เรื่องสั้น : ภาพถ่ายในสุสาน

เสียงสุนัขร้องโหยหวนกรีดเข้าไปในโสตประสาทของผม
มันร้องดังติดต่อกันทุกคืนจนผมข่มตานอนไม่ได้มาหลายวัน
ผมว่ามีอะไรบางอย่างคอยกระตุ้นพวกมัน
หรือ บางทีหมู่บ้านเราอาจมีขโมย
"พ่อครับ ผมออกไปหา เควิน นะครับ"
ผมตะโกนบอกพ่อที่ทำสวนอยุ่หลังบ้าน  
โดยไม่สนใจว่าพ่ออนุญาตหรือไม่
แต่ก็นะ ผมไม่เคยเห็นพ่อจะเป็นห่วงอะไรผมมากมาย
เพราะผมไปไหนมาไหนด้วยตัวเองตั้งแต่ 10 ขวบ
ตอนนี้ผมอายุ 13 แล้ว เควิน คือ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ ถึงแม้เขาจะดูแปลกแยกไปหน่อยก็เหอะนะ
นานๆที เควิน จะพาผมไปเล่นที่สุสาน เขาบอกว่า นี่คือวิธีพิสูจน์ความกล้าแบบลูกผู้ชายของคนโบราณ ผมครุ่นคิดมาตลอดทางที่เดินมาหา เควิน "จะแก้ตัวยังไงดีนะ" ผมพึมพำมาคนเดียวตลอดทางที่เดินมาหาเขา
"ว่าไง คริส มาถึงแล้วรึ"
เสียงของ เควิน ดังขึ้นมาจนผมสะดุ้ง "อ้ออ เอ่ออ.. เออ นี่แม่นายไม่อยู่เหรอ เควิน" ผมถามแบบปัดๆไป หวังให้เขาลืมนัดของเราที่จะไปเยี่ยมสุสานในวันนี้ แต่ผมรู้ดีว่า การหลอก เควิน ยากกว่าหลายเท่า ถึงเขาจะดูเนิร์ดๆ ใส่แว่น แต่ผมรู้สึกว่า...
บางอย่างซ่อนอยู่ภายใต้แว่นตาหนาๆ เทอะทะ อันนั้น
แต่มันคืออะไรกันละ?!

"นายคงไม่ลืมนะ ว่าวันนี้เรามีนัดกัน"
เควิน พูดขึ้นเหมือนเขาอ่านใจผมออก แถมไม่ยอมตอบคำถามของผมด้วยซ้ำ "จะ.. จำได้ซิ ใครจะไปลืมละ นัดสำคัญเลยนะนั่น"
ผมยิ้มเจื่อนๆ ส่งไปให้ เคลวิน เขาชวนผมเข้าไปนั่งเล่นในบ้าน
รอเวลาให้พระอาทิตย์ตกดิน ก่อนทำภารกิจที่เราสัญญากันไว้
เควิน ขึ้นไปเตรียมของและอุปกรณ์สำหรับทำภารกิจบนห้อง
ห้องนอนของ เควิน เป็นดินแดนลี้ลับที่ผมรู้สึกว่า น่ากลัวกว่าสุสานหลายเท่า มันปิดทึบเมื่อมองจากด้านนอก เควินใช้สีดำทาหน้าต่างบ้านของเขา เขาบอกว่า เพื่อนของเขาไม่ชอบแสงแดด
แต่คุณก็รู้ว่าเด็กทุกคน มีเพื่อนในจินตนาการ บางที เควินก็อาจเป็นแบบนั้นเหมือนกัน..
"ไปกันเถอะ คริส ก่อนที่แม่ฉันจะกลับมา" เควิน แบกเป้ลงมาจากข้างบนห้อง ที่ผมไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปดู "เอาซิ ไปกัน" ผมพูด
"แล้ว.... เพื่อนนายละ ไม่ไปด้วยกันเหรอ" ผมกลั้นใจถาม
"ไม่ละ เขาไม่อยากไปหรอก เขาชอบอยู่ในห้องนั้นมากกว่า"
เควิน เงยหน้าขึ้นไปมองบันไดที่ทอดตัวไปถึงห้องนอนของเขา ยิ้มแปลกๆปรากฏขึ้น พร้อมกับพยักหน้าให้กับบางอย่าง
"ไปกันดีกว่า คริส" เควิน ไม่รอฟังคำตอบจากผมอีก
เขาเดินออกไปรอผมอยู่ข้างนอก ผมหยิบขนมที่คริสเอามาให้กินอีกสองสามชิ้น
แล้วเดินตามออกไป... แดดเริ่มอ่อนลงมากแล้ว
เวลาเดินต่อไปสู่ความมืดมิดเบื้องหน้า
ความมืดดำที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันนำไปสู่อะไร...

