☼ ☼ 16:: ใต้เงื้อมหัตถ์มัจจุราช ☼ ☼
เสียงทุบประตูปึงปังที่ดังอยู่หน้าบ้าน ปลุกเรียกเหวินฮั่นกุนและองค์ชายก่วงหยางให้ตื่นขึ้นกลางวิกาล พอลุกออกมาเปิดประตู อึ้งเช็งและบริวารชุดดำอีกสี่คนก็ผลุนผลันเข้ามาค้นทั่วบ้าน
เหวินฮั่นกุนโทสะประดัง โพล่งถาม
“ พวกท่านทำอะไร ? “
องค์ชายก่วงหยางรีบดึงแขนเสื้อของเขาไว้ ปลอบให้ใจเย็น ค่อยเบือนหน้าไปถาม
“ พวกท่านทั้งหลาย มาค้นบ้านพวกเราดึกๆดื่นๆ มิทราบต้องการตามหาผู้ใด ? “
อึ้งเช็งแค่นเสียงเย็นชา
“ พวกเจ้าให้ที่หลบพัก แก่คนร่างเล็กสวมใส่ชุดดำซึ่งได้รับบาดเจ็บหลบหนีมาทางนี้บ้างหรือไม่ ? “
ชายหนุ่มทั้งสองพอฟังก็หันสบตากันอย่างงุนงง องค์ชายก่วงหยางรีบสั่นหน้าปฏิเสธพลางบอกเสียงระรัวราวกลัวเกรง
“ นายท่าน..พวกเรากำลังหลับอยู่ดีๆ พวกท่านก็มาทุบประตูปลุกเรียกให้ตื่น ไหนเลยจะเห็นใครหลบหนีมาทางนี้ “
ยามนั้นบริวารผู้หนึ่งเข้ามารายงาน
“ เรียนท่านหัวหน้าตึก มีอยู่ห้องหนึ่งปิดลั่นกุญแจไว้ “
“ นายท่าน.. นั่นเป็นห้องน้องสาวของพวกเรา “
หากรับสั่งมิทันจบประโยค พวกมันก็ชิงถาโถมกายไปทางหน้าห้องของหลันเหลย องค์ชายก่วงหยางฉุดแขนเหวินฮั่นกุนไว้ ตรัสเตือนสติเบาๆ
“ พรรคบัวขาวมีอิทธิพลมาก พวกเรามีกำลังน้อยกว่า อย่าไปปะทะกับพวกมันตรงๆ หากพวกท่านคิดจะล้างแค้นก็ต้องถนอมชีวิตไว้ก่อน..”
จากนั้นค่อยสะอึกกายตามพวกอึ้งเช็งไป
.....................................................
อึ้งเช็งมาถึงหน้าห้องของหลันเหลย พลันเกร็งพลังขึ้น ยกเท้าถีบใส่ประตูจนพังครืนลง จากนั้นถลันไปหน้าเตียง โบกมือร้องสั่งบริวารให้จุดตะเกียงขึ้น
องค์ชายก่วงหยางรีบร้องบอก
“ นายท่าน น้องสาวพวกเรากำลังไม่สบาย โปรดอย่ารบกวนนางเลย “
อึ้งเช็งหาได้รับฟังไม่ ยื่นมือผลักไสเขาจนซวนเซไปชนใส่เหวินฮั่นกุน
เหวินฮั่นกุนกำหมัดแน่นด้วยโทสะ คิดจะโถมเข้าไปแลกชีวิตกับมัน หาก็ถูกองค์ชายก่วงหยางฉุดแขนปรามไว้ อึ้งเช็งโบกมือวูบตลบม่านมุ้งขึ้น ค่อยเห็นบนเตียงนอนไว้ด้วยเด็กสาวนางหนึ่งห่มผ้าคลุมถึงลำคอ
นางย่อมเป็นหลันเหลยนั่นเอง !
