สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ จริงๆแล้วมีชื่อเล่นอยู่ แต่ชอบใช้นามแฝงชื่อ "ผู้หญิง 2 ขา" ที่มาของชื่อนี้ก็เพราะว่า มีความเชื่อ เราก็คือผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่มี 2 ขาเหมือนคนทั่วๆไป แต่เชื่อว่า 2 ขานี้แหละจะพาตัวอวบๆและหน้าบานๆออกไปท่องโลก และแอบหวังว่าสักวัน 2 ขานี้จะพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จ (อนุญาติให้เบะปากและมองบนได้ 1 ที ฮิฮิ)
เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยล่ะกัน เนื่องจากแอบอ่านและเก็บข้อมูลพันทิพมาค่อนข้างนาน จึงอยากจะมารีวิว แชร์ประสบการณ์ในฉบับของผู้หญิง 2 ขา แอร์อวบจากสายการบินแขกสายการบินน้อยๆแห่งหนึ่ง ที่รูทบินแสนจะน้อยนิดเมื่อเปรียบเทียบกะที่อื่น ส่วนใหญ่บินแต่รอบๆอ่าวกะอินเดีย และหลังจากที่อยู่แต่ในเมืองแขกมานานมากกกกกกก (ย้ำว่านานมากกกกกกก) ไฟร์ทแรกในชีวิตที่ได้ Lay over คือ New Delhi , India
โอ้ ลืมบอกไปว่าในรีวิวจะมีน้องเข้มแข็งลูกชายที่เป็นตุ๊กตาคู่ใจร่วมเดินทางไปด้วย เก็บนางมาเลี้ยงได้ 5ปีแล้วค่ะ (ไม่ใช่ลูกเทพนะ ไม่ต้องกลัว ฮ่าๆๆๆ)
เชื่อหรือไม่ว่าสมัยเด็กๆ เคยดูทีวีและบวกกับเคยทำงานแล้วเจอแขกอินเดียเยอะๆ ทำให้เราบอกทุกคนเลยว่า ต่อให้ได้ตั๋วฟรี ก็จะไม่มาอินเดีย!! แต่แล้วก็ได้มาที่แรกเลย ฮ่าๆๆๆๆ
ทางสายการบินพักที่โรงแรม Le Meridien ในเขต New Delhi มีประมาณ 23 ชั้น ถ้าจำไม่ผิด โรงแรมโอเคมากค่ะ พนักงานบริการดีมาก
และก็พอไปถึงก็จะมีค่า Allowance ให้ด้วย 4,700 รูปี (เพิ่งปรับขึ้น)
คือทริปนี้คือตั้งใจไปกินหมู เพราะเนื่องจากไม่ได้ออกนอกประเทศเลยมาเป็นเวลาครึ่งปี คือแบบโหยมากกกกก ก่อนไปจึงหาข้อมูล พบว่า ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่คนส่วนใหญ่กินมังสาวิรัติกันสะเยอะ มุสลิมก็เยอะ หมูจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม (อารมณ์คล้ายๆหากินเนื้อแพะบ้านเรา หากินยาก) แต่ก็พยายามหาจนมาเจอข้อมูลในพันทิพ (ขอบคุณหลายๆค่ะ) ที่ทำให้ผู้หญิง 2 ขาได้มาเจอกับร้านหมูทะแห่งนี้ มันก็ไม่ได้ดีเหมือนบ้านเรา แต่ก็พอถูๆไถ หายอยากได้อยู่นะเธอ และพอได้ข้อมูลก็ไปดูเพิ่มใน Tripadvisor คนไปกิน้รนนี้ค่อนข้างเยอะ แต่ร้านค่อนข้างหายากมากค่ะ และทริปนี้เพื่อนลูกเรือที่ไปด้วยกันเขาเป็นมุสลิมทั้งหมด เราจึงจำเป็นต้องฉายเดี่ยว
ส่วนตัวเป็นคนเดินทางคนเดียวบ่อย จึงไม่ค่อยกลัว แต่เนื่องจากเป็นผู้หญิงและอย่างที่ทุกคนรู้กันว่าอินเดียมีข่าวข่มขืนนักท่องเที่ยวบ่อย สิ่งที่ส่วนตัวเราต้องทำอย่างแรกคือ
1.การแต่งตัวให้มิดชิด อย่าโป๊จนเป็นเป้าสายตา และพยายามอย่าใส่เครื่องประดับของมีค่าให้ดูล่อตามิจฉาชีพ
2.การวางแผนการท่องเที่ยว ว่าจะไปที่ไหน สถานที่แต่ล่ะที่ไกลกันแค่ไหน เดินทางโดยอะไรได้บ้าง (มีแผนที่ติดตัวตลอดเวลา)
3.หลีกเลี่ยงการเดินทางในที่เปลี่ยวๆ (ถึงแม้บางทีจะเป็นที่ๆเราต้องไปหรือทางลัด แต่ถ้าคนน้อยหรือดึกมากแล้วก็จะไม่ไป)
4.เป็นคนดื่มแอลกอฮอล์ แต่ถ้าเดินทางคนเดียวจะไม่ดื่ม
5.อินเดีย ถ้าเป็นนักท่องเที่ยว จะชอบมีคนมาเดินตาม อาจจะมาในรูปแบบของการขอทาน ซึ่งถ้าได้ให้คนนึง ก็จะตามมาอีกเป็นร้อย การพาไปหาห้องพักเพื่อได้คอมมิชชั่น(เราก็จะได้พักในราคาบวกค่าคอมมิ่ชชั่นอีกที) หรืออะไรก็ตามแต่ ส่วนตัวแล้วถ้ารู้สึกว่าไม่ปลอดภัย จะรีบเดินและเข้าไปอยู่ในที่คนเยอะๆ หรือไม่ก็ไปหลบในร้านนั่งกินน้ำสักขวดแล้วพอรู้สึกว่าเขาไม่ตามแล้วก็ไปต่อ
6.อย่าเชื่อคนแค่คนเดียว เช่นการถามทาง ควรถามหลายๆคนว่าเขาชี้ไปทางเดียวกันไหม ส่วนตัวเลือกถามพ่อค้าแม่ค้าที่เขาขายของแถวๆนั้น จะพยายามไม่ถามขาจร เพราะบางทีเขาไม่รู้ หรือบางทีอาจจะโดนหลอกเอาได้ง่ายๆ
7. ระวังกระเป๋าตังค์และทรัพย์สิน (อันน้อยนิด) เป็นพิเศษ เพราะเราเดินทางคนเดียวท่ามกลางคนเยอะ พร้อมกับต้องตื่นเต้น ตื่นตัวชิงไหวชิงพริบกับคนรอบตัวตลอดเวลา (ก็สนุกไปอีกแบบนะแกร๊)
8.อย่าไว้ใจหากคนมาบอกว่า จะพาไปซื้อของถูกคุณภาพดี ร้านของรัฐบาล
9.ต่อราคาทุกอย่าง (ย้ำว่าทุกๆๆอย่าง) เพราะเขาจะบวกราคานักท่องเที่ยวสูงมาก
10.