แกร๊ง... แกร๊งงง...
เสียงโซ่ล่ามประตูสุสานถูกมือของ เควิน ดึงมันออกอย่างช้าๆ เหล็กกระทบรั้วดังขึ้นมา
ในใจผมภาวนาให้ทีคนเฝ้าสุสาน หรือชายแก่ สวมหมวกหาง มาไล่เราสองคนให้ออกไป
แต่เปล่าเลย ไม่มีวี่แววของชายแก่ที่ผมภาวนาจะเจอ
"คริส นายยืนอึ้งอะไรอยู่วะ เข้ามาซิ"
เควิน ตะโกนเรียกผมอย่างหัวเสีย
เขาล้วงเข้าไปในเป้ หยิบเอาคัมภีร์โบราณมาเปิดอ่าน บางอย่างในกระเป๋าของเขาส่งเสียงกระทบกันเหมือนโถแก้ว หรือขวดเซรามิกอะไรซักอย่าง
"เอ่ออ เค... เควิน ว่าแต่เราจะไปตรงไหนกันละ
เควิน กระชากมือผมไปโดยที่ผมยังไม่ทันจบคำถามด้วยซ้ำ เขาเหมือนจะมั่นใจมากว่าเราต้องทำอะไรกัน...

ชั่วครูเดียว เราสองคนมาหยุดอยู่ตรงหลุมศพหนึ่ง
แท่งหินจารึกบนหลุมศพดูเลือนลาง
ไม่ซิ... บางคน มีบางคนใช้มีดหรือของแหลมบางอย่างทำลายชื่อของผู้ตายออก มันเป็นรอยขีดข่วนเปรอะทั่วไปหมด
"นี่หลุมศพของใครกันเควิน" ผมถามควิน ในคอของผมแห้งผาก มันรู้สึกสากๆ เหมือนกับขนมคุกกี้ที่ผมเพิ่งทานเข้าไปยังกระจุกตัวอยู่
"ไม่สำคัญหรอก เราจะมาพิสูจน์ความกล้ากัน!"
เควิน พูดเสียงแข็ง เขาวางกระเป๋าเป้ลงบนพื้นดินข้างๆหลุมศพที่เราตกลงใจจะใช้ทำพิธี
"ไหนนายลองไปนั่งพิงป้ายหลุมศพซิ"
เควิน อกคำสั่งพร้อมกับชี้ให้ผมเดินไปที่แท่งหินอันแสนจะน่ากลัวนั่น
"ฉันว่า..." ผมอึกอัก
"นายปอดแหกละซิ!" เควิน ถลึงตามอง
"เปล่านะ!! ฉันน่ะกล้าอยู่แล้วล่ะ" ผมเถียงคอเป็นเอ็น ทั้งที่ในใจรู้ดีว่าช่างเป็นความคิดที่ย่ำแย่เอาเสียเหลือเกิน
ผมเดินคอตกไปที่ป้ายหลุมศพ
แสงแดดหายไปเหลือเพียงแสงอ่อนๆในยามสนธยา ท้องฟ้าสีม่วงเข้มสลับส้ม ยิ่งผลักดันบรรยากาศให้น่ากลัวเข้าไปอีก ผมนั่งลงแล้วเอนหลังพิงไปกับหลุมศพของบุคคลที่ไร้นามนั้น...

"โอ้!! มันเย็นจริงๆนะเนี่ย!" ผมสะดุ้ง
แผ่นหลังของผมที่มีเสื้อป้องกันอยู่สัมผัสกับแท่งหิน แต่น่าประหลาดที่ความเย็นของมันเหมือนทะลุทะลวงผ่านวัตถุทุกชนิด
มันเย็นเหมือนผมนอนอยู่บนก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ ขนคอผมลุกชันไปหมด

"เอาละเริ่มกันได้" เควิน หยิบเชือกออกมาจากเป้ ของเขา้วเดินตรงมายังผม นั่นเป็นภาพที่สยดสยองจริงๆ ที่เพื่อนจะทำตรอกัน
"เควิน นี่นายเชือกมาทำอะไรน่ะ?"
ผมถามทั้งๆที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เควิน ไม่ตอบ เขาตวัดเชือกไว้รอบตัวผม
เชื่อเถอะหัวใจผมมันวิ่งกลับบ้านไปหาพ่อแล้ว แต่ร่างกายผมไม่ขยับเลย
มันซื่อสัตย์ต่อเควินเอาเสียจริงๆ
"ใจเย็นๆนะ คริส ฉันว่านายต้องผ่านช่วงนี้ไปได้"
เควิน พูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นจนผมรู้สึกหวิวในใจอย่างประหลาด
มีดพกเล่มเล็กถูกควักออกจากกระเป๋ากางเกง "เควิน นี่มันพิธีบ้าอะไรกันน่ะ!!"
ผมพบตัวเองถูกมัดไว้เรียบร้อย ในขณะที่ตะโกนออกไป
เควิน เหมือนหุ่นยนต์ที่กำลังทำงาน
เขาแทบไม่สนใจความหวาดกลัวบนใบหน้าของผมซักนิด

