เริ่มด้วยคือ อยากจะไปซัมเมอร์ต่างประเทศก็เลยต้องสอบโทเฟิล ซึ่งมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะขอโทเฟิลประมาณ 90 หรือ100 อัพ เวลาเตรียมตัวมีจำกัดเหมือนกันประมาณ สองเดือน แต่มีงานที่มหาวิทยาลัยด้วย ก็เลยแทบไม่ได้อ่าน
เกริ่นมานานแล้ว มาเข้าเรื่องกันดีกว่า คืออยากแนะนำหนังสือ และประสบการ์ณ เพราะเราก็ได้ข้อมูลมาจากพันทิพเหมือนกันเลย อยากมาแชร์ต่อค่ะ
รอบแรกตอนเดือนพย ได้88 (R20 L24 S24 W20)
รอบสองเดือนมค 97 (R27 L27 S22 W21)
อย่างแรก คือ หนังสือที่แนะนำค่ะ
อันแรก คือ หนังสือ official guide to toefl ของ ETS เล่มสีฟ้าๆใหญ่ๆ ต้องมีค่ะ
http://f.ptcdn.info/980/024/000/1414552497-TheOfficia-o.jpg
แนะนำเลยดีมากกๆๆ เพราะเล่มนี้จะบอกทริค วิธีการให้คะแนน เทคนิค คือแนะนำจริงๆ เราได้คะแนนดีขึ้นก็เพราะเล่มนี้เลยค่ะ ช่วยทำให้เข้าใจข้อสอบมาก ขึ้น มีแผ่นซีดีให้ทำในคอม คืออยากแนะนำว่า reading ให้ลองฝึกทำในคอมค่ะ เพราะจะได้ชิน ตอนแรกที่ไปสอบไม่ชินทำในคอมก้คะแนนดรอปเลยค่า
เล่มต่อมา คือ Official Toefl IBT Test (ETS) เล่มใหญ่ๆ สีแดงๆค่ะ
เล่มนี้ก้คล้ายเล่มแรก มีข้อสอบให้ทำเพิ่มค่ะ ฝึกทำเยอะๆ จะได้รู้แนวทำคล่องๆ
เล่มสุดท้าย คือ Barron Essential vocab for Toefl เล่มสีเขียวเล็กๆค่ะ
รวมศัพท์ต่างซึ่งเราว่าดีนะค่ะ อ่านพาร์ทreading แล้วคล่องขึ้น นอกจากนั้นยังเอาศัพท์นี้ไปใช้ตอนเขียนได้ด้วย
พาร์ทreading อย่าเสียเวลาอ่านมากค่ะตอนแรก เราใช้วิธี แสกนเอาหัวๆของแต่ละย่อหน้าดูคราวๆว่ามันเป็นเรื่องอะไร แล้วค่อยเจาะอ่านแบบตั้งใจไปที่ละข้อค่ะ แต่ต้องระวังอย่ามั่วแต่เสียเวลากับแต่ละข้อมากเกินไป ข้อที่ควรเก็บให้ได้ คือ sentence insert มาตอนท้ายๆของแต่ะpassageค่ะ ส่วนข้อ 2คะแนน ที่ให้ย่อใจความ มันจะให้มาหกข้อ เลือกสาม แนะนำว่าให้ตัดข้อ ไม่เกี่ยวออกไปก่อน แล้วตัดข้อที่มีพวกexample เยอะๆออกไปหรือจะมาแนวเป็นรายละเอียด แล้วมันจะเหลือสามอันพอดี ถ้าเกินก้ต้องเสี่ยงเอา555
เวลาที่ทำพวกข้อ read for information ส่วนใหญ่คำตอบ จะไม่ใช่คำที่มาจะ passage โดยตรง จะparaphrase มา อ่านประโยคก่อนหน้า ละต่อท้ายจะพอได้ภาพรวมของคำตอบค่ะ
พาร์ท listening ก้เน้นฝึกทำกับดูหนังบ่อยๆค่ะ เวลาสอบต้องอึดๆ นิดนึง เพราะจะให้มา 3 conversations x 3รอบ ก้ประมาณ 9 อ่าค่ะ นั่งฟังจนหูชาเลย 55 พยายามเก็บข้อที่เป็นคนพูดกันให้ได้ มันจะง่ายกว่าพวกlecture ซึ่งบางทีมันจะเป็นศัพท์วิทย์ๆ ตอนสอบเราจดตลอดตอนฟังเพราะจะได้มีสมาธิเวลาฟังตลอด เวลาตอบก็อย่าลังเลนาน เลือกแล้วกดส่งแต่ละข้อไปแล้วแก้ไม่ได้นะค่ะ พวก lectureให้พยายามจับตอนต้นให้ได้ว่าเขาจะพูดว่าอะไร เวลาเขาให้keyswordมา ก้ฟังว่าเขาอธิบายอะไร ถ้าหลุดส่วนไหนไป ก็ช่างมัน อย่าร้นจนหลุดหมดค่ะ
...เดียวมาเล่าต่อ.....
