ก่อนอื่นขอแนะนำตัวกับทุกคนก่อนนะคะ
เราทำงานเป็น Sales Admin หรือที่เรียกง่ายๆว่าประสานงานฝ่ายขาย กับบริษัทเล็กๆแบบเล็กจริงๆแห่งหนึ่ง
แน่นอนว่าหน้าที่หลักของเราคือประสานงานให้ทีมขายและประสานงานภายใน ภายนอกแผนก ทั้งบริษัท
เพื่อให้งานของลูกค้าสำเร็จลุล่วงและได้รับความพึงพอใจ นั่นคือสิ่งที่เราให้คำสัมภาษณ์กับหัวหน้างาน
และเป็นสิ่งที่เรายึดถือในการทำงานมาโดยตลอด ก่อนหน้านั้นเราทำงานมา 3 ที่แล้ว โดยบริษัทเล็กๆแห่งนี้
เป็นที่ๆ4คะ และเราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะเป็นที่สุดท้าย เพราะไม่อยากเปลี่ยนงานแล้ว ถ้าจะต้องออก
ก็อยากให้เหตุผลว่า ทำธุรกิจส่วนตัวมากกว่าได้งานใหม่ที่ๆ5คะ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้
เรามีหัวหน้างานเป็นเกย์คะ ซึ่งถ้าใครๆจะถามว่า"เคยลองหรอ??ถึงได้รู้" สมัยนี้เพศที่สามเขาเปิดเผยคะ
ไม่ต้องมานั่งหาข้อสรุปอะไรหรอก เอาง่ายๆนะถ้าคุณเป็นผู้ชาย คุณจะใส่สูทสีม่วงยืนถ่ายรูป
กไม้สีม่วงมั้ยคะ
แน่นอน!!!ไม่มีหรอกคะ เซลฟี่กล้ามปู เซลฟี่ตอนอยู่ร้านของหวาน และใส่บิ๊กอาย ถามหน่อย??ผู้ชายทำกันหรอคะ
อีกอย่างคือ ทารองพื้นแบบผิดเบอร์ด้วยคะ (เราไม่ได้ว่าเกย์เป็นคนไม่ดีนะเพื่อนเราเป็นเกย์แบบนิสัยแมนๆเพียบเลย)
เท่าที่เราทำงานมาแต่ละที่ เคยเจอแต่หัวหน้างานที่สละให้ลูกน้องคะ แบบเวลามีกิจกรรมจับฉลาก ได้กระเช้าของขวัญ
ส่วนใหญ่จะเอามาติดเบอร์และจับฉลากกับน้องๆในทีมต่อ มันเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของหัวหน้าอย่างหนึ่งนะคะ
แต่หัวหน้าคนนี้ไม่คะ งุบงิบไว้คนเดียวเงียบๆ ถ้าไม่โดนทักมาอย่างเช่นวันเกิดลูกน้อง คุณไม่ให้อะไรลูกน้องคุณบ้างหรอ
เขาก็จะไม่สนใจอะไรเลยคะ จริงๆอาจจะมองว่าเป็นสิทธิของเขาก็ได้นะคะ แต่ในฐานะหัวหน้าและลูกน้องมันเป็นการสร้างบารมี
ให้ลูกน้องเกรงใจอย่างหนึ่งคะ
จนไม่นานตำแหน่งเล็กๆของเราได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่อื่นที่นอกเหนือเงินเดือน นั่นคือเป็นProject Manager งานสัมมนา
ของสินค้าตัวใหม่บริษัทซึ่งสินค้าตัวนี้วางตลาดเกือบปีแล้วคะ แต่ยังไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างกำไรให้บริษัทได้
ด้วยความที่เราGetในสิ่งที่GM,MDต้องการ จากในที่ประชุมและจบการตลาดมาโดยตรง จึงได้รับโอกาสให้ทำงานนี้คะ
แน่นอนมันเป็นเรื่องดีของเรา เราได้ประสบการณ์ว่าคนจะจัดงานสัมมนาต้องเตรียมตัว เตรียมงานอย่างไร เรามีพี่เลี้ยง
เป็นพนักงานในบริษัทนั่นแหละซึ่งเคยจับงานแบบนี้มาก่อนหน้าคอยให้คำปรึกษาอยู่ แต่โดยรวม90%ของงานเราเป็นคนออกแบบ
ทุกอย่างเลย ตั้งแต่จัดเพื่ออะไร ต้องได้อะไรกลับมา สัมมนารูปแบบไหน สถานที่ อาหาร ของที่ระลึก เวลา แขก พิธีกร ทั้งหมดเลย
