จากกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/34670163 ...
คำตอบสุดท้ายของผมคือ ...
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
คุณ ..kekzo,
อสัญญีฌาน ไม่ได้ไปเกี่ยวอะไรกับอรูปฌานทั้ง ๔ นั่นซะหน่อย เพราะยังไม่ไปไม่ถึง.. แล้วจะเอาอรูปฌานมาพูดว่า มันดับหรือไม่ดับในอสัญยีฌานได้ยังไงกันละ??? ... คนละงานเลย
เพราะฉะนั้น การพูดว่า อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ...คือการพูดที่ผิดหลักตรรกะ
---------------------------------
คุณ 2818034 ,
ดูท่าคุณจะยังไม่เข้าใจอสัญญีฌาน และลักษณะของฌาน ...
เช่น ที่คุณ พูดข้างบน ใน คห. ที่ 22-1 ว่า....."อสัญญีฌาน เป็นมิจฉาทิฏฐิ".... ซึ่งไม่ใช่ เพราะฌานคือฌาน ไม่ใช่ทิฏฐิ ..ฌานมีองค์ธรรมคือ เอกัคคตาเจตสิก ..ส่วนมิจฉาทิฏฐิมีองค์ธรรมคือ ทิฏฐิเจตสิก และคนไม่มีฌานก็เป็นคนที่มีมิฉาทิฏฐิได้ ดังนั้น มิจฉาทิฏฐิจึงไม่เกี่ยวกับฌานก็ได้
และที่คุณบอกอีกว่า .."ปุถุชน ถึงแม้ได้ฌานระดับสูงสุดคือสมาบัติ 8 หรือ เนวสัญญานาสัญญายาตนฌาน ไม่สามารถพ้นจากวิถีจิตได้ อย่างมากก็อยู่ในภวังคจิต ภวังคจิต เป็นจิตที่รักษาภพชาติไว้ ตราบใดที่ยังไม่เข้าฌานขั้นนิโรธสมาบัติและปรินิพพาน ภวังคจิตเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถพ้นจากวิถีจิตได้" ... คุณหมายถึงว่า คนที่เข้าฌานอยู่ เช่นปุถุชน ..ยังมีภวังคจิตเกิดขึ้นในระหว่างกำลังเข้าฌาน ใช่ไหม ? ถ้าคุณเข้าใจแบบนั้น แสดงว่า คุณเข้าใจผิดไปถนัดเลย ...
ความจริงในเรื่องนี้ ที่คุณต้องทำความเข้าใจใหม่และจำไว้คือ คนที่กำลังเข้าฌานอยู่ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นปุถุชนหรือพระอริยะเจ้า ก็ตาม ในขณะนั้น วิถีจิตจะเป็นฌานวิถี จะเป็นชวนะวาระอย่างเดียวเท่านั้น คือ จิตจะเป็นฌานจิต หรือเป็น ชวนะ ๆๆๆๆ..ติดต่อไปนับดวงไม่ถ้วน จะไม่มีภวังคจิตเกิดมาคั่นได้เลย แม้แต่ดวงเดียว ขณะเดียว....ภวังคจิต จะเกิดมาได้ก็ต่อเมื่อ ถอนออกจากฌาน มาเป็นกามวิถีปดติ หรือวิถีอื่นๆ เท่านั้น ... สรุปง่ายๆคือ ขณะที่กำลังเข้าฌาน แม้จะเข้าติดต่อไปนานหลายๆวันหลายๆคืน ก็ตาม จะไม่มีภวังคจิตเกิดขึ้นแม้เพียงดวงเดียว มาคั่นจังหวะฌานวิถีได้โดยเด็ดขาด
มาที่จุดสำคัญ ที่คุณเข้าใจว่า อสัญญีฌาน จิตและเจตสิกยังไม่ดับ ยังคงทำงานอยู่ ..ขอบอกว่านั่นคือความเข้าใจผิด
ที่ถูกคือ อสัญญีฌาน ก็มีอาการเหมือนกับนิโรธสมาบัติ คือ จิตและเจตสิกดับหายไปหมดชั่วคราว แบบเดียวกันเลย ..ดังนั้น คนที่ได้อสัญญีฌาน ไม่เสื่อมเมื่อตายไป จึงไปเกิดเป็นอสัญญีพรหม หรือพรหมลูกฟัก มีแต่รูปไปเกิด ไม่มีจิตและเจตสิกไปเกิดร่วม ดังนั้นในพรหมชั้นนี้ จึงมีลักษณะคล้ายรูปปั้น หรือรูปแกะสลัก ใครตายในท่าไหน ก็ไปเกิดเป็นเหมือนรูปปั้นในท่านั้น เช่น ตายในท่านอน ก็ไปเกิดเป็นเหมือนรูปปั้นคนกำลังนอน อาจจะมีอายุยืนสูงสุดถึง ๕๐๐ กัลป์ ...และรูปของพวกพรหมลูกฟักทั้งหลาย ก็จะมีแค่ ๑๗ รูป เท่านั้น ไม่ครบ ๒๘ เหมือนสัตว์ในภูมิอื่นๆ
ว่างๆคุณไปค้นอภิธรรมมาใหม่ หรือ ไปสอบถามจาก อาจารย์อภิธรรมที่เก่งๆ ซะใหม่ สอบทานทบทวนให้แน่ใจก่อน ไม่งั้นคุณจะเข้าใจผิดไปตลอด ...
โชคดีนะครับ...
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
คุณ ๒ คน มีอะไรจะถกต่อไหมละ?? ว่ามาเลย ตามสบาย..
$$$ ขอเชิญคุณ 2818034 และ คุณ kekzo มาถกต่อที่นี่ จากกระทู้ข้างล่าง 34670163 $$$
คำตอบสุดท้ายของผมคือ ...