รีวิวTOEFL 2016 by เด็กปี2
เกริ่นมานานแล้ว มาเข้าเรื่องกันดีกว่า คืออยากแนะนำหนังสือ และประสบการ์ณ เพราะเราก็ได้ข้อมูลมาจากพันทิพเหมือนกันเลย อยากมาแชร์ต่อค่ะ
รอบแรกตอนเดือนพย ได้88 (R20 L24 S24 W20)
รอบสองเดือนมค 97 (R27 L27 S22 W21)
อย่างแรก คือ หนังสือที่แนะนำค่ะ
อันแรก คือ หนังสือ official guide to toefl ของ ETS เล่มสีฟ้าๆใหญ่ๆ ต้องมีค่ะ
http://f.ptcdn.info/980/024/000/1414552497-TheOfficia-o.jpg
แนะนำเลยดีมากกๆๆ เพราะเล่มนี้จะบอกทริค วิธีการให้คะแนน เทคนิค คือแนะนำจริงๆ เราได้คะแนนดีขึ้นก็เพราะเล่มนี้เลยค่ะ ช่วยทำให้เข้าใจข้อสอบมาก ขึ้น มีแผ่นซีดีให้ทำในคอม คืออยากแนะนำว่า reading ให้ลองฝึกทำในคอมค่ะ เพราะจะได้ชิน ตอนแรกที่ไปสอบไม่ชินทำในคอมก้คะแนนดรอปเลยค่า
เล่มต่อมา คือ Official Toefl IBT Test (ETS) เล่มใหญ่ๆ สีแดงๆค่ะ
เล่มนี้ก้คล้ายเล่มแรก มีข้อสอบให้ทำเพิ่มค่ะ ฝึกทำเยอะๆ จะได้รู้แนวทำคล่องๆ
เล่มสุดท้าย คือ Barron Essential vocab for Toefl เล่มสีเขียวเล็กๆค่ะ
รวมศัพท์ต่างซึ่งเราว่าดีนะค่ะ อ่านพาร์ทreading แล้วคล่องขึ้น นอกจากนั้นยังเอาศัพท์นี้ไปใช้ตอนเขียนได้ด้วย
พาร์ทreading อย่าเสียเวลาอ่านมากค่ะตอนแรก เราใช้วิธี แสกนเอาหัวๆของแต่ละย่อหน้าดูคราวๆว่ามันเป็นเรื่องอะไร แล้วค่อยเจาะอ่านแบบตั้งใจไปที่ละข้อค่ะ แต่ต้องระวังอย่ามั่วแต่เสียเวลากับแต่ละข้อมากเกินไป ข้อที่ควรเก็บให้ได้ คือ sentence insert มาตอนท้ายๆของแต่ะpassageค่ะ ส่วนข้อ 2คะแนน ที่ให้ย่อใจความ มันจะให้มาหกข้อ เลือกสาม แนะนำว่าให้ตัดข้อ ไม่เกี่ยวออกไปก่อน แล้วตัดข้อที่มีพวกexample เยอะๆออกไปหรือจะมาแนวเป็นรายละเอียด แล้วมันจะเหลือสามอันพอดี ถ้าเกินก้ต้องเสี่ยงเอา555
เวลาที่ทำพวกข้อ read for information ส่วนใหญ่คำตอบ จะไม่ใช่คำที่มาจะ passage โดยตรง จะparaphrase มา อ่านประโยคก่อนหน้า ละต่อท้ายจะพอได้ภาพรวมของคำตอบค่ะ
พาร์ท listening ก้เน้นฝึกทำกับดูหนังบ่อยๆค่ะ เวลาสอบต้องอึดๆ นิดนึง เพราะจะให้มา 3 conversations x 3รอบ ก้ประมาณ 9 อ่าค่ะ นั่งฟังจนหูชาเลย 55 พยายามเก็บข้อที่เป็นคนพูดกันให้ได้ มันจะง่ายกว่าพวกlecture ซึ่งบางทีมันจะเป็นศัพท์วิทย์ๆ ตอนสอบเราจดตลอดตอนฟังเพราะจะได้มีสมาธิเวลาฟังตลอด เวลาตอบก็อย่าลังเลนาน เลือกแล้วกดส่งแต่ละข้อไปแล้วแก้ไม่ได้นะค่ะ พวก lectureให้พยายามจับตอนต้นให้ได้ว่าเขาจะพูดว่าอะไร เวลาเขาให้keyswordมา ก้ฟังว่าเขาอธิบายอะไร ถ้าหลุดส่วนไหนไป ก็ช่างมัน อย่าร้นจนหลุดหมดค่ะ
...เดียวมาเล่าต่อ.....