โอเค กายพร้อม ใจพร้อม พอถึงโรงแรมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปเลย คิดถึงหมูย่างแล้วพลังมันมาจากไหนก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ ข้อมูลร้านหมูทะที่จะไปมีแค่ที่อยู่กะดูจาก Google map แล้วมันอยู่แถวๆ Rama Khishna Ashram Marg Metro เสร็จแล้วก็วงในแผนที่ไว้ แล้วให้ตุ๊กๆไปส่ง แล้วก็ถามทางไปร้านหมูทะ ถามไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็มีคนเดินตาม บอกจะพาไปส่ง แต่ดูจากสภาพแล้วไม่น่าไว้ใจ เลยต้องขอบคุณเขาและขอไปด้วยตัวเอง
คุณลุงตุ๊กๆ กว่าจะสตาร์ทติด เข็นซะนาน เกือบต้องลงไปช่วยซะแล้ว ฮ่าๆๆๆ
เมนูมาค่ะ
บรรยากาศในร้านค่ะ
เย้ๆๆๆๆ หมูย่างมาแย้วววว จัดคนเดียว 2 ชุดใหญ่
งานเตาก็ต้องมาฮ่ะ
หลังจากจัดการกับน้องหมูคนเดียวไปหมดแล้ว ชนิดที่แบบไม่สนใจใคร อารมร์ประมาณโต๊ะอื่นมากันเป็นกลุ่มใหญ่ แต่อินี่กินไปยิ้มไปอยู่คนเดียว ก็คนมันฟินอ่ะเนอะ แบบว่าไม่ห่วงแล้วว่าอุปป้าจะมองยังไง ฮ่าๆๆๆ ตรงแถวร้านที่ไปกินหมู จะเป็นตลาดขายของที่มีนักท่องเที่ยวอยู่ค่อนข้างเยอะ คนค่อนข้างพลุกพล่าน อารมณ์ประมาณน้องๆข้าวสารบ้านเรา (Paharganj)
ต้องบอกว่าทริปเดลีครั้งนี้ได้รับแรงบันดารใจจากรายการ "หนังพาไป" เนื่องจากเป็นแฟนรายการมา 5 ปีเต็ม มันเป็นโอกาสที่ดีเราจะได้พาน้องเข้มแข็งไปเห็นด้วยตาของตัวเอง ว่าแล้วก็ไปตามหา Gandhi smriti (บ้านที่คานทีอยู่สมัยมีชีวิต) บุคคลที่สู้เพื่ออินเดียในช่วงที่อังกฤษเข้ามาปกครองอินเดีย โดนอังกฤษออกกฎหมายเอารัดเอาเปรียบ ถึงขนาดเก็บภาษีเกลือคนอินเดีย แต่ขณะเดียวกันกลับถูกฝ่ายอังกฤษทุบตีใช้ความรุนแรงโดยที่ไม่ตอบโต้แม้แต่น้อย และมหาตมะทานทียังเป็นต้นแบบให้คนใช้ชีวิตแบเรียบง่ายอีกด้วย
คิดว่าทุกคนคงจะรู้จักบ้านมหาตมะคานที แต่เชื่อหรือไม่ว่า ผู้หญิง 2 ขาโดนตุ๊กๆทิ้งข้างทางถึง 2 รอบ ทั้งๆที่กางแผนที่ให้ดูว่าอยู่ตรงนี้นะ ขับไปส่งหาไม่เจอ ก็ให้บอกให้ไปขึ้นคันอื่น คัน2ก็รับขึ้นมาแบบงงๆ หาไม่เจออีก ก็จอดข้างทางปรึกษาคนแถวนั้นและส่งต่อเราไปตุ๊กๆคันที่ 3
แล้วในที่สุดก็ถึงซะที บ้านมหาตมะคานทีที่ตามหา (เข้าฟรีนะแจ๊ อิอิ)
ว่ากันว่ามีเศรษฐีมอบบ้านหลังนี้ให้คานทีไว้พบปะกับคนที่มาพบ แต่คานทีเลือกที่จะให้ห้อง 2 ห้องข้างล่างด้วยของใช้ที่เรียบง่ายมากๆ #เครดิตหนังพาไป
ข้างในตัวบ้านเป็นเปิดให้เข้าชมค่ะ
เงียบสงบร่มรื่นมากค่ะ คนที่มาเป็นชาวต่างชาติซะส่วนใหญ่
มหาตมะคานทีโดนยิงเสียชีวิตตรงนี้
สถานที่ต่อไปคือ มรดกโลก Red Fort (ไปตามรอยหนังพาไปอีกและ กิกิ)