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
คุณ ..kekzo,
อสัญญีฌาน ไม่ได้ไปเกี่ยวอะไรกับอรูปฌานทั้ง ๔ นั่นซะหน่อย เพราะยังไม่ไปไม่ถึง.. แล้วจะเอาอรูปฌานมาพูดว่า มันดับหรือไม่ดับในอสัญยีฌานได้ยังไงกันละ??? ... คนละงานเลย
เพราะฉะนั้น การพูดว่า อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ...คือการพูดที่ผิดหลักตรรกะ
---------------------------------
คุณ 2818034 ,
ดูท่าคุณจะยังไม่เข้าใจอสัญญีฌาน และลักษณะของฌาน ...
เช่น ที่คุณ พูดข้างบน ใน คห. ที่ 22-1 ว่า....."อสัญญีฌาน เป็นมิจฉาทิฏฐิ".... ซึ่งไม่ใช่ เพราะฌานคือฌาน ไม่ใช่ทิฏฐิ ..ฌานมีองค์ธรรมคือ เอกัคคตาเจตสิก ..ส่วนมิจฉาทิฏฐิมีองค์ธรรมคือ ทิฏฐิเจตสิก และคนไม่มีฌานก็เป็นคนที่มีมิฉาทิฏฐิได้ ดังนั้น มิจฉาทิฏฐิจึงไม่เกี่ยวกับฌานก็ได้
และที่คุณบอกอีกว่า .."ปุถุชน ถึงแม้ได้ฌานระดับสูงสุดคือสมาบัติ 8 หรือ เนวสัญญานาสัญญายาตนฌาน ไม่สามารถพ้นจากวิถีจิตได้ อย่างมากก็อยู่ในภวังคจิต ภวังคจิต เป็นจิตที่รักษาภพชาติไว้ ตราบใดที่ยังไม่เข้าฌานขั้นนิโรธสมาบัติและปรินิพพาน ภวังคจิตเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถพ้นจากวิถีจิตได้" ... คุณหมายถึงว่า คนที่เข้าฌานอยู่ เช่นปุถุชน ..ยังมีภวังคจิตเกิดขึ้นในระหว่างกำลังเข้าฌาน ใช่ไหม ? ถ้าคุณเข้าใจแบบนั้น แสดงว่า คุณเข้าใจผิดไปถนัดเลย ...
ความจริงในเรื่องนี้ ที่คุณต้องทำความเข้าใจใหม่และจำไว้คือ คนที่กำลังเข้าฌานอยู่ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นปุถุชนหรือพระอริยะเจ้า ก็ตาม ในขณะนั้น วิถีจิตจะเป็นฌานวิถี จะเป็นชวนะวาระอย่างเดียวเท่านั้น คือ จิตจะเป็นฌานจิต หรือเป็น ชวนะ ๆๆๆๆ..ติดต่อไปนับดวงไม่ถ้วน จะไม่มีภวังคจิตเกิดมาคั่นได้เลย แม้แต่ดวงเดียว ขณะเดียว....ภวังคจิต จะเกิดมาได้ก็ต่อเมื่อ ถอนออกจากฌาน มาเป็นกามวิถีปดติ หรือวิถีอื่นๆ เท่านั้น ... สรุปง่ายๆคือ ขณะที่กำลังเข้าฌาน แม้จะเข้าติดต่อไปนานหลายๆวันหลายๆคืน ก็ตาม จะไม่มีภวังคจิตเกิดขึ้นแม้เพียงดวงเดียว มาคั่นจังหวะฌานวิถีได้โดยเด็ดขาด
มาที่จุดสำคัญ ที่คุณเข้าใจว่า อสัญญีฌาน จิตและเจตสิกยังไม่ดับ ยังคงทำงานอยู่ ..ขอบอกว่านั่นคือความเข้าใจผิด
ที่ถูกคือ อสัญญีฌาน ก็มีอาการเหมือนกับนิโรธสมาบัติ คือ จิตและเจตสิกดับหายไปหมดชั่วคราว แบบเดียวกันเลย ..ดังนั้น คนที่ได้อสัญญีฌาน ไม่เสื่อมเมื่อตายไป จึงไปเกิดเป็นอสัญญีพรหม หรือพรหมลูกฟัก มีแต่รูปไปเกิด ไม่มีจิตและเจตสิกไปเกิดร่วม ดังนั้นในพรหมชั้นนี้ จึงมีลักษณะคล้ายรูปปั้น หรือรูปแกะสลัก ใครตายในท่าไหน ก็ไปเกิดเป็นเหมือนรูปปั้นในท่านั้น เช่น ตายในท่านอน ก็ไปเกิดเป็นเหมือนรูปปั้นคนกำลังนอน อาจจะมีอายุยืนสูงสุดถึง ๕๐๐ กัลป์ ...และรูปของพวกพรหมลูกฟักทั้งหลาย ก็จะมีแค่ ๑๗ รูป เท่านั้น ไม่ครบ ๒๘ เหมือนสัตว์ในภูมิอื่นๆ
ว่างๆคุณไปค้นอภิธรรมมาใหม่ หรือ ไปสอบถามจาก อาจารย์อภิธรรมที่เก่งๆ ซะใหม่ สอบทานทบทวนให้แน่ใจก่อน ไม่งั้นคุณจะเข้าใจผิดไปตลอด ...
โชคดีนะครับ...
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
คุณ ๒ คน มีอะไรจะถกต่อไหมละ?? ว่ามาเลย ตามสบาย..