เมื่อสักครู่กลางดงไม้ หลันเหลยสวมใส่ชุดดำรัดกุม สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า อีกทั้งตอนร่วงลงมา ก็ตกลงในตำแหน่งที่เป็นเงามืด จึงไม่ทันมีใครสักคน จะทันแยกแยะได้ว่าคนร้ายเป็นบุรุษหรือสตรี เพียงแค่เห็นมันเป็นคนร่างเล็กบอบบาง ฝีมือปราดเปรียวแคล่วคล่องเท่านั้นเอง
หากที่อยู่บนเตียงเบื้องหน้า เป็นเด็กผู้หญิงที่มิเพียงอายุยังยาว์ มิหนำซ้ำใบหน้านางยังดูซีดเซียว ประกายตาแตกซ่านอ่อนล้า ร่างกายใต้ผ้าห่มสั่นสะท้านราวกำลังจับไข้..ดูไปแล้วเหมือนคนป่วยหนักมาแรมเดือนจริงๆ ต่อให้นางไม่ได้เจ็บป่วย ก็ไม่น่าจะเป็นยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นได้เลยสักนิด
เด็กสาวส่งเสียงแหบล้าถามอย่างหวาดกลัว
“ พวกท่านเป็นใคร.. พี่..เกิดอะไรขึ้น ? “
องค์ชายก่วงหยางรีบร้องบอกว่า
“ อาเหลย ไม่มีอะไรหรอก.. พักผ่อนเถอะ...พวกเขามาตามหาคน ประเดี๋ยวก็ไปแล้ว “
จากนั้นหันไปทางอึ้งเช็งประสานมือกล่าวอ้อนวอน
“ นายท่าน โปรดเชื่อข้าเถอะ.. พวกเราเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่กล้าซ่อนคนร้ายไว้หรอก..ได้โปรดอย่าทำให้น้องสาวพวกเราตื่นตกใจเลย “
อึ้งเช็งกวาดตามองเด็กสาวบนเตียง รู้สึกไร้สาระที่จะมาเอาเรื่องเอาราวกับเด็กผู้หญิงเยาว์วัยคนหนึ่ง ดังนั้นโบกมือสั่งบริวารให้ไปค้นบ้านอื่นๆที่อยู่ละแวกใกล้ๆ ขณะสาวเท้าออกไป ปากก็แค่นเสียงพึมพำ
“ เจ้าบัดซบนั่น มันหลบหนีหายไปทางไหนกันนะ “
เพิ่งออกมาบนถนนหน้าบ้าน พอดีกับเซียวงักลี้นำบริวารอีกส่วนหนึ่งสวนทางมา
“ ท่านอึ้ง .. พบร่องรอยคนร้ายหรือไม่ ? “
“ ยังไม่เจอ.. คาดว่าอาจจะหนีไปทางอื่น แต่เด็กน้อยนั่นได้รับบาดเจ็บสาหัส คาดว่าคงหนีไปได้ไม่ไกล เราไปตามกันต่อเถอะ “
หลังจากคนพรรคบัวขาวล่าถอยจากไป เหวินฮั่นกันกำหมัดชกใส่เสาบ้านด้วยโทสะ แค่นเสียงว่า
“ เจ็บใจนัก ศัตรูอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้ “
องค์ชายก่วงหยางตรัสเสียงอ่อนโยน
“ คนเมื่อครู่มีนามว่าอึ้งเช็ง เป็นหัวหน้าตึกเมฆินทร์แห่งพรรคบัวขาว หัวหน้าตึกทั้งสี่ของพวกมันมีฝีมือสูงส่งมาก ต่อให้เราร่วมมือกันฆ่าพวกมันไปได้คนหนึ่ง แต่เสียงการต่อสู้ต้องเรียกพวกมันคนอื่นแห่กันมาทางนี้จนยากที่จะรับมือ ดังนั้นหากคิดจัดการกับมัน จำเป็นต้องใช้เกาฑัณฑ์ลับมิอาจใช้ทวนเปิดเผย ฮั่นกุน..ท่านใช่โกรธข้าหรือไม่ ที่ห้ามปรามท่านไว้ ? “
เหวินฮั่นกุนสงบสติอารมณ์ลง ถอนใจกล่าวว่า
“ ช่างเถอะ.. ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติข้า “
องค์ชายก่วงหยางรับสั่งอย่างครุ่นคิด
“ แปลกจริงๆ พรรคบัวขาวตามล่าคนชุดดำที่ได้รับบาดเจ็บ.. มันเป็นใครกันนะ ? “
.........................................
♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 16: ใต้เงื้อมหัตถ์มัจจุราช ]
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
อ่านตอนก่อนหน้านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[ขอบคุณภาพจาก Princess of Lan Ling King]
เสียงทุบประตูปึงปังที่ดังอยู่หน้าบ้าน ปลุกเรียกเหวินฮั่นกุนและองค์ชายก่วงหยางให้ตื่นขึ้นกลางวิกาล พอลุกออกมาเปิดประตู อึ้งเช็งและบริวารชุดดำอีกสี่คนก็ผลุนผลันเข้ามาค้นทั่วบ้าน
เหวินฮั่นกุนโทสะประดัง โพล่งถาม
“ พวกท่านทำอะไร ? “
องค์ชายก่วงหยางรีบดึงแขนเสื้อของเขาไว้ ปลอบให้ใจเย็น ค่อยเบือนหน้าไปถาม
“ พวกท่านทั้งหลาย มาค้นบ้านพวกเราดึกๆดื่นๆ มิทราบต้องการตามหาผู้ใด ? “
อึ้งเช็งแค่นเสียงเย็นชา
“ พวกเจ้าให้ที่หลบพัก แก่คนร่างเล็กสวมใส่ชุดดำซึ่งได้รับบาดเจ็บหลบหนีมาทางนี้บ้างหรือไม่ ? “
ชายหนุ่มทั้งสองพอฟังก็หันสบตากันอย่างงุนงง องค์ชายก่วงหยางรีบสั่นหน้าปฏิเสธพลางบอกเสียงระรัวราวกลัวเกรง
“ นายท่าน..พวกเรากำลังหลับอยู่ดีๆ พวกท่านก็มาทุบประตูปลุกเรียกให้ตื่น ไหนเลยจะเห็นใครหลบหนีมาทางนี้ “
ยามนั้นบริวารผู้หนึ่งเข้ามารายงาน
“ เรียนท่านหัวหน้าตึก มีอยู่ห้องหนึ่งปิดลั่นกุญแจไว้ “
“ นายท่าน.. นั่นเป็นห้องน้องสาวของพวกเรา “
หากรับสั่งมิทันจบประโยค พวกมันก็ชิงถาโถมกายไปทางหน้าห้องของหลันเหลย องค์ชายก่วงหยางฉุดแขนเหวินฮั่นกุนไว้ ตรัสเตือนสติเบาๆ
“ พรรคบัวขาวมีอิทธิพลมาก พวกเรามีกำลังน้อยกว่า อย่าไปปะทะกับพวกมันตรงๆ หากพวกท่านคิดจะล้างแค้นก็ต้องถนอมชีวิตไว้ก่อน..”
จากนั้นค่อยสะอึกกายตามพวกอึ้งเช็งไป
.....................................................
อึ้งเช็งมาถึงหน้าห้องของหลันเหลย พลันเกร็งพลังขึ้น ยกเท้าถีบใส่ประตูจนพังครืนลง จากนั้นถลันไปหน้าเตียง โบกมือร้องสั่งบริวารให้จุดตะเกียงขึ้น
องค์ชายก่วงหยางรีบร้องบอก
“ นายท่าน น้องสาวพวกเรากำลังไม่สบาย โปรดอย่ารบกวนนางเลย “
อึ้งเช็งหาได้รับฟังไม่ ยื่นมือผลักไสเขาจนซวนเซไปชนใส่เหวินฮั่นกุน
เหวินฮั่นกุนกำหมัดแน่นด้วยโทสะ คิดจะโถมเข้าไปแลกชีวิตกับมัน หาก็ถูกองค์ชายก่วงหยางฉุดแขนปรามไว้ อึ้งเช็งโบกมือวูบตลบม่านมุ้งขึ้น ค่อยเห็นบนเตียงนอนไว้ด้วยเด็กสาวนางหนึ่งห่มผ้าคลุมถึงลำคอ
นางย่อมเป็นหลันเหลยนั่นเอง !