"ณ ที่ชุมนุมของเหล่าวิญญาณต้องสาป
ณ ที่ชุมนุมของเหล่าอสุรกายในนรก
ข้าข้อพลังจากผู้บงการความโสมมใต้พื้นพิภพแห่งโลกอันสกปรกใบนี้
ข้าขอบูชาด้วยเลือด..."
ขาดคำอารัมภบทอันพิลึกพิลั่นผมเห็น เควิน หยิบมีดนั่นมากรีดที่ฝ่ามือของตัวเองเป็นรูปสัญลักษณ์ประหลาดๆบางอย่าง ดวงตาของเขาแข็งกร้าวเหมือนไม่ยินดียินร้ายต่อความเจ็บปวด
ผมรู้สึกทันที่ว่าต้องทำอะไรบ้างแล้ว
ผมบิดตัวไปมา แต่เชือกก็เหมือนยิ่งรัดแน่นขึ้น
เสียงใบไม้ดีงกรอบแกรบเข้ามาเป็นระยะ
เควิน สาวเท้าเข้ามาใกล้แล้ว
สายลมเย็นพัดกระทบตัวของเขา
พระจันทร์ที่ส่องแสงอยู่เบื้องหน้า
กลายเป็นสีเลิอดในพริบตา

"ฉันขอร่างกายนี้ให้น้องชายของฉันเถอะนะ คริส!!"
เควิน พูดขึ้นและนั่นทำให้ผมแทบหยุดหายใจ
"นายมีน้องชาย นี่มันอะไรกันวะ เควิน!!"
ผมดิ้นไปมาพร้อมกับสบถด่า
ฝ่ามือของเควิน เอื้อมมาใกล้หน้าผากของผม สัญลักษณ์วงกลมและดาวห้าแฉกปรากฏต่อสายตาของผัดเจนแล้ว
เขาวางมันลงบนหน้าผากขอผม กลิ่นเลือดสดๆของเควิน กระทบกับจมูกของผม และนั่นทำให้ผมแทบคลั่ง
"น้องฉัน น้องชายฉันอยู่ข้างหลังนายไงล่ะ!"
ผมขนลุกซู่กับความจริงที่ถูกเฉลย
ความรู้สึกเย็นเฉียบนั่นไม่ได้มาจากแผ่นหิน แต่มาจากศพของน้องชายเควิน

เหมือนโลกพลิกกลับ ผมกำลังปะติดปะต่อเรื่องราว..
"นะ... นายเองที่ทำให้หมาเห่าไปทั่วสุสานหลายคืนก่อน!!"
เควิน พยักหน้ายอมรับ
เขาหยิบกล้องถ่ายรูปโพราลอยด์ขึ้นมาจากกระเป๋า...

"ในสมัยโบราณพิธีการนี้ต้องมีจิตรกรฝีมือดีมาวาดรูปเจ้าของร่างไว้ เพื่อเป็นสถานที่สำหรับจองจำพวกเขา
แต่โชคดีที่สมัยนี้เรามีกล้องถ่ายภาพ..."

แชะ!!

เสียงชัตเตอร์ดังขึ้น
พร้อมกับกระดาษโพราลอยด์ที่ยื่นออกมาจากกล้อง เควินสะบัดไปมาสองสามครั้ง
แล้วหันกลับมาให้ผมดู
"นายชอบไหมละ คริส ภาพสุดท้ายของนาย หึหึ"
"อะไรก้น! นี่แม่นาย แม่นายรู้เรื่องนี้หรือเปล่า นายกำลังทำผิดอยู่นะ"
ผมหาเรื่องอ้างสารพัดเท่าที่จะนึกออก
"ก็แม่ฉันนี่แหละ กำชับนักหนาว่าต้องหาร่างใหม่ให้ คาร์ลให้ได้" เพื่อนของผมหัวเราะดังลั่น
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาขยำพร้อมแล้วยัดมันเข้าไปในปากของผม
เควิน ที่ผมรู้จัก คือ หัวขโมย
หัวขโมยที่กำลังจะเอาร่สงของผมไป