เวลาไปเที่ยวอินเดีย ต้องเอาพาสปอร์ตไทยติดตัวไปด้วยทุกครั้งนะแจ๊ะ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศสมาชิกของ BIMSTEC
(Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation)
คือ ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ
ประกอบด้วย 7 ประเทศ คือ บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย พม่า เนปาล ศรีลังกา และไทย เราก็จะได้ส่วนลดราคาที่ถูกแสนถูก เช่น ตั๋วเข้า Red fort ราคา 250 รูปี เหลือ 10รูปี Quatab Minar กะ Humayun's Tomb จาก 250 Rs เหลือแค่ 20 Rs เอง ส่วน Taj Mahal จาก 750 Rs เหลือ 510 Rs ทำให้ประหยัดตังได้เยอะ เป็นต้น #ขอขอบคุณข้อมูลจากพันทิพเจ้าค่ะ
พอยื่นพาร์สปอร์ตไทย พร้อมกับบอกไปว่า I love India เท่านั้นแหละ เหลือ 10 รูปีทันที ฮ่าๆๆ (คนอินเดียต่อคิวนานมาก แต่เราไปซื้อตั๋วแล้วเข้าได้เลย)
Pinky Girl (อุตส่าต์ชมน้องว่า ลูกชายน่ารักนะ พ่อนางตอกกลับมาว่า "She is a girl." หน้าแตกสิคะ ฮ่าๆๆ)
นี่แหนะ จับมาถ่ายรูปซะเลย ฮ่าๆๆ
มีคำถามสำหรับเพื่อนๆที่เคยมาอินเดีย คือ เคยเจอคนขอถ่ายรูปด้วยไหมคะ คือแบบว่าเกิดมาในชีวิตไม่เคยมีคนมาขอถ่ายรูปด้วย ตกกะใจมาก ประเด็นคือไม่ใช่แค่คนหรือ2คน แต่มากันเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก ต่อคิวถ่ายรูปยังกะอิฉันเป็นดารา ไม่เคยเจอมาก่อน รู้สึกตัวเองสวยขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ บางคนคือยิ้มอยู่แล้วพลักกันไปมาล้มหัวทิ่มฟันเฉาะหัวอิฉัน ขำขันกันไป
[CR] ผู้หญิง 2 ขาแอร์ภูธร พาไปตะลุยเดลี ฉายเดี่ยว อย่าได้กลัว (รูปเยอะ)
เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยล่ะกัน เนื่องจากแอบอ่านและเก็บข้อมูลพันทิพมาค่อนข้างนาน จึงอยากจะมารีวิว แชร์ประสบการณ์ในฉบับของผู้หญิง 2 ขา แอร์อวบจากสายการบินแขกสายการบินน้อยๆแห่งหนึ่ง ที่รูทบินแสนจะน้อยนิดเมื่อเปรียบเทียบกะที่อื่น ส่วนใหญ่บินแต่รอบๆอ่าวกะอินเดีย และหลังจากที่อยู่แต่ในเมืองแขกมานานมากกกกกกก (ย้ำว่านานมากกกกกกก) ไฟร์ทแรกในชีวิตที่ได้ Lay over คือ New Delhi , India
โอ้ ลืมบอกไปว่าในรีวิวจะมีน้องเข้มแข็งลูกชายที่เป็นตุ๊กตาคู่ใจร่วมเดินทางไปด้วย เก็บนางมาเลี้ยงได้ 5ปีแล้วค่ะ (ไม่ใช่ลูกเทพนะ ไม่ต้องกลัว ฮ่าๆๆๆ)
เชื่อหรือไม่ว่าสมัยเด็กๆ เคยดูทีวีและบวกกับเคยทำงานแล้วเจอแขกอินเดียเยอะๆ ทำให้เราบอกทุกคนเลยว่า ต่อให้ได้ตั๋วฟรี ก็จะไม่มาอินเดีย!! แต่แล้วก็ได้มาที่แรกเลย ฮ่าๆๆๆๆ
ทางสายการบินพักที่โรงแรม Le Meridien ในเขต New Delhi มีประมาณ 23 ชั้น ถ้าจำไม่ผิด โรงแรมโอเคมากค่ะ พนักงานบริการดีมาก