ก็ว่าได้คะ เราใช้เวลาเตรียมงานประมาณเกือบ 2 เดือนจึงจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์แบบ ก็ไม่วายมาเจออุปสรรคอย่างหัวหน้างาน
คนนี้แหละคะ ทุกครั้งที่เข้าประชุมเราจะเชิญเขาร่วมประชุมด้วยเพื่อเป็นการให้เกียรติหัวหน้าและแจ้งให้ทราบไปในตัวเลยว่าลูกน้องอย่างเรา
กำลังทำงานอะไรอยู่ โดยที่งานประจำอย่างSales Adminก็ไม่ได้บกพร่องแต่อย่างใดคะ แต่ทุกครั้งที่ประชุมเสร็จเขาจะไม่รู้เรื่อง ไม่ออกความเห็นใน
ที่ประชุม แต่จะแอบๆกระซิบmanagerท่านอื่นๆแทนให้เปลี่ยนเนื้อหาของเรา เปลี่ยนรูปแบบงานของเรา ซึ่งตอนนั้นบอกได้เลยว่างานเดินหน้ามากว่า 90%แล้วคะ เรื่องที่เขาสอดเข้ามาแก้ไขก็จะเป็นพวก เปลี่ยนราคาอาหาร เปลี่ยนแบบของที่ระลึก เปลี่ยนๆๆ ซึ่งทำให้เกิดความไม่พอใจกับเรา
เราจึงต้องคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวว่า ถ้ามีไอเดียอะไรช่วยผุดออกมาระหว่างที่ประชุมด้วยไม่ใช่ไปพูดอะไรลับหลัง เราเป็นคนเตรียมงานและงานเดินหน้าไปแล้ว ต้องกลับมาแก้ไข มันไม่ใช่คะเพราะกระทบไปหมด กระทบการเงิน กระทบการสั่งทำของที่ระลึก กระทบอาหาร สถานที่ ทั้งหมด
ก่อนหน้านี้หัวหน้าเราก็ขัดแย้งกับน้องในทีมมาเรื่อยๆ ไม่ต่ำกว่า 6 คนคะตั้งแต่เราเข้ามาทำงานที่นี่ ลาออกเพราะหัวหน้าเป็นแบบนี้
ไม่เคารพการตัดสินใจลูกน้อง ให้คำตอบแบบคลุมเครือ ไม่มีการวางแผนให้ทีม เราไม่เคยเจอหัวหน้าแบบนี้อะ
ถีบลูกน้องไปรับผิดก่อนแต่ตัวเองก็ไม่ได้รับฟังหรือปกป้องลูกน้องแต่อย่างใด ถ้าใครไม่ได้สัมผัสจะคิดว่าเราใส่ร้ายเขานะและไม่ใช่เราคนเดียว
ที่ตัดสินใจลาออกจากกงานด้วยพฤติกรรมและอายุสมองของหัวหน้างานแบบนี้คะ
ล่าสุดประเมินBonusแบบใจดำสุดๆ เกรดD ไม่ให้กันสักเดือนหรือครึ่งเดือน ทั้งที่งานสัมมนานั้น จบงานมาเราสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทได้เพิ่มขึ้น
แบบทะลุเป้า ทีมขายสามารถนัดเข้าpresentลูกค้าได้หลายราย มีคนรู้จัดสินค้าใหม่ของเราเยอะขึ้น
เราทั้งเสียความรู้สึก และคิดว่าจะไม่ให้องคกรแบบนี้เอาเปรียบเราต่อไปแล้ว เราจึงลาออกแบบจัดเต็มในเหตุผลของการลาออกว่า
ไม่สามารถร่วมงานกับหัวหน้างานแบบนี้ได้ ไม่พึงพอใจผลการประเมินเกรดD โดยเราได้รับมอบหมายให้ทำงานสัมมนาและสามารถจัดงานได้
อย่างประสบความสำเร็จ ที่เขียนไปแรงๆทั้งนั้น ทำเอาหัวหน้าเสียความมั่นใจเลยคะ แต่เราเขียนเรื่องจริงนะไม่ได้เกิดจากอารมณ์เลย
เพราะเราตัดสินใจลาออกก่อนเกรดประเมินจะออกแล้วคะ เหมือนตอนนั้นคิดจะลาออกยังไม่100%ไง พอเจอเรื่องนี้เข้าไปตัดสินใจง่ายขึ้นเลย
เล่าให้ชาว Pantip ฟังเพลินๆนะ เราไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องบริษัทเล็กๆบรืษัทนี้แล้ว และเราก็ได้งานที่เราอยากจะทำเรียบร้อยแล้วคะ
เริ่มงานวันจันทร์นี้ละ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะ
หัวหน้า ???