เมื่อสักครู่กลางดงไม้ หลันเหลยสวมใส่ชุดดำรัดกุม สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า อีกทั้งตอนร่วงลงมา ก็ตกลงในตำแหน่งที่เป็นเงามืด จึงไม่ทันมีใครสักคน จะทันแยกแยะได้ว่าคนร้ายเป็นบุรุษหรือสตรี เพียงแค่เห็นมันเป็นคนร่างเล็กบอบบาง ฝีมือปราดเปรียวแคล่วคล่องเท่านั้นเอง
หากที่อยู่บนเตียงเบื้องหน้า เป็นเด็กผู้หญิงที่มิเพียงอายุยังยาว์ มิหนำซ้ำใบหน้านางยังดูซีดเซียว ประกายตาแตกซ่านอ่อนล้า ร่างกายใต้ผ้าห่มสั่นสะท้านราวกำลังจับไข้..ดูไปแล้วเหมือนคนป่วยหนักมาแรมเดือนจริงๆ ต่อให้นางไม่ได้เจ็บป่วย ก็ไม่น่าจะเป็นยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นได้เลยสักนิด
เด็กสาวส่งเสียงแหบล้าถามอย่างหวาดกลัว
“ พวกท่านเป็นใคร.. พี่..เกิดอะไรขึ้น ? “
องค์ชายก่วงหยางรีบร้องบอกว่า
“ อาเหลย ไม่มีอะไรหรอก.. พักผ่อนเถอะ...พวกเขามาตามหาคน ประเดี๋ยวก็ไปแล้ว “
จากนั้นหันไปทางอึ้งเช็งประสานมือกล่าวอ้อนวอน
“ นายท่าน โปรดเชื่อข้าเถอะ.. พวกเราเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่กล้าซ่อนคนร้ายไว้หรอก..ได้โปรดอย่าทำให้น้องสาวพวกเราตื่นตกใจเลย “
อึ้งเช็งกวาดตามองเด็กสาวบนเตียง รู้สึกไร้สาระที่จะมาเอาเรื่องเอาราวกับเด็กผู้หญิงเยาว์วัยคนหนึ่ง ดังนั้นโบกมือสั่งบริวารให้ไปค้นบ้านอื่นๆที่อยู่ละแวกใกล้ๆ ขณะสาวเท้าออกไป ปากก็แค่นเสียงพึมพำ
“ เจ้าบัดซบนั่น มันหลบหนีหายไปทางไหนกันนะ “
เพิ่งออกมาบนถนนหน้าบ้าน พอดีกับเซียวงักลี้นำบริวารอีกส่วนหนึ่งสวนทางมา
“ ท่านอึ้ง .. พบร่องรอยคนร้ายหรือไม่ ? “
“ ยังไม่เจอ.. คาดว่าอาจจะหนีไปทางอื่น แต่เด็กน้อยนั่นได้รับบาดเจ็บสาหัส คาดว่าคงหนีไปได้ไม่ไกล เราไปตามกันต่อเถอะ “
หลังจากคนพรรคบัวขาวล่าถอยจากไป เหวินฮั่นกันกำหมัดชกใส่เสาบ้านด้วยโทสะ แค่นเสียงว่า
“ เจ็บใจนัก ศัตรูอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้ “
องค์ชายก่วงหยางตรัสเสียงอ่อนโยน
“ คนเมื่อครู่มีนามว่าอึ้งเช็ง เป็นหัวหน้าตึกเมฆินทร์แห่งพรรคบัวขาว หัวหน้าตึกทั้งสี่ของพวกมันมีฝีมือสูงส่งมาก ต่อให้เราร่วมมือกันฆ่าพวกมันไปได้คนหนึ่ง แต่เสียงการต่อสู้ต้องเรียกพวกมันคนอื่นแห่กันมาทางนี้จนยากที่จะรับมือ ดังนั้นหากคิดจัดการกับมัน จำเป็นต้องใช้เกาฑัณฑ์ลับมิอาจใช้ทวนเปิดเผย ฮั่นกุน..ท่านใช่โกรธข้าหรือไม่ ที่ห้ามปรามท่านไว้ ? “
เหวินฮั่นกุนสงบสติอารมณ์ลง ถอนใจกล่าวว่า
“ ช่างเถอะ.. ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติข้า “
องค์ชายก่วงหยางรับสั่งอย่างครุ่นคิด
“ แปลกจริงๆ พรรคบัวขาวตามล่าคนชุดดำที่ได้รับบาดเจ็บ.. มันเป็นใครกันนะ ? “
.........................................