และก็พอไปถึงก็จะมีค่า Allowance ให้ด้วย 4,700 รูปี (เพิ่งปรับขึ้น)
คือทริปนี้คือตั้งใจไปกินหมู เพราะเนื่องจากไม่ได้ออกนอกประเทศเลยมาเป็นเวลาครึ่งปี คือแบบโหยมากกกกก ก่อนไปจึงหาข้อมูล พบว่า ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่คนส่วนใหญ่กินมังสาวิรัติกันสะเยอะ มุสลิมก็เยอะ หมูจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม (อารมณ์คล้ายๆหากินเนื้อแพะบ้านเรา หากินยาก) แต่ก็พยายามหาจนมาเจอข้อมูลในพันทิพ (ขอบคุณหลายๆค่ะ) ที่ทำให้ผู้หญิง 2 ขาได้มาเจอกับร้านหมูทะแห่งนี้ มันก็ไม่ได้ดีเหมือนบ้านเรา แต่ก็พอถูๆไถ หายอยากได้อยู่นะเธอ และพอได้ข้อมูลก็ไปดูเพิ่มใน Tripadvisor คนไปกิน้รนนี้ค่อนข้างเยอะ แต่ร้านค่อนข้างหายากมากค่ะ และทริปนี้เพื่อนลูกเรือที่ไปด้วยกันเขาเป็นมุสลิมทั้งหมด เราจึงจำเป็นต้องฉายเดี่ยว
ส่วนตัวเป็นคนเดินทางคนเดียวบ่อย จึงไม่ค่อยกลัว แต่เนื่องจากเป็นผู้หญิงและอย่างที่ทุกคนรู้กันว่าอินเดียมีข่าวข่มขืนนักท่องเที่ยวบ่อย สิ่งที่ส่วนตัวเราต้องทำอย่างแรกคือ
1.การแต่งตัวให้มิดชิด อย่าโป๊จนเป็นเป้าสายตา และพยายามอย่าใส่เครื่องประดับของมีค่าให้ดูล่อตามิจฉาชีพ
2.การวางแผนการท่องเที่ยว ว่าจะไปที่ไหน สถานที่แต่ล่ะที่ไกลกันแค่ไหน เดินทางโดยอะไรได้บ้าง (มีแผนที่ติดตัวตลอดเวลา)
3.หลีกเลี่ยงการเดินทางในที่เปลี่ยวๆ (ถึงแม้บางทีจะเป็นที่ๆเราต้องไปหรือทางลัด แต่ถ้าคนน้อยหรือดึกมากแล้วก็จะไม่ไป)
4.เป็นคนดื่มแอลกอฮอล์ แต่ถ้าเดินทางคนเดียวจะไม่ดื่ม
5.อินเดีย ถ้าเป็นนักท่องเที่ยว จะชอบมีคนมาเดินตาม อาจจะมาในรูปแบบของการขอทาน ซึ่งถ้าได้ให้คนนึง ก็จะตามมาอีกเป็นร้อย การพาไปหาห้องพักเพื่อได้คอมมิชชั่น(เราก็จะได้พักในราคาบวกค่าคอมมิ่ชชั่นอีกที) หรืออะไรก็ตามแต่ ส่วนตัวแล้วถ้ารู้สึกว่าไม่ปลอดภัย จะรีบเดินและเข้าไปอยู่ในที่คนเยอะๆ หรือไม่ก็ไปหลบในร้านนั่งกินน้ำสักขวดแล้วพอรู้สึกว่าเขาไม่ตามแล้วก็ไปต่อ
6.อย่าเชื่อคนแค่คนเดียว เช่นการถามทาง ควรถามหลายๆคนว่าเขาชี้ไปทางเดียวกันไหม ส่วนตัวเลือกถามพ่อค้าแม่ค้าที่เขาขายของแถวๆนั้น จะพยายามไม่ถามขาจร เพราะบางทีเขาไม่รู้ หรือบางทีอาจจะโดนหลอกเอาได้ง่ายๆ
7. ระวังกระเป๋าตังค์และทรัพย์สิน (อันน้อยนิด) เป็นพิเศษ เพราะเราเดินทางคนเดียวท่ามกลางคนเยอะ พร้อมกับต้องตื่นเต้น ตื่นตัวชิงไหวชิงพริบกับคนรอบตัวตลอดเวลา (ก็สนุกไปอีกแบบนะแกร๊)
8.อย่าไว้ใจหากคนมาบอกว่า จะพาไปซื้อของถูกคุณภาพดี ร้านของรัฐบาล
9.ต่อราคาทุกอย่าง (ย้ำว่าทุกๆๆอย่าง) เพราะเขาจะบวกราคานักท่องเที่ยวสูงมาก
10.