เขาวางรูปของผมลงบนพื้น
พร้อมกับหยิบสมุดคำสาปโบราณมาอ่านหน้าต่อไป ผมดิ้นรนอย่างหนัก
"สำเร็จ!!" ผมตะโกนในใจ เหมือนเชือกของผมสะกิดกับเศษแหลมบางอย่าง มันเริ่มขาดออกจากกันแล้ว
ผมพยายามอย่างที่สุดที่จะไม้ให้เขาไหวตัว แต่ผมก็ต้องแข่งกับพิธีการสยองเขาที่กำลังร่ายคาถาอยู่!!

เควิน กำลังจะทำบางอย่างกับรูปของผม
เขาใช้มีดพกปักมันลงกับพื้นดินของสุสาน ผมต้องล้มพิธีกรรมบ้าๆนี่ซะ

ผมกระชากเชือกขาดออกด้วยกำลังทั้งหมดที่มี และมันหลุดออกอย่างง่ายดาย ผมกระโจนเข้าใส่ เควิน ที่กำลังอ่านคาถาจากคัมภีร์นรกนั่น
"โอ้ยยยยย!!" ของแข็งบางอย่างกระทบเข้าที่หัวของผม ไม้ท่อนหนึ่งตกลงมา เสียงหัวเราะคิดคักดังขึ้นมาตามสายลม
"ทำดีมาก คาร์ล" เควินกล่าวชื่นชม
ผมรู้สึกหนังอึ้งที่ท้ายทอย แต่ผมก็พยายามคลานไปหาเควินให้ได้
อีกแค่นิดเดียว...
แค่นิดเดียวเท่านั้น...
เหมือนภาพตรงหน้าช้าลงไปแบบสโลวโมชั่น ปากของเควิน ค่อยอ้าออกะหุบลงช้าๆ เสียงสุดท้ายของเขา ดังก้องอยู่ในหัวของผม...

"จงมอบร่างกายนี้แก่ข้า และจงสิงสถิตย์อยู่เป็นนิรันดร์ในภาพนี้!"

เหมือนโดนจับกระชาก!!
ผมรู้สึกตัวลอยออกไปอย่างไร้น้ำหนัก
และ วูบบบบบบบบ....

เปลือกตาของผมเปิดขึ้นอีกครั้ง...
เควิน อยู่ต่อหน้าผม...
มันใกล้จนเหมือนผมนอนอย่างสบายใจอยู่บนตักของเขา...

แต่เปล่าเลย.. นั่นใครกัน ใคนอีกคนที่อยู่ข้างๆเควิน กำลังมองผมอยู่...

"นั่นมัน นั่นมันฉันนี่!!"
ผมแทบคลั่งเมื่ิอภาพตรงหน้าชัดเจนแล้ว
พวกมันทำสำเร็จ...
เหมือนภาพที่ไร้เสียง แบบละครใบ้
ผมเห็นพวกเขากอดคอกัน เหมือนดีใจอย่างที่สุดที่ได้พบกัน
พร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข
น้ำตาผมนองเต็มใบหน้าแท่งแหลมๆสีน้ำเงินสะท้อนแสงจันทร์ เหมือนกับเสาต้นใหญ่อันแหลมคม

ใบมีด... ที่ปักผมไว้อยู่กับพื้นดินของสุสาน

ผมตะโกนร้องอย่างบ้าคลัง
ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือ เควิน เดินกอดคอร่างของผม ออกไปจากสุสาน...

ลมบนพัดต้นไม้ไหวลู่
อีกาบินไปมาอยู่เหนือหัวของผม
ดวงจันทร์สีเลือดลอยเด่นส่องลงมากระทบกับใบมีด
มันค่อยๆกลายเป็นสีขาวนวลตามแบบที่ควรเป็น...

ผมได้แต่หวังลึกๆว่า...
ใครซักคนจะผ่านมาเห็น
ความเจ็บปวดอันทุกข์ทรมานของผม
แต่ไม่มีใคร... ไม่มีแม้แต่คนเดียว

ผมกลายเป็นภาพถ่ายในสุสาน
ที่รอใครซักคนมาแทนที่
ใครซักคนที่กำลังอ่านเรื่องของผม
ใครซักคนที่รับรู้เรื่องราวนี้...

แต่ยังนิ่งเฉย...

ช่วยด้วย...
ช่วยตามร่างของผมคืนมาด้วย!
ช่วยบอกพ่อผมทีว่าผมอยู่นี่...
หรือไม่...

คุณก็มาแทนที่ผมซะ!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่