♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 19: ชีวิตใหม่กับความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป ]

กระทู้สนทนา

☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼


☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼

อ่านตอนก่อนหน้านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[ขอบคุณภาพสวยๆจาก google]



☼ ☼ 19:: ชีวิตใหม่กับความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป ☼ ☼



                  คืนนั้น..หลันเหลยหน้าซีดขาวดุจกระดาษ หลั่งเหงื่อเต็มหน้า ไข้ขึ้นสูงไม่ได้สติไปอีกครั้ง องค์ชายก่วงหยางประทับนั่งอยู่ข้างเตียง หัตถ์กุมมือของนางไว้ตลอดเวลา ทอดพระเนตรใบหน้าของนางด้วยพระพักตร์หม่นหมองท้อแท้ราวหมดอาลัยตายอยาก

                 หวังอิงสงสองพ่อลูกเดินเข้ามา องค์ชายใหญ่รับสั่งขึ้นอย่างหงุดหงิดรำคาญ

                 “  คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้ว  ข้าอยากอยู่เป็นเพื่อนนางเงียบๆตามลำพังจะได้ไหม ? “

                 หวังอิงสงคิดปลอบโยนแต่ก็ไร้วาจา  ได้แต่ส่งเสียงรับคำ ขณะสองพ่อลูกจะล่าถอยออกไป องค์ชายก่วงหยางพลันหันไปรับสั่งถามอวี้หลิง

                 “  เห็นฮั่นกุนบ้างหรือไม่ ? “

                  “  หม่อมฉันเห็น..อยู่ข้างบ้าน...”

                 “  ทำอะไรอยู่ “

                 กระแสรับสั่งห้วน..กระแทกพระสุรเสียงราวไม่พอพระทัย

                 ไม่ใช่ไม่พอพระทัยนาง..หากแต่เป็นเหวินฮั่นกุน !

                 หลันเหลยอาการหนักถึงขนาดนี้.. ทำไมมันผู้นั้นถึงไม่ยอมเข้ามาดูใจนางบ้างเลย ?

                 อวี้หลิงไม่เคยเห็นอีกฝ่ายทรงดุดันเช่นนี้มาก่อน ถึงกับตกใจตอบเสียงตะกุกตะกัก

                 “  เห็น.. เห็นเขากำลังนั่งเผา กระดาษเงินกระดาษทอง มิทราบส่งไปให้ผู้ใด “

                 บางครั้งความเครียดเมื่อถึงที่สุด ก็ทำให้คนที่เคยเยือกเย็นสุขุม เปลี่ยนเป็นอารมณ์ร้อนวู่วาม เห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมดก็ได้  องค์ชายก่วงหยางกำลังกลัดกลุ้มพลุ่งพล่านพระทัยจนแทบจะระเบิด

                 ดังนั้นคำตอบของอวี้หลิง จึงเหมือนน้ำมันที่สาดลงไปในกองเพลิง

                 “  อะไร.. คนยังไม่ทันสิ้นใจ มันก็ทำพิธีแล้วหรือ ? “

                 ความอดกลั้นของเขาจึงพลันขาดผึง ในเสียงรับสั่งพลันผุดผลุงประทับยืนขึ้นทันที แล้วถาโถมออกไปด้วยโทสะ

                 อวี้หลิงใจหายวาบ คิดรีบตามเสด็จไป หากแต่หวังอิงสงขวางมือห้ามไว้ ถอนใจกล่าวว่า

                 “  เหวินฮั่นกุนคงไม่คิดสาปแช่งองค์หญิงหรอก เขาอาจมีเหตุผลบางประการ  ปล่อยให้พวกเขาสองคน ปรับความเข้าใจกันเองเถอะ...”

                 

                 ....................................

                 

                 เหวินฮั่นกุนนั่งคุกเข่าบนลานดินข้างบ่อน้ำ หย่อนกระดาษเงินกระดาษทองซึ่งซื้อมาจากในตลาดวันนี้ลงเผาในกระถางกระเบื้อง พลางอธิษฐานด้วยสีหน้าเศร้าสลด

                 “  อาจารย์  ..ท่านแม่.. วันนี้ครบรอบสี่สิบห้าวันการตายของท่าน ความจริงข้ากับหลันเหลยควรมาเซ่นไหว้ท่านพร้อมกัน  แต่หลันเหลยไม่สบายมาก จึงมาไม่ได้ หวังว่าพวกท่านโปรดให้อภัย...”