โอเค กายพร้อม ใจพร้อม พอถึงโรงแรมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปเลย คิดถึงหมูย่างแล้วพลังมันมาจากไหนก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ ข้อมูลร้านหมูทะที่จะไปมีแค่ที่อยู่กะดูจาก Google map แล้วมันอยู่แถวๆ Rama Khishna Ashram Marg Metro เสร็จแล้วก็วงในแผนที่ไว้ แล้วให้ตุ๊กๆไปส่ง แล้วก็ถามทางไปร้านหมูทะ ถามไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็มีคนเดินตาม บอกจะพาไปส่ง แต่ดูจากสภาพแล้วไม่น่าไว้ใจ เลยต้องขอบคุณเขาและขอไปด้วยตัวเอง
คุณลุงตุ๊กๆ กว่าจะสตาร์ทติด เข็นซะนาน เกือบต้องลงไปช่วยซะแล้ว ฮ่าๆๆๆ
เมนูมาค่ะ
บรรยากาศในร้านค่ะ
เย้ๆๆๆๆ หมูย่างมาแย้วววว จัดคนเดียว 2 ชุดใหญ่
งานเตาก็ต้องมาฮ่ะ
หลังจากจัดการกับน้องหมูคนเดียวไปหมดแล้ว ชนิดที่แบบไม่สนใจใคร อารมร์ประมาณโต๊ะอื่นมากันเป็นกลุ่มใหญ่ แต่อินี่กินไปยิ้มไปอยู่คนเดียว ก็คนมันฟินอ่ะเนอะ แบบว่าไม่ห่วงแล้วว่าอุปป้าจะมองยังไง ฮ่าๆๆๆ ตรงแถวร้านที่ไปกินหมู จะเป็นตลาดขายของที่มีนักท่องเที่ยวอยู่ค่อนข้างเยอะ คนค่อนข้างพลุกพล่าน อารมณ์ประมาณน้องๆข้าวสารบ้านเรา (Paharganj)
ต้องบอกว่าทริปเดลีครั้งนี้ได้รับแรงบันดารใจจากรายการ "หนังพาไป" เนื่องจากเป็นแฟนรายการมา 5 ปีเต็ม มันเป็นโอกาสที่ดีเราจะได้พาน้องเข้มแข็งไปเห็นด้วยตาของตัวเอง ว่าแล้วก็ไปตามหา Gandhi smriti (บ้านที่คานทีอยู่สมัยมีชีวิต) บุคคลที่สู้เพื่ออินเดียในช่วงที่อังกฤษเข้ามาปกครองอินเดีย โดนอังกฤษออกกฎหมายเอารัดเอาเปรียบ ถึงขนาดเก็บภาษีเกลือคนอินเดีย แต่ขณะเดียวกันกลับถูกฝ่ายอังกฤษทุบตีใช้ความรุนแรงโดยที่ไม่ตอบโต้แม้แต่น้อย และมหาตมะทานทียังเป็นต้นแบบให้คนใช้ชีวิตแบเรียบง่ายอีกด้วย
คิดว่าทุกคนคงจะรู้จักบ้านมหาตมะคานที แต่เชื่อหรือไม่ว่า ผู้หญิง 2 ขาโดนตุ๊กๆทิ้งข้างทางถึง 2 รอบ ทั้งๆที่กางแผนที่ให้ดูว่าอยู่ตรงนี้นะ ขับไปส่งหาไม่เจอ ก็ให้บอกให้ไปขึ้นคันอื่น คัน2ก็รับขึ้นมาแบบงงๆ หาไม่เจออีก ก็จอดข้างทางปรึกษาคนแถวนั้นและส่งต่อเราไปตุ๊กๆคันที่ 3
แล้วในที่สุดก็ถึงซะที บ้านมหาตมะคานทีที่ตามหา (เข้าฟรีนะแจ๊ อิอิ)
ว่ากันว่ามีเศรษฐีมอบบ้านหลังนี้ให้คานทีไว้พบปะกับคนที่มาพบ แต่คานทีเลือกที่จะให้ห้อง 2 ห้องข้างล่างด้วยของใช้ที่เรียบง่ายมากๆ #เครดิตหนังพาไป
ข้างในตัวบ้านเป็นเปิดให้เข้าชมค่ะ
เงียบสงบร่มรื่นมากค่ะ คนที่มาเป็นชาวต่างชาติซะส่วนใหญ่
มหาตมะคานทีโดนยิงเสียชีวิตตรงนี้
สถานที่ต่อไปคือ มรดกโลก Red Fort (ไปตามรอยหนังพาไปอีกและ กิกิ)
เวลาไปเที่ยวอินเดีย ต้องเอาพาสปอร์ตไทยติดตัวไปด้วยทุกครั้งนะแจ๊ะ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศสมาชิกของ BIMSTEC
(Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation)
คือ ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ
ประกอบด้วย 7 ประเทศ คือ บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย พม่า เนปาล ศรีลังกา และไทย เราก็จะได้ส่วนลดราคาที่ถูกแสนถูก เช่น ตั๋วเข้า Red fort ราคา 250 รูปี เหลือ 10รูปี Quatab Minar กะ Humayun's Tomb จาก 250 Rs เหลือแค่ 20 Rs เอง ส่วน Taj Mahal จาก 750 Rs เหลือ 510 Rs ทำให้ประหยัดตังได้เยอะ เป็นต้น #ขอขอบคุณข้อมูลจากพันทิพเจ้าค่ะ
พอยื่นพาร์สปอร์ตไทย พร้อมกับบอกไปว่า I love India เท่านั้นแหละ เหลือ 10 รูปีทันที ฮ่าๆๆ (คนอินเดียต่อคิวนานมาก แต่เราไปซื้อตั๋วแล้วเข้าได้เลย)
Pinky Girl (อุตส่าต์ชมน้องว่า ลูกชายน่ารักนะ พ่อนางตอกกลับมาว่า "She is a girl." หน้าแตกสิคะ ฮ่าๆๆ)
นี่แหนะ จับมาถ่ายรูปซะเลย ฮ่าๆๆ
มีคำถามสำหรับเพื่อนๆที่เคยมาอินเดีย คือ เคยเจอคนขอถ่ายรูปด้วยไหมคะ คือแบบว่าเกิดมาในชีวิตไม่เคยมีคนมาขอถ่ายรูปด้วย ตกกะใจมาก ประเด็นคือไม่ใช่แค่คนหรือ2คน แต่มากันเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก ต่อคิวถ่ายรูปยังกะอิฉันเป็นดารา ไม่เคยเจอมาก่อน รู้สึกตัวเองสวยขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ บางคนคือยิ้มอยู่แล้วพลักกันไปมาล้มหัวทิ่มฟันเฉาะหัวอิฉัน ขำขันกันไป