เราทำงานเป็น Sales Admin หรือที่เรียกง่ายๆว่าประสานงานฝ่ายขาย กับบริษัทเล็กๆแบบเล็กจริงๆแห่งหนึ่ง
แน่นอนว่าหน้าที่หลักของเราคือประสานงานให้ทีมขายและประสานงานภายใน ภายนอกแผนก ทั้งบริษัท
เพื่อให้งานของลูกค้าสำเร็จลุล่วงและได้รับความพึงพอใจ นั่นคือสิ่งที่เราให้คำสัมภาษณ์กับหัวหน้างาน
และเป็นสิ่งที่เรายึดถือในการทำงานมาโดยตลอด ก่อนหน้านั้นเราทำงานมา 3 ที่แล้ว โดยบริษัทเล็กๆแห่งนี้
เป็นที่ๆ4คะ และเราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะเป็นที่สุดท้าย เพราะไม่อยากเปลี่ยนงานแล้ว ถ้าจะต้องออก
ก็อยากให้เหตุผลว่า ทำธุรกิจส่วนตัวมากกว่าได้งานใหม่ที่ๆ5คะ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้
เรามีหัวหน้างานเป็นเกย์คะ ซึ่งถ้าใครๆจะถามว่า"เคยลองหรอ??ถึงได้รู้" สมัยนี้เพศที่สามเขาเปิดเผยคะ
ไม่ต้องมานั่งหาข้อสรุปอะไรหรอก เอาง่ายๆนะถ้าคุณเป็นผู้ชาย คุณจะใส่สูทสีม่วงยืนถ่ายรูปกไม้สีม่วงมั้ยคะ
แน่นอน!!!ไม่มีหรอกคะ เซลฟี่กล้ามปู เซลฟี่ตอนอยู่ร้านของหวาน และใส่บิ๊กอาย ถามหน่อย??ผู้ชายทำกันหรอคะ
อีกอย่างคือ ทารองพื้นแบบผิดเบอร์ด้วยคะ (เราไม่ได้ว่าเกย์เป็นคนไม่ดีนะเพื่อนเราเป็นเกย์แบบนิสัยแมนๆเพียบเลย)
เท่าที่เราทำงานมาแต่ละที่ เคยเจอแต่หัวหน้างานที่สละให้ลูกน้องคะ แบบเวลามีกิจกรรมจับฉลาก ได้กระเช้าของขวัญ
ส่วนใหญ่จะเอามาติดเบอร์และจับฉลากกับน้องๆในทีมต่อ มันเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของหัวหน้าอย่างหนึ่งนะคะ
แต่หัวหน้าคนนี้ไม่คะ งุบงิบไว้คนเดียวเงียบๆ ถ้าไม่โดนทักมาอย่างเช่นวันเกิดลูกน้อง คุณไม่ให้อะไรลูกน้องคุณบ้างหรอ
เขาก็จะไม่สนใจอะไรเลยคะ จริงๆอาจจะมองว่าเป็นสิทธิของเขาก็ได้นะคะ แต่ในฐานะหัวหน้าและลูกน้องมันเป็นการสร้างบารมี
ให้ลูกน้องเกรงใจอย่างหนึ่งคะ
จนไม่นานตำแหน่งเล็กๆของเราได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่อื่นที่นอกเหนือเงินเดือน นั่นคือเป็นProject Manager งานสัมมนา
ของสินค้าตัวใหม่บริษัทซึ่งสินค้าตัวนี้วางตลาดเกือบปีแล้วคะ แต่ยังไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างกำไรให้บริษัทได้
ด้วยความที่เราGetในสิ่งที่GM,MDต้องการ จากในที่ประชุมและจบการตลาดมาโดยตรง จึงได้รับโอกาสให้ทำงานนี้คะ
แน่นอนมันเป็นเรื่องดีของเรา เราได้ประสบการณ์ว่าคนจะจัดงานสัมมนาต้องเตรียมตัว เตรียมงานอย่างไร เรามีพี่เลี้ยง
เป็นพนักงานในบริษัทนั่นแหละซึ่งเคยจับงานแบบนี้มาก่อนหน้าคอยให้คำปรึกษาอยู่ แต่โดยรวม90%ของงานเราเป็นคนออกแบบ
ทุกอย่างเลย ตั้งแต่จัดเพื่ออะไร ต้องได้อะไรกลับมา สัมมนารูปแบบไหน สถานที่ อาหาร ของที่ระลึก เวลา แขก พิธีกร ทั้งหมดเลย
