อโอ้วยี้หรือ ? “
วานรเผือกส่งเสียงโฮกโฮก ในลำคอเป็นเชิงรับคำ เขาจึงถามต่ออีกว่า
“ ผู้อาวุโสฮั่ว คงเป็นเจ้านายของท่าน ? “
“ โฮก..โฮก “
เหวินฮั่นกุนฉุกใจคิด กล่าวอย่างตื้นตัน
“ ที่แท้.. ท่านจะเลือกข้ามาเป็นศิษย์ทายาทของผู้อาวุโสฮั่วหรือ ? “
โอ้วยี้ผงกศีรษะอีกครั้ง เหวินฮั่นกุนได้รับวาสนาโดยมิคาดคิด ในใจแม้รู้สึกยินดี แต่ขณะเดียวกัน ก็อดรู้สึกกระดากใจมิได้ กล่าวว่า
“ พวกเราเพิ่งพบเจอกัน ท่านไฉนจึงไว้วางใจเลือกข้า อันที่จริงข้า...”
โอ้วยี้พอเห็นเขาทำท่าเหมือนจะปฏิเสธ ก็แยกเขี้ยวอย่างไม่พอใจ กระทืบเท้าส่งเสียงโฮกฮากอย่างเอาเรื่อง เหวินฮั่นกุนได้แต่รีบกล่าวอย่างแย้มยิ้มเอาใจ
“ พี่โอ้วยี้... ไฉนท่านขี้โมโหปานนี้ ก็ได้ ก็ได้.. ข้ารับปากยอมเป็นศิษย์ผู้อาวุโสฮั่วก็ได้ “
โอ้วยี้พอฟังค่อยสงบอาการอาละวาดลง แววตาทอประกายปิติยินดีขึ้น โอบกอดเหวินฮั่นกุนกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจเหมือนเด็กๆ
แล้วนับตั้งแต่บัดนั้นมา..คนกับลิงก็กลายเป็นเพื่อนสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
...................................
เหวินฮั่นกุนใช้กิ่งไม้แทนกระบี่ ฝึกฝนตามบันทึกในคัมภีร์ โดยมีโอ้วยี้คอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ยอมให้เขาคลาดสายตา เคยมีที่เขาขอร้องมันอยากกลับไปแจ้งข่าวกับอวี้หลิงก่อน เพราะเชื่อว่านางคงกำลังตามหาเขาอยู่อย่างแน่นอน
แต่วานรเผือกกลับไม่ยินยอม กระทืบเท้าตีอกแสดงความไม่พอใจ ผลักไสให้เขาเข้าไปฝึกเพลงกระบี่ในถ้ำ บางครั้งก็ส่งเสียงร้องโหยหวนราวคร่ำครวญ คุกเข่าลงโขกศีรษะกับพื้นวิงวอน ราวกับว่าหากเขายังฝึกไม่สำเร็จ มันจะไม่ยอมให้เขาไปไหนทั้งสิ้น
กับน้ำใจของโอ้วยี้ทำให้เหวินฮั่นกุนไม่สามารถขัดใจมันได้ ได้แต่ตัดใจจากอวี้หลิงชั่วคราว หันมาทุ่มเทฝึกเพลงกระบี่อย่างมุ่งมั่น โชคดีที่เขาได้รับการวางพื้นฐานด้านเพลงกระบี่ที่ดีอยู่แล้ว บวกกับแนวทางกระบี่ที่คล้ายคลึงกัน ทำให้การฝึกปรือประสบความก้าวหน้าได้รวดเร็วอย่างยิ่ง สร้างความพึงพอใจแก่โอ้วยี้ ถึงกับนั่งชมดูไปแยกเขี้ยวยิ้มไป
สิบวันผ่านไป เหวินฮั่นกุนฝึกเพลงกระบี่จันทรคราสสำเร็จรุดหน้าถึงห้าหกส่วน วันนี้โอ้วยี้ออกไปหาผลไม้มาให้เขาตามปกติเหมือนทุกวัน พอกลับมาเห็นเขากำลังนั่งโคจรลมปราณอยู่จึงวางผลไม้ในมือลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา ไม่กล้าให้มีเสียงดังรบกวนเขา
หยุดยืนราวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยล่าถอยออกมาเงียบๆ สาวเท้าตรงไปยังห้องศิลาอีกหลังหนึ่ง ใช้มือเลื่อนก้อนหินขนาดเกือบพันชั่ง ที่อุดหน้าปากทางเข้าออก จากนั้นเดินเข้าไปหยิบกระบี่จันทรคราสซึ่งซุกซ่อนไว้ภายในห้องนั้นออกมา ยืนลูบคลำแล้วแยกเขี้ยวยิ้มอย่างพึงพอใจ
กระบี่จันทรคราสสีเหลืองนวลตาราวสีพระจันทร์วันเพ็ญ ตัวกระบี่รูปร่างแคบยาว ฝักและด้ามสลักเสลาประณีตประดับอัญมณีงดงาม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นกระบี่วิเศษมีค่าควรเมือง โอ้วยี้โคลงศีรษะไปมาคล้ายกับครุ่นคิดตัดสินใจบางอย่าง จากนั้นค่อยถือกระบี่หันกายเดินออกมาจากถ้ำแห่งนั้น
.............................................