                 กระดาษเงินกระดาษทองถูกหย่อนลงในกองไฟทีละชิ้น  คนนั่งซึมเซาราวรูปปั้น มีแต่มือที่ขยับเคลื่อนไหว เนิ่นนานค่อยถอนใจแล้วกล่าวกับเปลวไฟอย่างละอายใจ

                 “  ท่านแม่... ข้าเป็นลูกอกตัญญูนัก  ที่มิอาจทำตามคำสั่งของท่านได้  .. ข้ารู้..ว่าท่านรักและห่วงใยนางปานใด หลันเหลยกลายเป็นเช่นนี้.. ท่านโกรธข้าหรือไม่ ?... ท่านแม่.. วิญญาณท่านสถิตหรือล่องลอยอยู่ ณ ที่ไหน ..ท่านรู้ไหมว่าหลันเหลยกำลังทุกข์ทรมาน... ถ้าท่านรักนางก็โปรดช่วยนางด้วยเถิด.. ขอเพียงหลันเหลยสามารถรอดพ้นคืนนี้ สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป  ต่อให้เอาชีวิตของข้าฮั่นกุนไปแทน...ข้าก็ยินดี “

                 รำพึงถึงตอนนี้ องค์ชายก่วงหยางซึ่งยืนลอบฟังอยู่ ค่อยสาวพระบาทปรากฏพระองค์ออกมาอย่างเงียบๆ คุกพระชานุลงข้างๆ ถามด้วยพระสุรเสียงหดหู่

                 “  ฮั่นกุน.. ที่แท้ท่านเผาไปให้ท่านป้าหรอกหรือ ? “

                 เหวินฮั่นกุนพยักหน้า องค์ชายก่วงหยางแค่นเสียงขึ้นราวประชด

                 “ อธิษฐานบอกมารดาของท่าน หรือว่านางจะช่วยหลันเหลยให้รอดพ้นคืนนี้ได้ ? “

                 “  ..........”

                 “  ท่านทำอะไรเพื่อนางได้แค่นี้หรือ ? “

                 เหวินฮั่นกุนนิ่งซึมไป น้ำในหน่วยตาเอ่อท้นขึ้นทีละน้อย สุดท้ายก็รินไหลลงมาอย่างเงียบๆ  ส่ายหน้ากล่าวอย่างปวดร้าว

                 “  ใช่.. ท่านพูดถูก.. ข้าคงทำให้นางได้แค่นี้ ข้าไม่รู้จริงๆว่าข้าควรจะทำอย่างไรดี  นอกจากอธิษฐานบอกท่านแม่ ท่านแม่ข้ารักและถนอมหลันเหลยมากที่สุด แม้กระทั่งชีวิตของนางก็ยอมพลีได้  บางที..อานุภาพของความรักและห่วงใย อาจจะสามารถบันดาลให้หลันเหลย เข้มแข็งและรอดพ้นคราเคราะห์นี้ไปได้  ..”

                 คนนั่งฟังถึงกับนิ่งอึ้ง

                 เหวินฮั่นกุนหย่อนกระดาษลงเผาในกระถางต่อ  ฝืนยิ้มทั้งน้ำตา  กล่าวอย่างท้อแท้อับจนปัญญา

                 “ ท่านจะเยาะเย้ยว่าข้างมงาย ก็แล้วแต่ท่าน ..แต่เวลานี้.. ข้าทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ข้าไม่รู้ว่าจะช่วยนางได้อย่างไร นอกจาก..ได้แต่อธิษฐานของพึ่งพาปาฏิหาริย์  “

                 มิคาด..องค์ชายก่วงหยางพลันผงกพระเศียรอย่างปวดร้าว ตรัสว่า

                 “  ท่านพูดถูก...คนเรายามสิ้นไร้หนทาง.. สุดท้ายคงได้แต่ภาวนาขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น  ฮั่นกุน..งั้นพวกเรามาช่วยกันอธิษฐานให้อาเหลยเถิด.. เผื่อว่า..สวรรค์จะทรงได้ยินและยอมช่วยนางสักครั้ง... “

                 รับสั่งถึงตอนท้าย ค่อยแหงนพระพักตร์ขึ้นมองฟ้า  รำพึงคำอธิษฐานอย่างพลุ่งพล่านโศกสลด

                 “   ข้าแต่สวรรค์.. ได้โปรดไว้ชีวิตให้อาเหลยด้วยเถิด.. นางยังเยาว์และไร้เดียงสา นางสมควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้.. ถ้าอาเหลยปลอดภัย.. ข้าเยี่ยก่วงหยางยินดีอายุสั้นไปอีกสิบยี่สิบปี   เสด็จพ่อ.. เสด็จอาหญิง.. เสด็จอาเขย ..ดวงพระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกท่าน สถิตย์อยู่ ณ แห่งหนไหน  ได้โปรดช่วยอาเหลยด้วย .. หัวเอ๋อ.. หัวเอ๋อ...พี่ขอร้องเจ้า อย่าเพิ่งเอานางไปได้ไหม  เจ้าต้องช่วยน้องของเจ้านะ...หัวเอ๋อ.. เจ้าได้ยินพี่ไหม ? “

                 ตรัสได้เพียงแค่นี้ อัสสุชลซึ่งเอ่อรื้นอยู่เต็มพระเนตร ก็ท้นไหลร่วงลงอาบพระพักตร์ สะอื้นไห้ออกมาอย่างสุดที่จะกลั้น ด้วยความคับแค้นโทมนัสในพระทัยเป็นอย่างยิ่ง

                 

                 ..................


ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่