ก็ว่าได้คะ เราใช้เวลาเตรียมงานประมาณเกือบ 2 เดือนจึงจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์แบบ ก็ไม่วายมาเจออุปสรรคอย่างหัวหน้างาน
คนนี้แหละคะ ทุกครั้งที่เข้าประชุมเราจะเชิญเขาร่วมประชุมด้วยเพื่อเป็นการให้เกียรติหัวหน้าและแจ้งให้ทราบไปในตัวเลยว่าลูกน้องอย่างเรา
กำลังทำงานอะไรอยู่ โดยที่งานประจำอย่างSales Adminก็ไม่ได้บกพร่องแต่อย่างใดคะ แต่ทุกครั้งที่ประชุมเสร็จเขาจะไม่รู้เรื่อง ไม่ออกความเห็นใน
ที่ประชุม แต่จะแอบๆกระซิบmanagerท่านอื่นๆแทนให้เปลี่ยนเนื้อหาของเรา เปลี่ยนรูปแบบงานของเรา ซึ่งตอนนั้นบอกได้เลยว่างานเดินหน้ามากว่า 90%แล้วคะ เรื่องที่เขาสอดเข้ามาแก้ไขก็จะเป็นพวก เปลี่ยนราคาอาหาร เปลี่ยนแบบของที่ระลึก เปลี่ยนๆๆ ซึ่งทำให้เกิดความไม่พอใจกับเรา
เราจึงต้องคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวว่า ถ้ามีไอเดียอะไรช่วยผุดออกมาระหว่างที่ประชุมด้วยไม่ใช่ไปพูดอะไรลับหลัง เราเป็นคนเตรียมงานและงานเดินหน้าไปแล้ว ต้องกลับมาแก้ไข มันไม่ใช่คะเพราะกระทบไปหมด กระทบการเงิน กระทบการสั่งทำของที่ระลึก กระทบอาหาร สถานที่ ทั้งหมด
ก่อนหน้านี้หัวหน้าเราก็ขัดแย้งกับน้องในทีมมาเรื่อยๆ ไม่ต่ำกว่า 6 คนคะตั้งแต่เราเข้ามาทำงานที่นี่ ลาออกเพราะหัวหน้าเป็นแบบนี้
ไม่เคารพการตัดสินใจลูกน้อง ให้คำตอบแบบคลุมเครือ ไม่มีการวางแผนให้ทีม เราไม่เคยเจอหัวหน้าแบบนี้อะ
ถีบลูกน้องไปรับผิดก่อนแต่ตัวเองก็ไม่ได้รับฟังหรือปกป้องลูกน้องแต่อย่างใด ถ้าใครไม่ได้สัมผัสจะคิดว่าเราใส่ร้ายเขานะและไม่ใช่เราคนเดียว
ที่ตัดสินใจลาออกจากกงานด้วยพฤติกรรมและอายุสมองของหัวหน้างานแบบนี้คะ
ล่าสุดประเมินBonusแบบใจดำสุดๆ เกรดD ไม่ให้กันสักเดือนหรือครึ่งเดือน ทั้งที่งานสัมมนานั้น จบงานมาเราสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทได้เพิ่มขึ้น
แบบทะลุเป้า ทีมขายสามารถนัดเข้าpresentลูกค้าได้หลายราย มีคนรู้จัดสินค้าใหม่ของเราเยอะขึ้น
เราทั้งเสียความรู้สึก และคิดว่าจะไม่ให้องคกรแบบนี้เอาเปรียบเราต่อไปแล้ว เราจึงลาออกแบบจัดเต็มในเหตุผลของการลาออกว่า
ไม่สามารถร่วมงานกับหัวหน้างานแบบนี้ได้ ไม่พึงพอใจผลการประเมินเกรดD โดยเราได้รับมอบหมายให้ทำงานสัมมนาและสามารถจัดงานได้
อย่างประสบความสำเร็จ ที่เขียนไปแรงๆทั้งนั้น ทำเอาหัวหน้าเสียความมั่นใจเลยคะ แต่เราเขียนเรื่องจริงนะไม่ได้เกิดจากอารมณ์เลย
เพราะเราตัดสินใจลาออกก่อนเกรดประเมินจะออกแล้วคะ เหมือนตอนนั้นคิดจะลาออกยังไม่100%ไง พอเจอเรื่องนี้เข้าไปตัดสินใจง่ายขึ้นเลย
เล่าให้ชาว Pantip ฟังเพลินๆนะ เราไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องบริษัทเล็กๆบรืษัทนี้แล้ว และเราก็ได้งานที่เราอยากจะทำเรียบร้อยแล้วคะ
เริ่มงานวันจันทร์นี้ละ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะ